ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 6 สู่อัลชลาฟไวส์ (Voyager to Alschlagweiz)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 8 บ้านของราชสีห์ผู้หยิ่งผยอง (Home of arrogant lion)

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 7 ใบเรือดำในทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด (Black sails in endless sea)


ใบเรือดำในทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด 

( Black sails in endless sea )

มหาสมุทรอาจิเต้ ผืนทะเลขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถ้าเดินเรือเข้ามหาสมุทรแห่งนี้แล้วก็ยากที่จะไปให้ถึงจุดหมาย ไม่ใช่เพราะคลื่นนํ้าทะเลที่แปรปรวนตลอดเวลาแต่เป็นท้องทะเลที่ว่างเปล่าของตัวมันเอง และในตอนนี้ ลาสก็ได้มาอยู่ระหว่างใจกลางของมหาสมุทร ตัวเชื่อมต่อระหว่างสองทวีป แต่ความไม่สมเหตุสมผลมากกว่าการเดินทางระหว่างสองทวีปนั้นคือการที่เขาต้องมาเจอเรือที่โผล่ออกมาจากใต้ทะเล

และการที่ต้องมานั่งอยู่กับต้นเหตุของเรือจากใต้ทะเลลึก แต่เจ้าต้นเรื่องตรงหน้าลาสก็ทำตัวไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ทั้งที่ตัวเธอพึ่งขึ้นมาจากใต้มหาสมุทรแท้ๆ แต่ถ้าจะถามก็ควรถามชาวลีโอเนียที่นั่งข้างๆเขาดีกว่า

ใช่แล้วชายผู้ที่ชื่อว่า กาย ดิ ดับลินท์ ที่นั่งอย่างใจเย็นข้างๆตัวของลาส ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งอยู่ในห้องกัปตัน ถ้านับคนในห้องตอนนี้มีอยู่5คน ซึ่งมี ผู้แทนอาณานิคม(ร้อยเอก)ลาส พันเอกกาย กัปตันเรือที่พวกเขานั่งอยู่ และ อีกสองคนที่มาจากเรือที่ผุดขึ้นมาจากใต้ทะเล

คนแรกเป็นผู้หญิง เธอมีสีผมแดงเข้ม นัยน์ตาสีฟ้าแต่ข้างซ้ายใส่ผ้าปิดตาสีดำ สายตาของเธอยากที่จะคาดเดา ข้างใต้ตาตรงแก้มด้านขวามีสัญลักษณ์รูปดอกไม้สีแดงอ่อน ส่วนอีกคนเป็นชายแก่หนวดเคราและผมยาวสีขาว ใบหน้าที่ดูดุดันและน่ากลัว เหมือนกัปตันเรือมากกว่าผู้หญิงผมแดงเสียอีก

“ข้าต้องขอบคุณท่านที่เตรียมเหล้าชั้นดีจากเมืองอัล-โคฮัมบรา(Al-cohambra) ให้ตายสิขุนนางลีโอเนียช่างรํ่ารวยอะไรเช่นนี้” ตรงหน้าของลาสเป็นหญิงผมแดงพูดกับเซอร์กายพร้อมดื่มเหล้า ไม่สิกระดกเหล้าเพียวๆไปด้วยเสียมากกว่า

“แต่แค่นี้มันไม่พอ--”

“เครืองดื่มสำหรับเสบียงในคราวนี้เท่านั้น!” ขณะที่หญิงผมแดงกำลังจะเอ่ย กัปตันเรือลีโอเนียกล่าวขัดด้วยนํ้าเสียงไม่พอใจและเกรี้ยวกราด

“ฮ่าๆ ข้าต้องขออภัยในความโลภมากของข้า ข้ารู้ว่าชาวลีโอเนียมิเคยจ่ายช้าแต่ไหนแต่ไรแล้ว” เธอชะงัก “ยาร์… ว่าแต่ว่า เหตุใดชาวอาริกาเซียถึงสามารถออกจากอีกฝั่งของอาชีเท(1)ได้กัน?” สิ้นเสียงเธอก็กระดกเหล้าไปทั้งขวดไม่ได้สนใจคำถามที่ตนเองถามเลยแม้แต่น้อย ขนาดที่ว่าชายแก่ข้างๆยังต้องถอนหายใจกและส่ายหน้าจนปัญญากับหญิงผมแดงคนนี้

“ผมบอกเหตุผลไม่ได้ ถึงแม้พวกคุณจะเป็นลูกจ้างก็ตาม แต่ว่าถ้าอยากจะเก็บไปคิดซึ่งยังไงคุณก็ไม่เอาไปคิดอยู่ดี” เซอร์กายพูดพร้อมยิ้มเบาๆ

“ ไม่มีอะไรคงเดิมได้ตลอดไปหรอก ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแค่พวกคุณที่เปลี่ยนไม่ได้ใช่ไหมครับ

กัปตันเรือคริมสัน-ไซเรน  โซเฟีย จาโตก้า โจรสลัดใบเรือดำ

ตึง! “โห้ว! นานนักที่ไม่มีใครเรียกนามเต็มๆของข้า ท่านคงเป็นขุนนางชั้นสูงจริงๆสินะ” กัปตันโซเฟีย วางขวดเหล้าลงบนโต๊ะด้วยแรงที่หนักอึ้งเกิดเป็นเสียงดังหลังกระทบโต๊ะไม้

“สัญาญาที่ท่านทำกับสหจักรวรรดิ พวกเราไม่เคยลืมเลือน” สิ้นเสียงเซอร์กายก็รินเหล้าลงในแก้วของทุกคนยกเว้นกัปตันโซเฟียที่ดื่มด่ำกับขวดเหล้าของเธอ ก่อนที่เขาจะยกขึ้นดื่มและพูดต่อ

“สำหรับเสบียงในครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณเช่นเคย ถ้าผมจะถามเรื่องงานจะเป็นอะไรหรือไม่?” กัปตันโซเซียเท้าคางคิดอยู่สักพักก่อนจะหันไปหาชายแก่ข้างๆ ซึ่งกัปตันผู้มีดุดันก็พยักหน้าตกลงและตอบเซอร์กายแทน

“มีเพียงเรือของแฟแลงซ์ พวกพายุทราย และเรือหาปลาจากยูตร้า อาฟโรร่า พวกส่วนมากเรือที่ถูกพวกข้าจมจะเป็นแฟแลงซ์ที่พยายามปลอมแปลงเรือให้ดูเหมือนลีโอเนีย”

กัปตันชรากล่าวจบลาสก็ยกมือขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะถามคำถามอย่างตะกุกตะกักด้วยความประหม่า

“ทำไมเรือถึงโผล่ออกจากใต้มหาสมุทรได้กันครับ?” ใช่ ลาสอยากรู้ว่าทำไมเรือที่ควรอยู่บนผืนทะเลถึงได้ไปอยู่ใต้ทะเลกัน? หรือพวกเขาจะเป็นเรือผีต้องสาปแบบในหนังเก่ากันนะ? ลาสไม่เข้าใจถึงที่แห่งนี้จะเป็นโลกแฟนตาซีแต่เขาก็อยากจะรู้อยู่ดีว่าพวกเขาเดินทางใต้ทะเลได้ยังไง?

“โฮ่.. เรื่องนั้นเองหรือ? ยังไงช้าวลีโอเนียหลายคนก็คงรู้อยู่แล้ว ถ้าพวกเจ้าจะรู้ก็คงไม่เสียหายอะไร” กัปตันชราลูบหนวดเคราของตัวเองขณะพูด เขาเปลี่ยนสีหน้าของตนให้ดูเหมือนชายอายุมากที่กำลังจะเล่าเรื่องให้เด็กน้อยฟัง

“ ตำนานแห่งเซเรเนด บนทวีปยูตร้า ว่ากันว่ากัปตันของเรือลำหนึ่งที่มีชื่อว่าเซเรเนด ชายผู้ที่มีความทะเยอทะยาน เขาต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง โดยการเดินเรือเข้าไปใจกลางมหาสมุทรที่อันตรายที่สุด จึงเริ่มออกเดินทางพร้อมลูกเรือของเขา แต่จริงแล้วมหาสมุทรนั้นไม่มีแม้แต่คลื่นทะเล มันเป็นมหาสมุทรที่นิ่งเงียบยิ่งกว่าทะเลทราย มีเพียงสายลมที่อ่อนเบา แต่ทว่าเมื่อเรือของเข้าสู่ใจกลางของมหาสมุทรนั้น เขากลับรู้สึกผิดหวัง และโกรธแค้น

ลูกเรือของเซเรเนคต่างพากันสิ้นชีพเพราะไม่มีเสบียงอาหาร ท้ายที่สุดบนเซเรเนคก็เหลือเพียงแค่ชายผู้ทะเยอทะยานเพียงคนเดียว ความโกรธแค้นต่อตัวเองที่ทำให้ลูกเรือต้องตาย กัปตันหนุ่มจึงได้สาปแช่งผืนทะเลแห่งนั้น ความแค้นกลายเป็นคำสาป แต่คำสาปที่ถูกส่งเข้าร่างกายของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล มันทำให้นางโกรธ ด้วยความพิโรธของนางมหาสมุทรที่นิ่งสงบกลายเป็นมหาสมุทรที่แปรปรวนทันที เรือเซเรเนคถูกคลื่นทะเลขนาดใหญ่ซัดจนเรืออับปางลงจมสู่ใต้มหาสุทร แต่คำสาปของมหาสุทรนั้นกลับทำให้เรือเซเรเนคที่จมอยู่กลับลอยตัวอยู่ใต้นํ้าแทน

แต่เมื่อใดที่ผืนทะเลเริ่มหยุดนิ่งเรือเซเรเนคจะกลับขึ้นมาบนผิวนํ้าอีกครั้ง กัปตันคนใดก็ตามที่ได้ขึ้นไปบนเรือคำสาปแห่งนั้นพวกเขาจะถูกสาปให้มีอายุจนกว่าเรือของตนจะติดพื้นมหาสมุทรเมื่อนั้นกัปตันจะก็จะสิ้นสุดอายุขัยของพวกเขา และพวกเราก็คือผู้ถือคำสาปของเซเรเ-- ”

   เพล้ง! ขณะที่ชายชรากำลังเล่าเรื่องตำนานใกล้จบ กัปตันโซเฟียก็ขัดเรื่องเล่าด้วยการจับขวดเหล้าของตนฟาดไปยังหัวของชายชราจนล้มลงจากเก้าอี้ของตน สร้างความตกใจให้กับลาสอย่างมาก

“บาร์เลย์! เจ้าเลิกพูดถึงนิทานหลอกเด็กได้แล้ว” นํ้าเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรำคาญและดูเหมือนคนเมาอย่างมาก ก่อนที่เธอจะหันไปไปทางลาสและเอ่ยถาม “อย่าสนใจนิทานหลอกเด็กของบาร์เลย์เลย เจ้านี้มันไม่ค่อยปกติ ส่วนนามของเจ้าคือ?”

ลาสอยากจะตะโกนใส่หน้า หญิงตรงหน้าว่าใครกันแน่ที่ไม่ปกติ แต่ก็ทำได้เพียงเก็บใว้ในใจถ้าเกิดเธอฟาดขวดเหล้ามาที่เขาแทนมันจะไม่ดีเอา ลาสกลืนน้ำลายก่อนจะตอบคำถามของกัปตันโซเฟียและมองไปยังชายชราที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม้

“ดักลาสครับ… ว่าแต่คุณ เออ คุณบาร์เลย์จะไม่เป็นไรหรือครับ?”

“อย่าห่วงไปเลย เจ้าบาร์เลย์เคยเจอนักกว่านี้มาแล้ว อุมุ~ จริงๆแล้วพวกเราใช้เวทมนตร์ที่คิดค้นขึ้นเคลือบกับเรือเพื่อให้สามารถเดินทางใต้ทะเลได้ ข้างใต้ทะเลนั้นจะนิ่งยิ่งกว่าผืนทะเลข้างบน” เธอกล่าวพร้อมยืดอกภูมิใจในคำพูดของเธอ

“บอกแบบนี้มันจะดีหรือครับ ถ้าอย่างนั้นเวทมนตร์ที่พวกคุณคิดค้นขึ้นทุกคนก็สามารถใช้ได้นะสิ?”

“ร้อยเอก เวทมนตร์ของโจรสลัดน่ะ ไม่มีผู้ใดบนอองโทราลสามารถใช้ได้ หลายร้อยปีที่ศึกษามาพวกเราไม่เคยเจอสิ่งที่สามารถทำให้เรือแล่นใต้นํ้าได้เลย พวกเราจึงเลิกวิจัยเวทมนตร์ของโจรสลัดใบเรือดำไปหลายร้อยปีแล้ว” เป็นเซอร์กายที่ตอบลาสแทน

แม้ว่าจะสงสัยแต่ลาสก็ไม่ถามต่อ เขาเชื่อว่าโจรสลัดในมหาสมุทรแห่งนี้ช่างน่าเกรงกลัว ถ้าเกิดนักเดินเรือจู่ๆถูกล้อมโดยที่ไม่รู้ตัวแบบนั้นโอกาสรอดก็มีน้อยมาก เป็นได้เพียงอาหารของฝูงหมาป่าแห่งทะเล แค่คิดก็ไม่อย่าเป็นศัตรูด้วยแล้ว ดีจริงๆที่ลีโอเนียทำสัญญาอะไรก็ตามที่ทำไม่ให้พวกเขาต้องตกอยู่ในมือของโจรสลัดพวกนี้

“แต่ก็มีพวกไม่กลัวทะเลลึก ชอบเดินเรือโดยไม่สนใจอะไร พวกที่ต้องการทำลายความภาคภูมิใจของคนบางคนเช่นกัน อาทิเช่น อาริกาเซียดินแดนเที่ถูกอ้างสิทธิ์โดยราชสีห์แห่งตอนเหนือ”  กัปตันโซเฟียเหลือบสายตามองเซอร์กายเล็กน้อย

“แต่ว่ามหาสมุทรอาจิเต้ มันทั้งกว้าง ใช้เวลาเดินทางนาน และต้องการเสบียงเดินเรือที่มากมาย ถ้ามันเสี่ยงที่จะสูญเสียมากมายแต่ทำไมพวกเขาถึงยังเดินเรือในทะเลผืนนี้กันครับ?  ” ลาสเอ่ยถามอีกครั้ง

“ฮ่าๆ ข้าชอบคำถามเจ้าสาวน้อย! เป้าหมายของนักเดินทางในมหาสมุทรแห่งนี้คือดินแดนอาริกาเซียไม่ผิด ข้าไม่สนหรอกว่าพวกมันจะไปคุ- อะ อาริกาเซียทำไม แต่ที่แน่นอนก็คือมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วถ้าหากไม่มีเสบียงที่อยู่ได้นาน แต่ไหนๆพวกเจ้าก็สามารถไปมาระหว่างอองโทราลแล้ว ข้าจะพูดให้เจ้าฟังก็แล้วกัน”

กัปตันโซเฟียวางขวดเหล้าลงบนโต๊ะพร้อมนำมือมาประสานกันปิดบริเวณปากของเธอ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าจากคนที่ดูเมากลายเป็นคนที่ดูจริงจังขึ้นมาทันทีและนิ่งสงบดูมีความรู้ แต่คุณโซเฟียจะเท่มากกว่านี้ถ้าไม่พูดว่าเขาเป็นสาวน้อย!

“จริงๆแล้ว มหาสมุทรอาชีเท[1]ไม่ได้ว่างเปล่า ข่าวลือที่ว่ามีกะลาสีค้นพบเกาะในมหาสมุทรนั้นสร้างความอยากรู้อยากเห็นของอาณาจักรต่างๆ ใช่ที่ข้ากล่าวข่าวลือนั้นเพราะมันมีเกาะขนาดต่างๆอยู่จริงๆ นั้นเป็นที่อยู่ของพวกเรา แหล่งกบดานของเหล่าโจรสลัด แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี~” สิ้นเสียงเธอก็เปลี่ยนเป็นคนเมาเหล้าอีกครั้ง

“เฮ้อ! ให้ตายพวกท่านควรเพิ่มเงินให้คุมกับงานในมือของข้าเสียหน่อยไม่ได้หรือไง คอยปล้นเรือที่ปลอมแปลงมันยากมากนะท่านขุนนางแห่งลีโอเนีย~”

“งั้นก็แปลว่าร้อยปีที่ผ่านมาลีโอเนียกับกองเรือของกัปตันโซเฟียทำสัญญาจ้างมานานแล้ว” ลาสชะงักและถามหญิงตรงหน้าต่อ “แต่พวกคุณถึงไม่เปลี่ยนผู้ว่าจ้างไหมถ้าเกิดว่า… มีคนจ่ายหนักกว่า?”

เซอร์กายและกัปตันเรือลีโอเนียต่างจ้องมองลาสด้วยสายตาที่ไม่พอใจกับคำพูดของลาสเล็กน้อย แต่ลาสคิดว่าถ้าเกิดกลุ่มโจรสลัดนี้หักหลังขึ้นมา มันจะไม่แย่เอาหรอกเหรอ ต่อให้ลีโอเนียเป็นมหาอำนาจทางทะเลแต่ การที่ต้องเจอกับกองเรือที่สามารถหายลงไปใต้ทะเลและโผล่ขึ้นมาได้ทุกเวลาทุกทาง มันก็น่ากังวลไม่ใช่หรือไง?

กัปตันโซเฟียยกขวดเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด ก่อนจะวางมันเบาๆและเงียบอยู่สักพัก เธอยิ้มอ่อนพร้อมหลับตา ไม่นานกัปตันโซเฟียก็ตอบคำถามของลาส

“สัญญาจ้างมิใช่เพียงแค่สัญญาลูกจ้างเพื่อเงินทอง แต่เป็นสัญญาเลือดระหว่างราชวงศ์ลีโอเนีย จนกว่าลีโอเนียจะเป็นคนฉีกสัญญาก่อน พวกข้าถึงจะเปลี่ยนผู้ว่าจ้างได้”

“ถ้าพูดถึงชาวลีโอเนียก็ต้องคิดถึงราชสีห์ที่หยิ่งยโส” กัปตันโซเฟียนิ่งสักครู่ก่อนจะเอ่ยด้วยนํ้าเสียงที่ร่าเริง “ไม่มีทางที่ชาวลีโอเนียจะยอมเสียเกียรติเพื่อฉีกสัญญาเด็ดขาด”

“อย่างที่กัปตันโซเฟียกล่าวมา ถึงจะเป็นโจรสลัดที่ต่ำต้อยแต่ก็รู้ว่าพวกข้าไม่มีทางทำให้สหจักรวรรดิอัปยศเด็ดขาด” กัปตันเรือลีโอเนียพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

“แน่นอน! ถึงข้าไม่รู้ว่าตอนนี้ดินแดนแห่งนั้นจะเป็นเช่นไร แต่ข้าก็เชื่อว่าลีโอเนียยังคงสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้แม้ว่าจะเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า” เธอชะงัก “ยกเว้นพวกเจ้าชาวลีโอเนียจะหันมาตีกันเอง! ฮ่าๆ”

แต่ขณะที่ทุกอย่างกำลังมีชีวิตชีวาจากบทสนทนาของกัปตันทั้งสอง จู่ๆไม่รู้ว่าทำไมกัน ลาสถึงได้เผลอพูดสิ่งไม่ดีออกมาให้หญิงตรงหน้าได้ยินชัดเจนเต็มสองหู

คุณโซเฟียต้องอายุขนาดไหนกัน ถึงอยู่ตอนทำสัญญาร้อยปีกับราชวงศ์ลีโอเนีย… 

ความรู้สึกและบรรยากาศสุดเย็นเฉียบ แม้ว่าจะไม่ค่อยจะได้เจอนัก แต่ลาสก็จำได้ดี บรรยากาศที่น่ากลัวแบบนี้นอกจากหญิงสาวที่เคยเจอก็สามารถบอกได้ว่า กำลังจะเกิดอะไรขึ้น สมองที่คำนวณสิ่งที่ควรจะทำถูกใช้งานโดยเร็ว ร่างกายที่ลุกออกจากที่นั่งของตนยืนตัวตรง และก้มหัว 45 องศา พร้อมปากที่กล่าวขอโทษด้วยความรวดเร็ว

“ขอโทษที่เสียมารยาทคุณหญิงโซเฟีย ผมจะลบความทรงจําที่ไม่จำเป็นนี้แน่นอนครับ!”

“หืม… ข้าว่าข้าได้ยินผิดไปนะ เจ้าควรใช้คำลงท้ายให้มันดูเหมาะกว่านี้เสีย…” สายตาที่เย็นชาแม้ว่าจะมีอยู่เพียงข้างเดียวแต่มันก้ทำให้ สันหลังของลาสเสียววาบได้

เมื่อเห็นท่าไม่ดีลาสก็หันไปหาตัวช่วยสุดท้าย หัวหน้าของเขาเซอร์กายหรือไม่ก็กัปตันเรือลีโอเนียที่น่าจะช่วยแก้ต่างให้เขาได้ แต่ช่างน่าสงสารทั้งสองคนกลับทำหน้าไม่รู้ร้อนไม่ชี้ก่อนจะขอตัวออกจากห้องกัปตันไป

“คะ คือว่าผมต้องขอโทษคุณหญิงโซเฟียที่ผมอาจจะเผลอพูดอะไรที่ไร้สาระ แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ!”

“ไม่มีใครเคยพูดเรื่องอายุของข้า และข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นหญิงหรือชาย หากเจ้ากล้าพูดเรื่องอายุต่อหน้าข้า…” เธอชักดาบของเธอขึ้นมาชี้ไปที่หน้าของลาส “ข้าจะเป็นคนลงโทษเจ้า!”

เมื่อไม่เห็นทางแก้ความผิดพลาดของตนลาสก้มหลบดาบของกัปตันโซเฟีย ก่อนจะวิ่งไปหยิงดาบในห้องแห่งนี้ ลาสไม่สนแล้วว่าจะเป็นสิ่งของผู้ใด เขาไม่อยากเจ็บตัวเพราะถูกหญิงตรงหน้าแทง ต่อให้บนเรือลำนี้จะมีนักเวทรักษาแต่ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้หายไป แน่นอนว่าเขาไม่ยอมอยู่แล้ว

กัปตันโซเฟียแม้ว่าจะเมาแต่ฝีมือของเธอก็ไม่ได้ตกลงแต่อย่างไร เธอตั้งท่าบุกก้มตัวชี้ดาบไปข้างหน้าบริเวณลำตัวก่อนจะพุ่งแทงทันที ลาสเด้งตัวไปด้านขวาพร้อมปัดดาบของโซเฟียออกไป แต่น่าเสียดายที่กัปตันโซเฟียแก้ทางได้อย่างรวดเร็ว ปลายดาบที่ถูกแรงพลักจากลาสกลายเป็นตัวช่วยเพิ่มแรงให้ปลายดาบของเธอแกว้งไปถูกขาข้างซ้ายของลาส

   อ้าก! ไม่ทันไม่ตั้งตัว โซเฟียรุกด้วยความรวดเร็วฟันไปที่ข้อมือของลาสจนทำให้ดาบในมือของลาสหลุดออกจากมือไป ท้ายที่สุดลาสก็ล้มลงไปกับพื้นของห้อง ก่อนที่เธอจะนำดาบไปจ่อที่คอของลาส

“กัปตันโซเฟีย! หยุดก่อนครับ พะ ผมยอมแล้ว ได้โปรด!” ลาสขอร้องด้วยความกลัว ยังไงเขาก็ไม่ถนัดใช้ดาบจริงๆ ถึงจะเรียนมาหลายเดือนแล้วแต่พอสู้ๆจริง เขาแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย

“ข้าบอกว่าจะลงโทษเจ้ามิใช่หรือ? ต่อไปนี้หากอยู่ต่อหน้าข้า เจ้าต้องใช้สรรพนามผู้หญิง” กัปตันโซเฟียยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนจะเก็บดาบของตนและเดินไปหยิบแก้วที่ยังคงมีเหล้าเหลืออยู่ เธอไม่แม้แต่จะสนใจแผลของลาสด้วยซํ่า

“เอาล่ะ หากเจ้าจะให้ข้าตามนักเวทรักษาแล้วละก็ จงขอร้องข้าเสีย”

นี้มันน่าอับอายยิ่งกว่าถูกมองว่าเป็นสาวน้อยเสียอีก!

“ชิ… กัปตันโซเฟีย ช่วยกรุณาตามหมอมารักษาด้วยค่ะ”

ส่วนลาสที่ได้เจอกับการถูกฟันจริงๆ ก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา เขาเลืิอดออกอยู่ตรงนี้ยังไม่คิดจะช่วยกันหน่อยหรือไงกัน! กัปตันตรงหน้าของลาสไม่ต่างอะไรกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ กัปตันต้องสาป! ไม่สิกัปตันปีศาจชัดๆ! เขาขอสาบานถ้าเกิดจะคุยกับพวกโจรสลัด เขาจะไม่ยอมคุยกับปีศาจตนนี้อีกแน่นอน!

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[1] มหาสมุทรอาจิเต้ (Agitée Ocean) แต่ที่กัปตันโซเฟียพูดว่าอาชีเทเพราะว่าถ้าอ่านเป็นฝรั่งเศสจะออกเสียงคนละแบบกับอังกฤษ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด