Sign in Buddha's palm 216 (I) ตาน้ำพุจิตวิญญาณ!
Sign in Buddha's palm 216 (I) ตาน้ำพุจิตวิญญาณ!
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ'โอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์']
เสียงเย็นชาราวกับเครื่องจักรดังขึ้นในหูของซูฉิน
“โอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์?”
จิตใจซูฉินเข้าไปยังพื้นคลังของระบบ และพบเม็ดโอสถที่ลุกไหม้ท่วมทั่วไปด้วยเปลวไฟวางอยู่ที่มุมหนึ่ง
เม็ดโอสถนี้มีขนาดเท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่ แผ่ความร้อนอันน่าสะพรึงออกมา
“นี่คือโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์?”
ตอนที่ซูฉินได้เห็นเม็ดโอสถเม็ดนี้ ไม่รู้ว่าทำไม กลับมีความโหยหาอยู่ลึกๆ ภายในใจ
“ดูเหมือนว่าโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์จะมีประโยชน์กับข้าอย่างมากในการพัฒนาวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมา” ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าของเขาแสดงความพึงพอใจ
ก่อนหน้านี้เขากังวลเกี่ยวกับทรัพยากรในการฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมา และตอนนี้เขาก็ลงชื่อได้รับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ นับว่าโชคดีมาก
แต่พอซูฉินคิดว่าถ้ำเซียนแห่งนี้คือเคหาสน์ลับของจ้าวทะเลบูรพา และจ้าวทะเลบูรพาก็คือเซียนเทพปฐพีที่เชี่ยวชาญในธาตุไฟ
ถ้ำเซียนที่เขาปิดตายตัวเองอยู่ภายในมายาวนานหลายปีเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ แต่ก็ย่อมได้รับโอสถจิตวิญญาณธาตุไฟประเภทอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์อยู่ดี ซึ่งทุกอย่างเป็นที่เข้าใจได้ไม่ยาก
ซูฉินสงบใจลง ระงับความปรารถนาที่จะกลืนกินโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ลงไปในทันที จากนั้นจึงหันไปมองชิงชิวเฉียนเฉี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ตั้งแต่เจ้าพาข้ามาที่นี่ด้วยความซื่อตรงและไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ข้าจะให้โอกาสเจ้า”
ซูฉินพูดออกมาเบาๆ ด้วยสายตาอันสงบนิ่ง
“ตราบใดที่ผู้อาวุโสเต็มใจจะไว้ชีวิตข้า เฉียนเฉี่ยนก็สามารถทำทุกสิ่งเพื่อผู้อาวุโสได้” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกล่าวออกโดยไม่ลังเล
“โอ้?”
“ข้าสังหารจิ้งจอกตระกูลชิงชิวไปทั้งตระกูล เจ้าไม่โกรธเกลียดข้าหรอกหรือ?”
ซูฉินมองไปที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนด้วยความสนใจ
“ผู้อาวุโส จิ้งจอกตระกูลชิงชิวของข้านั้นสนับสนุนผู้แข็งแกร่งอยู่เสมอ ท่านผู้นำมิรู้จักรักตัวกลัวตาย กล้าล่อลวงสังหารท่านผู้อาวุโส เรื่องราวจบลงเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรยิ่งแล้ว”
ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกล่าวคำในทันที
“ดี”
รอยยิ้มของซูฉินค่อยๆ จางไป ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ในระหว่างการปิดด่านฝึกตนของข้า หน้าที่ดูแลเกาะหยิงโจวแห่งนี้จะถูกส่งมอบให้แก่เจ้า”
เหตุผลที่ซูฉินไว้ชีวิตชิงชิวเฉียนเฉี่ยนอยู่ตนหนึ่งนั้นไม่ใช่ทำไปตามอารมณ์แต่อย่างใด บนเกาะหยิงโจวนั้น แม้จะถูกปกคลุมด้วยค่ายกลฟ้าดิน แต่ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่เหล่านี้ได้เชื่อมต่อกับโลกภายนอก ซึ่งเป็นช่วงกระแสปราณฉีผันผวน มีโอกาสอย่างยิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่
ก่อนหน้านี้ตอนที่ซูฉินอยู่ในเมืองฉางอัน เขารับรู้ถึงไอพลังที่รั่วไหลออกมาจากค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่
แม้ว่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวบนเกาะหยิงโจวจะสามารถป้องกันไอพลังไม่ให้รั่วไหลต่อได้อย่างทันท่วงที แต่มันก็นับว่าสายเกินไปเมื่อเจอเข้ากับประสาทสัมผัสของตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นซูฉิน
ในเวลานี้ ซูฉินตั้งใจจะมอบหน้าที่การดูแลรักษาจัดการทุกสิ่งเกี่ยวกับค่ายกลขนาดใหญ่ให้กับชิงชิวเฉียนเฉี่ยน
แต่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนจะมีใจคิดเป็นอื่น คิดแก้แค้นให้กับคนของตนเองหรือไม่นั้น......
ประการแรกแกนกลางการควบคุมค่ายกลฟ้าดินของเกาะหยิงโจวยังคงอยู่ในมือของซูฉิน เพียงแค่ความคิดของซูฉินวูบเดียวก็สามารถลบชิงชิวเฉียนเฉี่ยนให้หายไปได้แล้ว
นอกจากนี้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ซูฉินฝังไว้ในหัวใจของชิงชิวเฉียนเฉี่ยนยังทำให้รู้ความรู้สึกนึกคิดของชิงชิวเฉียนเฉี่ยนได้ตลอดเวลาซึ่งเป็นการหยิบยืมเคล็ดบางส่วนมาจากการฝังจิตมารในคัมภีร์กลมารฟ้า
เมื่อใดที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนคิดร้ายต่อซูฉิน ซูฉินจะรู้เรื่องนี้เป็นคนแรก
เมื่อเวลานั้นมาถึง ซูฉินไม่จำเป็นต้องลงมือเองเลย เศษเสี้ยวจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นจะระเบิดออกโดยตรง และจิตวิญญาณของชิงชิวเฉียนเฉี่ยนจะถูกทำลาย
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกล่าวด้วยความเคารพ
หลังจากที่อาศัยอยู่ในเกาะหยิงโจวมานานปี เป็นเรื่องธรรมดาที่นางย่อมไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมต่อค่ายกลฟ้าดิน ซูฉินจึงขอให้นางจัดการในบางภาคส่วนของค่ายกลขนาดใหญ่ได้โดยไม่มีปัญหาใด
“นายท่าน นอกจากร่างของจ้าวทะเลบูรพา สิ่งอื่นภายในถ้ำล้วนแต่หมดสภาพไม่มีเหลือแล้ว......”
ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนมองดูขวดและไหบนพื้นชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความเสียดาย
ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวทะเลบูรพา โอสถวิเศษที่ทิ้งเอาไว้ภายในถ้ำจะต้องเป็นสิ่งหายากอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ในตอนนี้ โอสถทั้งหลายเหล่านี้ได้กลายเป็นเพียงเศษซากไร้ประโยชน์
“จะใช่เช่นนั้นจริงๆ หรือ?”
ซูฉินไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของนาง
ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ ซูฉินรู้สึกว่าหลังจากผ่านไปนานหลายพันปี มันคงไม่สามารถเก็บรักษาสิ่งต่างๆ ไว้ได้
“ไม่ใช่หรอกหรือ?” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกะพริบตา ใบหน้าสะสวยของนางเต็มไปด้วยความสับสน
ในตอนนี้ที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนได้รู้ว่าซูฉินจะไม่สังหารนาง ก็ทำให้นางโล่งใจมากขึ้น จนกล้าพูดคุยตอบโต้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าคิดว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในถ้ำเซียนทั้งหมดนี้?”
ซูฉินยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวคำแฝงความนัยอันลึกซึ้ง
“อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุด?” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเหลือบมองขวดและไหที่วางระเกะระกะอยู่ จากนั้นสายตาจึงไปตกลงบน <<เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์>> ที่ซูฉินโยนทิ้งไว้ข้างๆ แต่ไม่กล้าพูดออกมา
“มันคือถ้ำเซียนแห่งนี้......”