ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 7 ข่าวใหม่จากต้าชุน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 9 ไร้นาม?

80Y-ตอนที่ 8 ออกจากตำหนักเย็น


ต้าชุน ได้จากไปพร้อมกับเศษเสี้ยวพลังกระบี่ที่ หลินจิ่วเฟิง ทิ้งเอาไว้ในร่างกายของเขา

จากนั้นหลินจิ่วเฟิง ก็กลับมานั่งในลานที่พักอย่างสงบ

ตอนนี้การบ่มเพาะพลังของเขาอยู่ที่ระดับ 3 ขั้นสร้างแกนทองคำ ซึ่งเป็น ขอบเขตแกนแท้จริง

ขั้นแกนทองคำประกอบด้วย ขอบเขตแกนเทียม,แกนภายใน,แกนแท้จริง และ สุดท้าย-แกนทองคำ!

หลินจิ่วเฟิง ใกล้จะทะลวงผ่านขอบเขตแกนทองคำแล้ว

เขายังคงฝึกฝนในขั้นแกนทองคำอย่างเงียบ ๆ และพยายามฝึกฝนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

เขามีความสุขกับชีวิตในปัจจุบันของเขา

ทุก ๆ 2-3 วัน เขาจะไปตรวจสอบร่างของบรรพบุรุษนิกายซากศพ

อีกฝ่ายมีชีวิตชีวามากขึ้น

แก้มของอีกฝ่ายได้เปลี่ยนเป็นสีกุหลาบ มีผิวที่ขาวมากขึ้นและใบหน้าดูหล่อเหลามากขึ้น

ออร่าที่สง่างามได้แผ่กระจายออกมา

“ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณใหม่ใกล้จะก่อตัวสำเร็จแล้ว ในที่สุด ทักษะการควบคุมศพจากความตายก็ได้ผล”หลินจิ่วเฟิง รู้สึกพึงพอใจมาก

ในไม่ช้า เขาก็จะมีลูกน้องที่แข็งแกร่งไว้ใช้งาน

ศพอายุพันปีที่ฝังลึกในใต้ดินที่มีพลังงานด้านลบอย่างรุนแรง อีกทั้งยังเป็นร่างของบรรพบุรุษอาวุโสของนิกายซากศพ เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มารวมกัน ทำให้ หลินจิ่วเฟิง คล้ายกลับกำลังต่อต้านเจตจำนงค์ของสวรรค์!

แน่นอนว่าเขาจะสามารถรู้ได้ว่าศพนี้มีพลังมากเพียงใดหลังจากอีกฝ่ายตื่นขึ้น

หลินจิ่วเฟิง ยังคงลงชื่อใช้งานปกติ

วันแล้ววันเล่า

ระรดับการบ่มเพาะพลังของเขาดีขึ้นมากเรื่อย ๆ

จนกระทั่งวันที่ 7 หลังจากต้าชุนจากไป

ในวันนี้ หลินจิ่วเฟิง กำลังรอ ต้าชุน มาส่งอาหารพร้อมกับไวน์เลิศรส แต่คนที่มาไม่ใช่ต้าชุน กลับเป็นน้องชายของเขา องค์รัชทายาทคนปัจจุบัน หรือก็คือ องค์ชายหก

“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัยขณะเดียวกันประตูของตำหนักเย็นก็เปิดออกอย่างช้า ๆ

องค์ชายหกได้เดินเข้ามา

นี่คือตำหนักเย็น ไม่ใช่สถานที่ที่ใครก็ตามก็สามารถเข้ามาได้

ครั้งสุดท้ายที่องค์ชายหกเสด็จมา เขาต้องกราบทูลสเด็จพ่อเพื่อมาขอพบ หลินจิ่วเฟิง เพียงครั้งเดียว

“พี่ใหญ่ ตอนนี้ข้าเป็นองค์รัชทายาทเต็มตัวแล้ว ข้าค่อนข้างมีอำนาจพอสมควร”องค์ชายหก ได้ยิ้มออกมา ขณะที่เขานำอาหารชั้นดีพร้อมกับไวน์มาเยี่ยมด้วย

องค์รัชทายาทที่ถือตะกร้าอาหารชั้นดีและไวน์ ได้เดินเข้ามา หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยรอยยิ้มและอธิบายสิ่งต่าง ๆ

“อะไร? เจ้าเพิ่งเป็นองค์รัชทายาทได้ไม่นาน แต่กลับได้รับอำนาจดูแลในการจัดการแล้วหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย

เขาอดคิดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีตของเขาเอง

เจ้าของร่างคนเก่าเป็นองค์รัชทายาทมา 10 กว่าปี แต่กลับไม่เคยได้รับโอกาสในการดูแลจัดการบริหารจัดส่วนแม้แต่น้อย

แต่องค์ชายหกผู้นี่ที่เพิ่งกลายเป็นองค์รัชทายาทได้ไม่นาน กลับได้รับอำนาจในการดูแลจัดการเรื่องเหล่านี้?

“พี่ใหญ่ เมืองหลวงตอนนี้เต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังปีศาจ พวกมันได้มารวมตัวกัน และ ให้คำมั่นว่า ในคืนพระจันทร์เต็มดวง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นทางทิศตะวันตกบนยอดพระราชวังต้องห้ามและสังหารเสด็จพ่อ”

องค์ชายหกได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม

ใบหน้าของ หลินจิ่วเฟิง สงบนิ่ง

เขากล่าวถามด้วยความสงสัย“ทางราชสำนักไม่เคลื่อนไหวอะไรเลยงั้นหรือ?”

“พวกเขาเองก็กะจะเคลื่อนไหว เพียงแต่ผู้นำที่นำผู้บ่มเพาะพลังปีศาจเหล่านั้นมาเพื่อลอบสังหารเสด็จพ่อ หาใช่ ประมุขนิกายของเหล่าผู้บ่มเพาะพลังปีศาจ แต่มันเป็น บรรพบุรุษเต๋าปีศาจ ที่มีอายุนับพันปี”องค์ชายหกได้ถอนหายใจออกมา

“บรรพบุรุษเต๋าปีศาจที่มีอายุนับพันปี?เขามีความขุ่นเคืองต่อองค์จักรพรรดิในปัจจุบัน?”

หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสับสน

“นิกายของบรรพบุรุษเต๋าปีศาจ คนนั้น มีชื่อเรียกว่า นิกายชุนฮวา มันถูกก่อตั้งมานับพันปีแล้ว และ ที่นั่นเป็นนิกายปีศาจแห่งแรกที่ เสด็จพ่อของเราทำลายมันหลังจากขึ้นครองบัลลังก์”องค์ชายหกได้อธิบาย

หลินจิ่วเฟิง ได้ค้นหาความทรงจำของเขาในทันที

นิกายชุนฮวา เป็นนิกายที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง พวกมันลักพาตัวสาวงามจากทุกที่ และ ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยกับพวกนาง การกระทำของพวกมันทำให้ จักรพรรดิในตอนนั้นรู้สึกโกรธเคืองเขาจึงได้ร่างราชโองการส่งทหาร 100,000 นาย ไปกวาดล้างนิกายชุนฮวาเหล่านั้น

“ความผิดของนิกายชุนฮวานั้นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นพวกมันสมควรได้รับแล้ว”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ

“แต่พวกมารเหล่านี้ไม่เคยให้เหตุผลกับใคร พวกมันได้ส่งข้อความมาบอกว่าในคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งถัดไปมันจะเป็นวันตายของเสด็จพ่อ”องค์ชายหกได้ตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้

“คนผู้นั้นแข็งแกร่งมากงั้นเหรอ?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย

“อืม เขามีพลังอยู่ในขั้นปราชญ์การต่อสู้”องค์ชายหกได้ตอบกลับ

หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วแน่น

‘ขั้นปราชญ์การต่อสู้ เขาน่าจะรับมือได้ยากจริง ๆ’

“พี่ใหญ่ ท่านก็น่าจะรู้ว่า ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่ที่ยิ่งใหญ่และได้รับความเคารพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเหนือมนุษย์”

“กระทั่ง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ก็ไม่ได้ปรากฏตัวมานับพันปีแล้ว…”

“แต่ตอนนี้ ปีศาจนี่กลับได้ฟันฝ่าระดับขั้นปราชญ์การต่อสู้ หลังจากที่เก็บตัวฝึกฝนมานาน สิ่งแรกที่เขาทำก็คือประกาศกร้าวที่จะลอบสังหารองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์สูงสุดของโลก”องค์ชายหก ได้ยกแก้วไวน์ขึ้นและดื่มมัน

“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าที่เป็นเพียงองค์รัชทายาทกลับมีอำนาจมากขึ้น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีอะไรเกิดขึ้นกับเสด็จพ่อ เจ้าก็จะสามารถสืบราชบัลลังก์ต่อจากเขาได้ในทันที และ ปกครองราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา”

หลินจิ่วเฟิง ได้เดาแผนการพ่อของเขาหลังจากที่เขาได้พิจารณาสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

แม้ว่า องค์จักรพรรดิในปัจจุบันจะถูกลอบสังหาร แต่ องค์ชายหก ที่เป็นองค์รัชทายาท ก็จะสามารถเขึ้นครองบัลลังก์และปกครองราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาให้อยู่ในความสงบได้

“พี่ใหญ่ ครั้งหน้าไม่รู้ว่าข้าจะได้มาเยี่ยมท่านอีกทีเมื่อใด ข้าคงจะยุ่งมากช่วงนี้ ดังนั้นพวกเรามาดื่มฉลองกันแบบพี่น้องกันเถอะ”องค์ชายหก ได้ยกแก้วไวน์ขึ้น เขาได้ระงับความคิดไม่สบายใจต่าง ๆ ออกไปและยิ้มออกมา

หลินจิ่วเฟิง ได้ยกแก้วไวน์ขึ้นและดื่มกับน้องชายของเขา

“คืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปคือเมื่อไหร่?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

“อีก 7 วันต่อจากนี้!”องค์ชายหกได้ครุ่นคิดและตอบกลับ

มีปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่หลายคนในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา แต่ไม่มี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้

ดังนั้นบรรพบุรุษอาวุโสจากนิกายชุนฮวา น่าจะเป็นเพียง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้เพียงคนเดียวในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม ผู้บ่มเพาะพลังปีศาจจำนวนมาก ถึงแห่กันมาที่เมืองหลวงของราชวงศ์ เพราะพวกเขาต้องการดูการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา และ เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นนิกายปีศาจครั้งใหม่

ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ได้เชิญ ลัทธิเต๋า และ นิกายต่าง ๆ มายังเมืองหลวงจักรพรรดิเพื่อขอความช่วยเหลือ

หลินจิ่วเฟิง ได้อยู่ในตำหนักเย็นทั้งวัน จึงไม่รู้เรื่องราวจากโลกภายนอก ทั่วทั้งโลกกำลังจับจ้องมองไปที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา แต่ละคนได้ทำงานหนักและนับถอยหลังวันที่จะเกิดความโกลาหลอย่างเงียบ ๆ

ในอีก 7 วันต่อมา ในคืนพระจันทร์เต็มดวง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นทางทิศตะวันตกบนพระราชวังต้องห้าม!

เกี่ยวกับเรื่องนี้ องค์ชายหก รู้สึกทุกข์ใจอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากดื่มไวน์หนึ่งขวดกับ หลินจิ่วเฟิง เขาก็ลุกขึ้นและจากไป

แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้สวมกอด หลินจิ่วเฟิง และนิ่งเงียบไปชั่วครู่

ไม่นานเขาก็จากไปอย่างเร่งรีบ

หลังของเขาได้ตั้งตรงและแผ่รัศมีความสงบออกมาเหมาะสมกับสถานะของเขา

คราวหน้าที่พวกเขาพบกัน ก็อาจจะเป็นตอนที่ เขาขึ้นกลายเป็นองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาแล้ว

“7 วัน!”หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา

เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่โลงทองแดงภายในห้อง

ศพโบราณอายุนับพันปีในโลงศพนี้จะตื่นขึ้นภายใน 7 วันข้างหน้าหรือไม่?

เวลาได้ผ่านไปอย่างช้า ๆ

หลินจิ่วเฟิง ได้เข้าใช้งานสถานที่และ ฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ นี่เป็นกิจวัตรประจำวันของเขา

สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือในกิจวัตรประจำวันของเขาคือการตรวจสอบศพอายุนับพันปีในโลงบ่อยมากขึ้น

จากที่เคยมองดูทุก ๆ 2-3 วัน ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นมองดู 2-3 ครั้งต่อวัน

ในวันที่ 7 หลินจิ่วเฟิง ได้ทะลวงผ่านขอบเขตจากแกนแท้จริงเป็นแกนทองคำ

แต่เขากลับไม่รู้สึกมีความสุขเลย

เพราะนี่วันนี้คือคืนพระจันทร์เต็มดวง มันเป็นคืนเดียวกับวันที่ผู้บ่มเพาะพลังปีศาจจะเริ่มอาละวาด

สำหรับ กระบี่ที่จะมาจากทางทิศตะวันตกบนยอดของพระราชวังต้องห้าม ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา จะสามารถหยุดมันได้หรือไม่?

ตอนกลางวันผู้คนในเมืองหลวงไม่ได้ออกไปไหนมากนัก

เพราะในเมืองหลวงตอนนี้เต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังปีศาจที่กำลังอาละวาด ผู้คนจากนิกายปีศาตต่างก็รู้สึกยินดีชื่นชมด้วยความตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง

สำหรับพวกเขาเต๋าปีศาจจะกลายเป็นผู้ครองโลกใบนี้

ในตอนเย็น พระราชวังต้องห้ามทั้งหมดได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา

บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม

ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยช่วยเวลาที่พระจันทร์เต็มดวงปรากฏ

ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ ศพอายุนับพันปีในโลงทองแดง

มันค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น

“นายท่าน!”ชายวัยกลางคนได้ลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพ

หลินจิ่วเฟิง ได้ยิ้มออกมาและพูดขึ้น“ไป ออกจากตำหนักเย็นไปพร้อมข้า!”

หลินจิ่วเฟิง ผู้ซึ่งถูกขังในตำหนักเย็นและถูกทิ้งเป็นเวลา 4 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะออกไปจากที่นี่

เขาได้พาลูกน้องของเขาไปด้วยและมุ่งหน้าไปยังพระราชวังต้องห้าม

เพราะคืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด