ตอนที่แล้วตอนที่16 ความแกร่งกล้าอันล้นเหลือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่18 ตื่นตะลึง

ตอนที่17 สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซาน


ตอนที่17 สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซาน

เสี้ยวพริบตาเดียว หยินต้าซงและน้องชายทั้งสองพลันแสยะยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ขึ้นบนมุมปาก เป็นหยินต้าซงที่พุ่งตัวออกมาเบื้องหน้า รีบยื่นมือไปคว้าตัวม่อไป๋ พอเห็นดังนั้นตัวม่อไป๋เองรีบพลิกตัวกลับลำวิ่งหนีสุดชีวิตออกไป

หยินต้าซงกระโดดข้ามหัวและพลิกตัวหันมาดักเบื้องหน้าม่อไป๋ในพริบตา ยืนหยัดท่าทางมั่นคงช่างดูน่ายำเกรง ก่อนจะเบี่ยงศีรษะหันไปพูดกับหยินเอ้อร์ซงและหยินซานซงว่า

“น้องรอง น้องสาม ถึงเวลาพูดบทของพวกเจ้าแล้ว!”

“พวกเราสามพี่น้องแห่งหุบเขา...”

“พี่ซานซงโปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! ข้าจะให้เงินทั้งหมดที่มีในตัวแก่พวกท่าน หรือแม้แต่สินค้าเหล่านี้ โปรดเอาไปให้หมด ขอเพียงไว้ชีวิตข้าเท่านั้น!”

ม่อไป๋รีบคุกเข่าโขกศีรษะอัดพื้นต่อแทบเท้าหยินต้าซง

“นี่เจ้า...”

มุมปากของหยินต้าซงกระตุกขึ้นอย่างแรง ท่าทางการแสดงออกราวกับกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนลั่นขึ้นว่า

“นี่เจ้าทำลัดขั้นตอนอยู่รู้หรือไม่! รีบลุกขึ้นเร็วเข้า รีบลุกขึ้น! รอจนกว่าพวกเราจะเอ่ยตามบทจบก่อน แล้วเจ้าค่อยคุกเข่าขอความเมตตาพวกข้าสิ!”

กลุ่มโจรชื่อดังแห่งหุบเขาหยินซานมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างบริเวณเขตชายแดนใกล้เมืองหลงเยวี่ย แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตจนเลื่องชื่อ ทว่าเป็นเพราะนิสัยแปลกๆ ของของเขาทั้งสาม น้องรองกับน้องสามก็อย่างที่เห็นคนหนึ่ง พล่ามไม่หยุดราวกับผีเจาะปากมาพูด ส่วนอีกคนวันๆ ก็เอาแต่ส่องกระจกชมตัวเอง ส่วนพี่ใหญ่อย่างหยินต้าซงก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ทุกอย่างต้องเป็นขั้นเป็นตอน เฉกเช่นเดียวกันตอนนี้ ก่อนที่พวกเขาจะปล้นใครสักคนจำเป็นต้องท่องบทให้เรียบร้อยเสียก่อน และหากถูกขัดจังหวะก็จะทำให้พวกเขาหัวเสียไม่น้อยเลย

ถึงคนพวกนี้จะดูแปลกๆ แต่ในด้านความแข็งแกร่งนับว่าไม่เลวเลย ว่ากันว่าคนพวกนี้สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรก่อกายาระดับสิบได้ นี่เป็นระดับขั้นพิเศษที่แม้แต่หลงอ้าวเทียน เจ้าเมืองหลงเยวี่ยที่เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาม่วงก็ยังไม่สามารถทำอะไรคนพวกนี้ได้

“เอาล่ะน้องรอง น้องสาม ทวนบทพูดใหม่อีกรอบ...”

หยินเอ้อร์ซงและหยินซานซงรีบพยักหน้า แต่คราวนี้เสียงที่เปร่งออกไปกลับแผ่วกว่าครั้งก่อนหน้า ดูหงึกหงักอ้อนแอ้นไร้ซึ่งความน่าเกรงขาม

“พวกเจ้า! ความดุดันหายไปไหนหมด! พอขึ้นต้นคำว่า ‘พวกเราสามพี่น้อง’ น้ำเสียงต้องหนักแน่นกว่านี้! เอาใหม่เลย เอาใหม่...”

หยินเอ้อร์ซงและหยินซาซงเริ่มทวนบทพูดใหม่อีกครั้ง

“เอาล่ะ ส่งของมีค่าทั้งหมดที่เจ้ามีมาให้ข้า!”

หลังจากพูดบทจบ หยินต้าซงก็ชี้ไปที่ม่อไป๋ที่ยืนตัวสั่นเทาพร้อมตะโกนขู่เข็ญขึ้นเสียงดังสนั่น

“ท่านทั้งสาม ข้ามีเงินไม่มาก...”

น้ำเสียงของม่อไป๋สั่นเทาอย่างหนักด้วยความหลวดกลัว ทำเอาริมผีปากซีดเผือก กล่าวตะกุกตะกักแทบฟังไม่รู้เรื่อง

“อืมม...มีของจำพวกบำรุงผิวพรรณบ้างไหมล่ะ?”

หยินซานซงหันมาเองถามขึ้นพลางส่องกระจกทองแดงชื่นชมใบหน้าอันหล่อเหลาของตัวเองต่อ

“ไอ้บ้าเอ๊ย! ขนาดแม่ข่ายังรู้ว่าเจ้าโกหก! ปล้นมานักต่อนักมันก็พูดแบบนี้กันหมด! ขี้โม้แท้!”

หยินเอ๋อร์ซงตะโคนเสียงแข็งใส่เช่นกัน

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว มีอะไรส่งมาให้หมดนั่นแหละ”

หยินต้าซงหันมาพูดกับม่ไป๋พร้อมประดับประดารอยยิ้มแสนชั่วร้ายบนใบหน้า

พอได้ฟังดังนั้นม่อไป๋จึบรีบหยิบข้าวของทั้งหมดออกมาด้วยความกลัว มีเพียงเศษอาหารแห้งและเศษเงินจำนวนเท่านิ้วก้อย และเหรียญตราทองแดงเก่าแก่สภาพทรุดโทรมที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน

“นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่นรึไง!”

หยินเอ๋อร์ซงโบกมือปัดสิ่งของเหล่านั้นกระเด็นตกพื้นไปทันที พวกเขาอุตส่าห์มาปล้นทั้งทีเพื่อของแค่นี้รึไง? ผลงานของพวกเขาสามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซาน ล้วนแต่บุกปล้นสะดมคลังสินค้าใหญ่ นี่ถือเป็นเศษซากก็ไม่ปาน

“ข้ามีเท่านี้จริงๆ ...”

ม่อไป๋รีบก้มเก็บของล่นพื้นอย่างระมัดระวัง สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่มี โดนหยินเอร์ซานตบสิ่งของมีค่ากระเด็นกระดอนออกไปแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการตบเงินที่เขาหามาทั้งชีวิตทิ้งไปเลย

“หื้ม? แล้วนี่มันอะไร?”

ทันใดนั้นหยินต้าซงเปล่งประกายขึ้นทันควัน เขาเหลือบไปเห็นเชือกสร้อยที่แดงบนคอม่อไป๋ จากนั้นก็ยื่นมือไปกระตุกทั้งแบบนั้นจึงขาดออกมา และยกมันขึ้นมาเพ่งพินิจดูว่ามันคืออะไร

“ไอ้เวรนี่ก็มีขอดีหนิหว่า! กล้าซ่อนของต่อหน้าพวกเรางั้นรึ! เช่นนั้นขอดูหน่อยเสียว่า ข้าควรสั่งสอนเจ้าอย่างไร!”

ม่อไป๋หาได้สนใจความเกรี้ยวโกรธเหล่านั้นที่มีต่อเขา เมื่อเห็นว่าจี้หยกของตนถูกพรากเอาไป เขาก็ตกใจจนสีหน้าซีดเผือกรีบตะโกนกู่ร้องขึ้นว่า

“คืนมา! คืนข้ามา! นั้นจี้หยกของข้า! มันเป็นมรดกตกทอดประจำตระกูลข้า!”

ขณะร้องขอ พลางยกมือพยายามแย่งกลับมาทันทีอย่างร้อนใจ

พอได้เห็นความร้อนรนขนาดนี้ก็สามารถกล่าวได้ทันทีว่า จี้หยกชิ้นนี้มีความหมายสำหรับเขามากเพียงใด

หยินต้าชูจี้หยกดังกล่าวขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้ม่อไป๋ไม่สามารถอาจเอื้อมได้ถึง เงยมองจี้หยกดังกล่าวพลางหัวเราะคิกคักกล่าวขึ้นว่า

“ดูความมันวาวนี่สิ! วันนี้ข้าบังเอิญเก็บสมบัติได้โดยแท้! นี่คงเป็นผลึกหยกระดับสูงกระมัง? ฮ่าฮ่า...แค่มันชิ้นเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับเลี้ยงดูพวกเราอย่างสุขสบายได้ตั้งหลายปี!”

“เอาคืนมา! เอาของข้าคืนมา!”

“ไสหัวไปซะ!”

ขณะม่อไป๋กำลังพยายามกระโดดคว้าจี้หยก หยินต้าซงก็ถีบอีกฝ่ายจนล้มคะมำลงกับพื้น

“ฮืออ...ฮืออ..ฮืออ.... ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่! ข้า...ข้าจะไปบอกนายน้อยเย่ให้มากำจัดพวกโจรชั่วอย่างพวกเจ้า!”

ม่อไป๋กำหมัดยกกำปั้นทุบพื้นอย่างบ้าคลั่งราวกับเพิ่งสูญเสียสิ่งที่รักไป สีหน้าเศร้าโศกยิ่งกว่าถูกมีดคมกรีดแทงใจ ตะโกนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าประดุจคนบ้า

“อันใด? นายน้อยเย่? หมายถึงไอ้ขยะอาณาจักรก่อกายาระดับหนึ่งนั่น? นี่ข้าฟังไม่ผิดใช่ไหม? นี่เจ้าคาดหวังให้ไอ้สวะตระกูลเย่มาช่วยเจ้างั้นรึ? ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ ...ช่างเป็นเรื่องตลกที่สุดตั้งแต่ข้าเกิดมาเลย!”

หยินต้าซงชะงักอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนระเบิดหัวเราะเยาะเสียงดังลั่นด้วยความดูถูก

สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานอยู่อาศัยในบริเวณป่าเขาด้านนอกเมืองหลงเยวี่ยเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นข่าวคราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลงเยวี่ยที่ออกมา มักจะล่าช้ากว่าคนอื่นเสมอ พวกเขาจึงยังไม่ทราบโดยธรรมชาติว่า ณ ปัจจุบันเกิดอะไรขึ้นในเมือง

“อาณาจักรก่อกายาระดับหนึ่ง? นี่พวกเจ้าไม่รู้เรื่องเลยรึไง? นายน้อยเย่ตอนนี้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรก่อกายาระดับห้าขั้นสุดแล้ว หลังเขาถูกประมุขคตระกูลหยางควักลูกตาออกไป เขาก็กลับมาล้างแค้นทั้งยังฆ่าล้างบางตระกูลหยางจนไม่เหลือด้วยตัวเพียงลำพัง! ตอนนั้นเหล่าผู้คนในเหตุการณ์ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า นายน้อยเย่ฆ่าสังหารเหล่าสมาชิกตระกูลหยางราวกับผักปลา ไม่มีจิตคิดเมตตาแม้แต่น้อย!”

ม่อแค่อยๆ ลุกยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับดวงตาสีแดงก่ำที่จ้องเขม็งใส่ทั้งสามด้วยความอาฆาตแค้น

“เจ้าว่ากระไร?”

หยินต้าซงก้าวขึ้นมาบีบคออีกฝ่ายเอาไว้ ยกร่างจนลอยขึ้นสูง เบิกตาโตถลนกว้างจับจ้องสะท้อนแววเย็นยะเยือก

“คืนมา...ไม่...เช่นนั้น...นายน้อย...เย่...จักบดขยี้...พวกเจ้าจนแหลก...ละเอียด!”

เสี้ยวอึดใจขณะ ม่อไป๋ลมหายใจเริ่มรวยริน ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารความอาฆาตจนล้นปรี่ เข้าสบตากับชายฉกรรมร่างกำยำโดยไม่ทีท่าจะอ่อนข้อใดๆ

“ข้าจะบดขยี้เจ้าให้แหลกเดี๋ยวนี้แหละ!”

หยินต้าซงกรนน้ำเสียงเย็นด้วยความโกรธ ขณะกำลังจะออกแรงบีบกระดูกคอของอีกฝ่ายให้แหลกละเอียด แต่ทันใดนั้นราวกับเขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ จคึงปล่อยมือออกจากคอของม่อไป๋ฉับพลัน และเอ่ยขึ้นว่า

“ไฉนเจ้าถึงมั่นใจนักว่า ไอ้ขยะตระกูลเย่จะสามารถโค่นพวกเราได้? อย่าว่าแต่มันเลย แม้แต่เจ้าเมืองหลงเยวี่ยยังทำอะไรพวกเราทั้งสามไม่ได้ หากพวกข้าเอาจริง ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับเหล่ายอดฝีมือตระกูลเย่ก็ไม่คนามืออันใด”

“เจ้าเมืองหลงเยวี่ย? ฮ่าฮ่าๆ ขนาดข้าเดินทางมาไกลยังข่าวไวกว่าพวกเจ้าเสีย ในมือของนายน้อยเย่มีดาบวิเศษเล่มหนึ่ง นามนั้นคือ ดาบสะบั้นมังกร ส่วนเจ้าเมืองหลงเยวี่ยงั้นรึ? ถึงจะเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาม่วง แต่กลับถูกนายน้อยเย่ใช้ดาบสะบั้นมังกรฟันขาดสองท่อนในดาบเดียว! แล้วพวกเจ้าที่อยู่ในอาณาจักรก่อกายาจะไปทำอะไรได้! ฮ่าฮ่าๆๆ ...”

พอพูดจบม่อไป๋พลันระเบิดหัวลั่นอย่างบ้าคลั่ง

“สังหารยอดฝีมืออาณาจักรนภาม่วงในดาบเดียว? นี่เจ้าเล่นตลกอันใด?”

หยินต้าซงเผยสีหน้าสบประมาทดูถูกออกมา เศษเสี้ยวพลังอาณาจักรก่อกายาระดับห้าขั้นสุดสามารถฆ่าเจ้าเมืองหลงเยวี่ยได้ภายในดาบเดียว? นี่มันเรื่องไร้สาระสิ้นดี

“เจ้าหมอนี่ช่างขี้โม้เสียจริง ถ้ามันทำได้ขนาดนั้น พวกข้าคงขึ้นสวรรค์ได้แล้วเช่นกัน!”

หลินเอ๊อร์ซงหัวเราะเยาะเสียงดังลั่น

“แหม...ข้ารู้สึกกลัวจนอยากวิ่งหนีไปไกลๆ เลยล่ะ มีอะไรอยากจะโม้ก่อนตายอีกหรือไม่?”

หยินซานซวงยกมือป้องปากพลันหัวเราะคิกคักเสียงดังขึ้น

“ฮ่าฮ่าๆๆๆ! พวกเจ้าเอาแต่ลอบซ่อนตัวอยู่ในป่าเขาย่อมไม่รู้อะไร เช่นนั้นพนันกับข้าดูไหมล่ะ? ให้พวกเจ้าเข้าเมืองได้เลยตอนนี้เพื่อสอบถามเรื่องของนายน้อยเย่ ตอนนี้นามขานเย่เจวี๋ยบันลือไปทั่วทุกมุมเมือง ทั้งล้างบางตระกูลหยางและเป็นผู้สังหารท่านเจ้าเมืองตายในดาบเดียว ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ว นายน้อยเย่กลายมาเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลงเยวี่ยแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักเขา!”

เมื่อประโยคคำกล่าวนี้หลุดออกมา ก็ทำเอาสามพี่น้องเงียบปากลงทันที

“พี่ใหญ่ ดูท่าทีของมันสิ หรือมันจะพูดจริง?”

ผ่านไปครู่ใหญ่ หยินเอ๋อร์ซงเป็นคนแรกที่ปริปากทำลายความเงียบงัน

“พี่ใหญ่ ดูท่ามันจะไม่ได้โกหก”

หยินซานซงกล่าวเสริมเช่นกัน

“หึ! สิ่งที่มันพูดออกมาใช่ว่าจะจริงเสมอไป!”

หยินต้าซงกรนเสียงเย็นกล่าวขึ้น เหลือบมองไปที่ม่อไป๋ฉายแววเย็นยะเยือกสาดสะท้อน

“ได้! ข้าจะพนันกับเจ้า! หากสิ่งที่เจ้าพูดไปมีความเท็จแม้สักนิด ข้าจะให้เจ้ากินอึที่พวกข้าเพิ่งเบ่งออกมาสดๆ ร้อนๆ! แต่ในทางตรงข้าม หากสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง พวกข้าจะกินอึของเจ้าแทน เหอะ เหอะ! เรื่องไร้สาระสิ้นดี ตั้งแต่ข้าเกิดมาหลายสิบปีไม่เคยเห็นใครสามารถสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้มาก่อน!”

“ฮ่าฮ่า...กินอึ! กินอึพวกข้า! แกอ้าปากกว้างๆ เตรียมรอไว้ได้เลย! ฮ่าฮ่าฮ่า....”

สีหน้าของหยินซานซงบิดเบี้ยวน่าเกลียดขึ้นทันควัน ราวกับเขาต่างหากที่กำลังจะต้องลิ้มรสอึตัวเอง

“กินอึเชียวรึ? พี่ใหญ่ ท่านโหดร้ายเกินไปแล้ว ข้าไม่กล้าเสี่ยงหรอก อี๊...”

“หุบปาก! นี่แกเชื่อจริงๆ เหรอไง!?”

หยินต้าซงชำเลืองมองน้องสามสายตาเย็นยะเยือก

หยินซานซงรู้สึกขนลุกซู่วขึ้นทันทันใด รีบโบกมือปัดโดยไว

“ไม่ ไม่ ไม่ เรื่องไร้สาระเช่นนั้นจะเชื่อได้อย่างไร?”

เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่เชื่อ เขาจึงชี้หน้าด่าม่อไป๋ตวาดใส่เสียงดังลั่นว่า

“ข้าจะเตรียมอึรอเจ้าไว้เลย! เอาล่ะ! เข้าเมืองไปพร้อมกับพวกเราเดี๋ยวนี้! ถ้าอยากรู้เสียจริงว่า ถึงตอนนี้เจ้าจะปั้นหน้าอย่างไร!”

“ฮ่าฮ่าๆๆๆ ...ได้เลย ได้เลย! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ถึงตอนนั้น...อย่าลืมสิ่งที่ตัวเองพูดเสียแล้วกัน! ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ ...”

“เจ้านี่! มีอะไรน่าขำขันนัก?”

“หยุดพล่ามแล้วเดียวไปได้แล้ว พวกเราจะเข้าเมืองกันเดี๋ยวนี้!”

แม้ว่าสามพี่น้องจะปั้นหน้าดุร้ายใส่ แต่เมื่อเห็นม่อไป๋ระเบิดหัวเราะยิ้มเยาะไม่หยุดแบบนั้น พวกเขาพลันรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด