ตอนที่แล้ว365 - ปัญหามาถึงแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป367 - ฉวยโอกาสสร้างความปั่นป่วน

366 - นัยยะสำคัญของเรื่องราว


366 - นัยยะสำคัญของเรื่องราว

ขณะที่นั่งอยู่ในรถม้าเอี้ยนลี่เฉียง สัมผัสได้ถึงสิ่งที่หลิวกงกงคิด หลังจากนั้น เอี้ยนลี่เฉียงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดของการเผชิญหน้าสามครั้งของเขากับซูหลาง

การเผชิญหน้าครั้งแรกของพวกเขาอยู่ในห้องของผู้ติดตามในตอนที่ไปวังหลวงครั้งแรก

ซูหลางและคนอื่นๆเป็นคนที่เริ่มสร้างปัญหา สุดท้ายก็จบลงด้วยเหลียงอี้เจี๋ยท้าประลองเขาในสนามประลองเป็นตาย

การเผชิญหน้าครั้งที่สองของพวกเขาคือวันที่ซูหลางต่อสู้กับเหลียงอี้เจี๋ย

การเผชิญหน้าครั้งที่สามของพวกเขาคือช่วงเวลาที่เขาได้พบกับซูหลางและคนอื่นๆเมื่อเขาออกมาจากร้านอาหารของช่วงสายเมื่อวานนี้

เอี้ยนลี่เฉียงยังกล่าวถึงความขัดแย้งที่เขามีกับพวกซูหลาง สำหรับเรื่องการฆ่ามันเป็นสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงจะไม่มีวันยอมรับอย่างแน่นอน

เป็นเพราะเขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครมองเห็นตอนที่เขาลงมือฆ่าทุกคน ต่อให้มีพยานลงเหลือจริงๆก็จะเห็นเพียงใบหน้าของงูจงอางเท่านั้น

สำหรับพยานและโจทก์ที่หัวหน้ามือปราบเฉินกล่าวถึง มันเป็นเพียงข้ออ้างที่จะทำให้คนอื่นตกใจ อย่างมากที่สุดคนคนนั้นก็จะบอกได้แค่ว่าเอี้ยนลี่เฉียงอยู่ในเมืองหลวงเมื่อคืนนี้

เป็นไปได้มากที่สุดก็แค่บอกว่าเห็นเหตุการณ์ที่เขามีความขัดแย้งบางอย่างกับซูหลางและคนอื่นๆนอกร้านอาหาร สิ่งเหล่านี้หากเป็นชาวบ้านธรรมดาอาจจะถูกจัดการก็ได้

แต่เอี้ยนลี่เฉียงเป็นถึงผู้บัญชาการหยิงหยางดังนั้นมหาอำนาจที่หนุนหลังเขาอยู่จะไม่มีทางยอมให้เขาล้มลงอย่างแน่นอน

ในรถม้าเอี้ยนลี่เฉียงยังได้แบ่งปันเหตุผลที่เขาได้พบกับจาง โหย่วหรงจากหอพันวิศวกรรมแห่งนิกายภูเขาวิญญาณกับหลิวกงกง

“สิ่งประดิษฐ์เล็กๆ” ของเอี้ยนลี่เฉียงบางส่วนในตอนที่เขาอยู่ในแคว้นกาน ทำให้นักประดิษฐ์หมายเลขหนึ่งของโลกสนใจในตัวเขาบ้าง

ดังนั้นจางโหย่วหรงจึงไปหาลู่เปียนในศาลาชุมนุมแคว้นกานซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของเอี้ยนลี่เฉียง

จางโหย่วหรงเชิญเอี้ยนลี่เฉียงไปทานอาหารที่ร้านอาหารท้องฟ้าไร้สิ้นสุด เอี้ยนลี่เฉียงยังเล่าถึงวิธีที่เขาทำงานร่วมกับฟางเป่ยโต้วเพื่อตีพิมพ์หนังสือพิมพ์

หลังจากฟังการสนทนาของเอี้ยนลี่เฉียง หลิวกงกงก็มองเอี้ยนลี่เฉียงด้วยความประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง ราวกับว่าเขาเพิ่งรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเอี้ยนลี่เฉียง

เขารู้สึกทั้งพอใจและประหลาดใจ “ช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรฮั่น' ที่เจ้าพูดถึงคืออะไร?”

เอี้ยนลี่เฉียงก็ให้คำอธิบายอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลิวกงกงได้ยินทุกอย่าง เขาก็แสดงความคิดเห็นว่า

“ความคิดนี้น่าสนใจ เป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าที่จะสามารถคิดเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถให้ความบันเทิงแก่ผู้คนได้”

เมื่อเห็นว่าหลิวกงกงไม่ได้ให้ความสำคัญกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มากนัก แต่เห็นว่าเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจ เอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก

“ข้ายังคิดว่ามันน่าสนใจที่จะคิดเรื่องนี้ขึ้นมา มันจะไม่ละเมิดข้อห้ามใดๆและข้าอาจจะสามารถหารายได้พิเศษได้ ดังนั้นข้าจึงเดินหน้ากับเรื่องนี้อย่างเต็มที่ น่าเสียดายที่ยอดขายของมันไม่ดีเท่าไหร่”

หลิวกงกงส่ายหัว

“สิ่งนี้เปรียบได้กับคนอื่นๆชื่นชมดอกไม้หรือเลี้ยงนกพิเศษบางตัว แค่ถือว่ามันเป็นงานอดิเรก หากเจ้าต้องการสร้างรายได้ต่อให้เป็นล้านตำลึงข้าก็สามารถช่วยเหลือเจ้าได้อย่างง่ายดาย!”

“กงกงพูดถูก!”

เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้โต้แย้ง เขาเพียงพยักหน้าแทน

“หลังจากนี้ข้าจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากเกินไป!”

หลิวกงกงพยักหน้าหลังจากฟังเอี้ยนลี่เฉียง

“ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนที่มีความสามารถมากถึงขนาดนี้ แม้แต่จางโหย่วหรงก็ยังให้ความสำคัญกับเจ้า ไม่ต้องกังวลคราวนี้กรมอาญาไม่มีทางแต่ต้องเจ้าได้…”

เมื่อพูดเช่นนี้เสียงของหลิวกงกงก็เย็นลงเล็กน้อย

“เจ้าเป็นผู้บัญชาการกองทหารม้าแห่งจักรวรรดิ นั่นหมายความว่าเจ้าทำงานรับใช้ฝ่าบาท พิจารณาจากสิ่งที่เจ้าพูดแสดงว่าคนเหล่านี้หมายมั่นปั้นมือที่จะใช้เจ้าจัดการกับท่านซุนและฝ่าบาท…”

"โอ้ใช่! ในตอนที่ซุนหลางและคนอื่นๆเมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนที่เป็นหัวหน้าของพวกเขา คนคนนั้นถูกเรียกว่านายน้อยหลิน..”

หลิวกงกงขมวดคิ้ว “นายน้อยหลิน? คนนั้นมีลักษณะอย่างไร”

“เขาไม่มีลักษณะพิเศษใดๆแต่มีไฝสีดำอยู่ข้างปากของเขา และเขาแสดงท่าทางหยิ่งผยองมีท่าทางน่ารังเกียจ เมื่อซูหลางคุยกับคนผู้นี้ดูเหมือนจะเกรงกลัวเป็นอย่างมาก!”

“ที่แท้ก็มันนั่นเอง!” ดวงตาของหลิวกงกงเป็นประกายเย็นวาบ

“ตอนแรกข้าก็สงสัยว่าด้วยหลักฐานเพียงแค่นี้เหตุไฉนกรมอาญาจึงต้องเล่นงานเจ้าเอาเป็นเอาตาย ที่แท้ก็มีใครบางคนอยู่เบื้องหลังนี่เอง…”

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมองเห็นมือปราบที่มาจับกุมตัวเขาเขาก็พอจะคาดเดาเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องแสร้งทำเป็นตกใจแล้วถามว่า

“กงกง นายน้อยหลินคนนั้นเป็นใครกันแน่?”

“นายน้อยหลินคนนั้นเรียกว่าหลินเจ๋อ เขาเป็นหลานชายของอัครเสนาบดีหลินชิงเทียน เนื่องจากหลินชิงเทียนไม่มีบุตรชาย ดังนั้นเขาจึงรับหลินเจ๋อเป็นบุตรบุญธรรม…”

“แล้วหัวหน้ามือปราบเฉินคนนั้นคือใคร?”

“เขาจะเป็นใครได้อีก? ก็แค่สุนัขรับใช้ของหลินชิงเทียน…” หลิวกงกงพูดอย่างดูถูก

กรมอาญาตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองหลวงและอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังมากนัก ผนังของมันเป็นสีแดงเข้ม เมื่อมองจากภายนอกดูเหมือนเป็นสถานที่ที่มีป้อมปราการแข็งแกร่งและเย็นยะเยือก

ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้เอี้ยนลี่เฉียงสังเกตว่าจำนวนคนที่เดินไปตามถนนรอบๆกรมอาญาดูเหมือนจะน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ในฐานะที่เป็นมหาอำนาจของอาณาจักรฮั่น โครงสร้างของกรมอาญานั้นใหญ่มากแตกต่างจากสถานที่ราชการอื่นของเมืองหลวง

องค์กรภายใต้กรมอาญาประกอบด้วยหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ตุลาการ หน่วยบรรเทาทุกข์ หน่วยสืบสวน เรือนจำ คลัง หน่วยงานพิจารณาคดี สำนักกฎหมายอาญา และอื่นๆ

นอกจากเสนาบดีกรมอาญาและรองเสนาบดีแล้ว ยังมีผู้ช่วยเจ้ากรมในระดับต่างๆ หัวหน้ามือปราบเฉินก็คือหัวหน้ามือปราบของเมืองหลวง ซึ่งสังกัดกรมอาญาด้วย

หลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงมาถึงแล้วเขาก็ถูกนำตัวไปดำเนินตามขั้นตอนของกรมอาญา โจทก์ที่เป็นผู้ฟ้องเขาในคดีนี้ก็ถูกจับกุมไว้ในห้องขังตามขั้นตอนเช่นกัน

ผู้คนจากกรมอาญาดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากจะซักถามเขาอย่างจริงจัง กลับกันพวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะจับกุมเอี้ยนลี่เฉียงขังไว้ในคุก

ตามธรรมดาแล้วนี่เป็นขั้นตอนตามปกติของกรมอาญาที่จะทำงานแบบลวกๆ แต่คราวนี้เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับหลิวกงกงข้อบกพร่องทุกอย่างของพวกเขาก็ถูกชี้ออกมาเพียงคำเดียว

หลิวกงกงถือได้ว่าเป็นบุคคลลำดับสามที่มีอำนาจที่สุดในฝั่งของจักรพรรดิ ที่อยู่สูงกว่าเขามีเพียงเสวี่ยกงกงและองค์จักรพรรดิของจักรวรรดิฮั่นเท่านั้น

เมื่อเห็นข้อผิดพลาดของกรมอาญาที่ทำงานอย่างหละหลวม เขาก็ตะโกนด่าออกมาด้วยความโกรธและฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายในกรมอาญา

หลังจากทำทุกอย่างตามแผนการแล้วเขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกนอกประตูกรมอาญาโดยพาเอี้ยนลี่เฉียงไปด้วย

จากนั้นพวกเขาก็ตรงไปที่วังหลวงเพื่อถวายฎีกาฟ้องร้องกรมอาญาที่ทำงานไร้ประสิทธิภาพ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด