ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 14 ทะลวงสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 16 โลกที่กำลังจะโกลาหล

80Y-ตอนที่ 15 ดำเนินการฝึกฝนต่อไป


จักรพรรดิหยวนตั้งใจแน่วเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา เขาฝึกฝนกองกำลังของตัวเองมากว่า 10 ปีแล้ว และเขายังมี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ ร่วมด้วย ถ้าเขาไม่ลงมือตอนนี้ เขาจะต้องรอจนถึงเมื่อไหร่กัน? รอจนอีกฝ่ายมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้มาจัดการเขา?

หัวหน้าคณะรัฐมนตรีไม่สามารถโน้มน้าวและต่อต้านได้

เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิหยวนได้ตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว เขาทำได้เพียงพยักหน้าและตอบกลับ“กระหม่อมจะทำให้ดีที่สุด และถวายชีวิตรับใช้ประเทศชาติและฝ่าบาท”

จักรพรรดิหยวนรู้สึกประทับใจและตอบกลับ“ด้วยการสนับสนุนจากอาจารย์ ข้ามั่นใจว่าว่าแผนของเราจะประสบความสำเร็จ”

“เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา คราวนี้การกำจัดเหล่าข้าราชบริพารจะทำให้ทั่วทั้งโลกตกตะลึงอย่างแน่นอน การเตรียมตัวจะต้องมาก่อน ไม่เช่นนั้นเราจะไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเต็มที่”หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อพวกเขาได้ตัดสินใจแล้ว พวกเขาจะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเวลาอันเหมาะสม

“เทียนหยวน ส่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีออกไป”จักรพรรดิหยวน ได้กล่าวกับ หลินเทียนหยวน

“ขอรับ!”หลินเทียนหยวน ได้กำหมัดแน่นและตอบกลับ

จากนั้นเขาก็ส่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีออกไปจากพระราชวังต้องห้าม เมื่อเขากลับมาอีกครั้ง จักรพรรดิหยวน ก็ได้ประทับอยู่บนที่นั่งที่มีแท่นวางกลางห้องโถงขนาดใหญ่ มีเอกสารจำนวนมากกองอยู่บนโต๊ะ ซึ่งทั้งหมดเป็นเอกสารของรัฐ

แสงสลัวจากตะเกียงได้ส่องใบหน้าของจักรพรรดิหยวน ทำให้เขาดูผอมลงแม้ว่าดวงตาของเขาจะมั่นคงก็ตาม

จักรพรรดิหยวนใช้เวลาทุกวันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในลักษณะเดียวกัน

ทุกคืนเขาได้นั่งบนที่นั่งนี้ และ มักจะจัดการเอกสารต่าง ๆ โดยไม่หยุดพักแม้แต่วันเดียว

แม้แต่คนที่เรียกร้องมากที่สุด ก็ยังบอกว่าจักรพรรดิหยวน เป็นคนขยันที่จะช่วยเหลือราชวงศ์จากวิกฤติการล่มสลาย

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาที่สะสมเป็นเวลาหลาย 100 ปีไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป มันกำลังจะระเบิดออกเมื่อใดก็ได้ในขณะนี้

จักรพรรดิหยวนได้จัดการปัญหาทีละคน แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าจำนวนคนที่เขาสามารถใช้งานได้นั้นมีน้อยเกินไปสำหรับปัญหาที่เขารับมือ

โชคดีที่ หลินเทียนหยวน ได้เติบโตขึ้น อีกทั้งยังมีรากฐานการบ่มเพาะพลังที่ดี นี่คือเหตุผลที่จักรพรรดิหยวนตัดสินใจที่จะนำเขาเข้ารับราชการและมาดูแลภายใต้เขาอย่างเป็นทางการ

หลินเทียนหยวน ได้เฝ้ามองจักรพรรดิหยวนที่กำลังตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด-เอกสารที่มีปัญหาระดับชาติต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขทีละคน ไม่ว่าจะเป็นการตกลงยินยอมหรือการเสนอความคิด เขาได้ส่งพวกมันกลับไป

ซึ่งเขาค่อนข้างยุ่งมาก!

ในอดีต หลินเทียนหยวน เกลียดชังบิดาของเขาที่ไม่ยอมรับตัวตนของเขา แต่วันนี้พอเห็นสถานการณ์ของจักรพรรดิหยวน ความขุ่นเคืองในใจก็ได้หายไป

ทุกคนต่างก็มีปัญหาของตัวเอง

จนกระทั่งช่วงครึ่งหลังของคืนนี้จักรพรรดิหยวนได้จัดการเอกสารจนเสร็จ

เขาได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก น้ำมันในตะเกียงส่วนใหญ่ได้หมดไปแล้ว

หลินเทียนหยวน ได้ยืดตัวตรง

เขายืนอยู่อีกด้านหนึ่งของห้องโถง ราวกับว่าเขาได้กลมกลืนไปกับเงา

จักรพรรดิหยวนได้มองร่าง หลินเทียนหยวน ที่สูงกว่าเขา

เขายิ้มอย่างพึงพอใจและพูดออกมา“เจ้าโตแล้ว!”

“ท่านพ่อ ข้าจะช่วยเหลือท่านในอนาคต”หลินเทียนหยวน อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิหยวนทรงงานหนักเพื่อประเทศชาติ หลินเทียนหยวน ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาจริง ๆ

“เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นแกนทองคำ แน่นอนว่าเจ้าสามารช่วยเหลือข้าได้ในตอนนี้”จักรพรรดิหยวน ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อ…”หลินเทียนหยวน ค่อนข้างลังเล

“มีอะไรงั้นหรือ?”จักรพรรดิหยวนกล่าวถามด้วยความสงสัย

“ระดับการบ่มเพาะพลังของข้าได้มาถึงขั้นปรมาจารย์เมื่อ 2-3 วันก่อนแล้ว”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับ

“ว่าอะไร?”จักรพรรดิหยวน มองไปที่ หลินเทียนหยวน ด้วยความประหลาดใจ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ในวัย 15 ปี?

“เจ้าไม่ได้อำข้าเล่นใช่ไหม เจ้าพึ่งอายุ 15 ปี...เจ้าจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ได้อย่างไร?”จักรพรรดิหยวน ประหลาดใจและรีบกล่าวถาม

“อืม...ต้องขอบคุณคำสอนของท่านอาจารย์ แต่ข้านั้นโง่เขลามากแม้ว่าจะกลืนกินทุกคำพูดที่ท่านอาจารย์สอนสั่งแต่ก็ยังไม่เข้าใจ แต่ถึงกระนั้นข้าก็สามารถบ่มเพาะมาจนถึงขั้นปรมาจารย์ได้”หลินเทียนหยวน ได้รู้สึกขอบคุณจากก้นบึ้งหัวใจของเขา

ในสายตาของเขา หลินจิ่วเฟิง คือยอดฝีมือที่หลบซ่อนตัวในตำหนักเย็น

“พี่ใหญ่…”จักรพรรดิหยวน รู้สึกพูดไม่ออก

แต่มันเป็นไปได้อย่างไร?

ฐานการบ่มเพาะพลังของพี่ใหญ่ถูกทำลายโดยพ่อของพวกเขาเมื่อ 10 ปีที่แล้วไม่ใช่หรือ?

พี่ใหญ่ไม่ได้มีทรัพยากรการบ่มเพาะพลังหลังจากที่ถูกส่งไปยังตำหนักเย็นหรอกเหรอ?

แต่ทว่า พี่ใหญ่ของเขากลับดูแล หลินเทียนหยวน ให้กลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งได้?

ความคิดและทฤษฏีต่าง ๆ ปรากฏขึ้นในใจของจักรพรรดิหยวน

เมื่อได้ยินคำพูดของ บุตรชายของเขา ส่วนที่สับสนบางอย่างที่เขาเคยสังเกตุในตอนนั้นก็ได้รับคำตอบในที่สุด

ผ่านไป 10 ปี ความเครียดจากการทำงานของเขาทำให้เขาดูแก่กว่าเมื่อก่อน แม้ว่าเขาจะพึ่งพาฐานการบ่มเพาะพลังของตัวเองให้ดูอ่อนวัย แต่คนที่มีดวงตาที่เฉียบคมจะสังเกตุได้ว่าเขามีอายุมากขึ้น

แต่พี่ใหญ่ของเขากลับยังคงดูเหมือนเดิม ทั้งหนุ่มและกระฉับกระเฉง อีกฝ่ายได้อาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกลความวุ่นวายจากโลกภายนอกอย่างตำหนักเย็น ราวกับสวรรค์ที่ถูกเนรเทศไปยังโลกมนุษย์

นอกจากนี้...ปราชญ์การต่อสู้!

จู่ ๆ จักรพรรดิหยวนก็นึกถึงเรื่องเมื่อ 10 ปีที่แล้ว…

“ข้าได้บ่นกับพี่ใหญ่ในตอนนั้น แต่หลังจากนั้น ปราชญ์การต่อสู้ไร้นาม ก็ปรากฏตัวขึ้นเขาได้มองหาข้าและช่วยเหลือข้าในการจัดการศัตรูเพื่อทำให้ประเทศชาติสงบสุข’

‘ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ผู้นั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าพี่ใหญ่เป็นคนส่งมา?’

“พี่ใหญ่...ท่านแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?”จักรพรรดิหยวน ได้กล่าวถาม หลินเทียนหยวน ด้วยความตกใจ

“ลูกเองก็ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์แข็งแกร่งขนาดไหน”หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ

จักรพรรดิหยวน ไม่คิดเลยว่าพี่ใหญ่ของเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

เพราะท้ายที่สุด ทุกคนต่างก็รู้ว่าฐานการบ่มเพาะพลังขององค์รัชทายาทคนก่อน ได้ถูกทำลายไปโดยจักรพรรดิผู้ล่วงลับไปแล้ว

แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่

สำหรับหลินเทียนหยวน…

เขาได้ติดตาม หลินจิ่วเฟิง เป็นเวลา 10 ปี แต่เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายใช้ทักษะใด ๆ เลย มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่เขาได้เห็นพลังของ หลินจิ่วเฟิง นั่นคือช่วงเวลาที่ หลินจิ่วเฟิง ทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้

บึงน้ำได้กลายเป็นหยาดฝนแห่งกระบี่ได้ด้วยการเหวี่ยงนิ้วธรรมดา…

หลินเทียนหยวน รู้สึกว่าเขาจำเป็นจะต้องเรียนรู้จากอาจารย์ของเขาไปตลอดชีวิต ก่อนที่เขาจะหาทางขับเคลื่อนพลังทางโลกได้อย่างง่ายดายเหมือนกับอาจารย์ของเขา

“เป็นพี่ใหญ่จริง ๆ…”จักรพรรดิหยวนได้ยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาต้องการเอาชนะพี่ใหญ่ของเขาและได้รับความสำเร็จเพื่อทำให้พี่ใหญ่ภูมิใจ

แต่ตอนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น

ตำหนักเย็น!

หลังจากที่ หลินเทียนหยวน จากไป ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็พบกับความเงียบสงบอีกครั้ง

ในเวลานี้ไม่มีใครมารบกวนเขาอีกต่อไป และ เขาก็ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้เพื่อรับเอาโอสถสำหรับ หลินเทียนหยวน เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ อารมณ์ของ หลินจิ่วเฟิง ก็ค่อนข้างดี

เขาได้นั่งสมาธิทุกวันและปรับแต่งปราณจากนั้นก็ฝึกควบคุมพลังงานทางโลก ผสมผสานเข้ากับเจตจำนงค์การต่อสู้ของเขา ร่วมกับทักษะต่อสู้ของเขา

การปรับปรุงเหล่านี้ซ้อนกันทีละชั้น หลินจิ่วเฟิง รู้สึกแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย

ขั้นปราชญ์การต่อสู้ แบ่งออกเป็นหลายช่วง

เมื่อสามารถไปถึงขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้แล้ว บุคคลนั้นจะต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจ หลังจากนั้น ก็เป็นการตระหนักรู้ในชีวิต

ช่วงการตระหนักรู้ในชีวิตคือการทบทวนความเข้าใจในชีวิตและรากฐานของตัวเอง

หลังจากผ่านการตระหนักรู้ชีวิต ต่อไปก็คือ ข้ามผ่าน

การสร้างทะเลตระหนักรู้ทั้งหมดไว้ให้ปลากระโดดข้ามผ่าน

โลกคือทะเล และ ผู้บ่มเพาะพลังก็คือปลาตัวเล็ก ๆ เมื่อผู้บ่มเพาะพลังกระโดดข้ามผ่านโซ่ตรวนของโลก ซึ่งก็คือทะเล พวกเขาจะสามารถก้าวข้ามโลกได้อย่างแท้จริง

และช่วงสุดท้ายก็คือ เส้นทางการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่!

สี่ขั้นตอนเหล่านี้คือการแสดงให้เห็นว่าบุคคลผู้นั้นแข็งแกร่งเพียงใดในขั้นตระหนักรู้ของผู้ฝึกยุทธ์

หลินจิ่วเฟิง อยู่ในช่วง ทำความเข้าใจ ของขั้นปราชญ์การต่อสู้

แต่เจตจำนงค์การต่อสู้ของเขาและความสามารถในการควบคุมพลังงานทางโลกสามารถทำลายพลังเหล่านั้นของ ช่วงตระหนักรู้ในชีวิต

เขาได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ ‘ข้าอยู่ในขั้นปราชญ์การต่อสู้แล้ว แต่ข้าจำเป็นจะต้องค่อย ๆ เพิ่มฐานการบ่มเพาะพลังอย่างช้า ๆ และไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่น ๆ’

ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาในตอนนี้มีเสถียรภาพอย่างมาก เขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครรบกวน

หลังจากเข้าสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้ ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็รู้วิธีที่จะบิน

ปราณแท้จริงภายในร่างกายของเขาได้เปลี่ยนเป็นทะเลกว้างและลึกในตันเถียนของเขา เขาได้อาศัยพลังปราณอันไร้ขอบเขตของเขา ทำให้  ตัวเอง สามารถบินไปได้บนอากาศเหมือนกับนก โดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากการสนับสนุนจากภายนอก

เขาได้บินขึ้นไปบนอากาศประมาณ 1 ชั่วยาม ก่อนที่จะหยุดลง

“การบินในระยะสั้นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เมื่อฐานการบ่มเพาะพลังของข้าแข็งแกร่งมากขึ้น ระยะเวลาในการบินก็จะดีมากขึ้นไปด้วย”หลินจิ่วเฟิง รู้สึกพึงพอใจ

เขาสามารถบินได้อย่างต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วยาม ด้วยความเร็วในการบินที่น่าเหลือเชื่อ เขาไม่รู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งเดินไปหรือคนอื่นนั้นอ่อนแอ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ-ระยะเวลาในการบินและความเร็วของเขาช่างน่ากลัว

ในอดีต ไร้นาม สามารถบินได้อย่างต่อเนื่องเพียงเศษเสี้ยวของครึ่งชั่วยามก่อนที่พลังปราณแท้จริงของเขาจะหมดลง

แต่ตอนนี้ เพื่อสังหารศัตรูที่อยู่ไกลออกไปหลายพันเมตร หลินจิ่วเฟิง สามารถใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจในการเดินทางไปยังที่ตั้งของศัตรู

“เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ข้าได้เข้ามายังโลกนี้ ในที่สุด ข้าก็สามารถปกป้องตัวเองจากศัตรูด้วยความแข็งแกร่งของข้าได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พลังงานทางโลก ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในอนาคตโลกจะมีการแข่งขันและการต่อสู้สูงขึ้น ไม่ว่าอย่างไร ข้าเองก็ยังคงต้องพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากกว่านี้”หลินจิ่วเฟิง ได้ถอนหายใจออกมา

ชาติก่อนของเขาได้อ่านนิยายมาหลายเล่ม

เขารู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าโลกแห่งการแข่งขันอันยิ่งใหญ่นั้นเมื่อเริ่มต้นขึ้นจะเป็นอย่างไร เหล่าอัจฉริยะ พวกเขาไม่ต่างอะไรไปจากปราคาร์ปที่ข้ามผ่านแม่น้ำซึ่งจะปรากฏตัวขึ้นเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

ถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งเล็กน้อยของเขาจะไม่มีผลอะไรเลย

หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการจะออกไปยังโลกที่วุ่นวายแบบนั้น

แต่ทว่าเขาจะตัดสินใจใช้ชีวิตและลงชื่อเข้าใช้สถานที่เงียบ ๆ อย่างในตำหนักเย็นไปได้ตลอดจริงหรือ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด