ตอนที่แล้ว211-212
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป215-216

213-214


3/10

Ep.213

ซูเฉินไม่ลังเลเลย กระโดดลงจากรถ กวาดสายตามองไปยังอาคารหลังเล็ก ตะโกนเสียงดังว่า “พวกคุณทั้งสามคนลงมา!”

หวู่หยางเป็นพวกมีนิสัยขี้กังวล เดินเข้ามาข้างกายซูเฉินและเอ่ยถามทันที

“ซูเฉิน มีคนดักซุ่มอยู่ในอาคารงั้นหรอ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ แค่คนธรรมดาสามคน” ซูเฉินตอบกลับไป

เมื่อรู้ว่าเป็นแค่คนธรรมดา หวู่หยางก็ไม่ซักไซ้เพิ่มเติม กลับไปขุดหาหินพลังงานต่อ

ทั้งสามคนบนตึกสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของซูเฉิน

ริมฝีปากของเด็กชายตาโตสั่นระริก “หัวหน้า ทำอย่างไรดี เหมือนเขาจะเรียกพวกเรา”

ชายหน้าไหม้แดดกัดฟัน “งั้นก็ลงเถอะ ลงไปพร้อมกันนี่แหละ”

หากเคราะห์ดีก็แล้วไป หากเคราะห์ร้ายคงหลีกเลี่ยงเภทภัยไม่ได้ ในเมื่อถูกพบแล้ว ถ้ายังคงซ่อนตัว อาจเป็นการยั่วโทสะอีกฝ่าย

ไม่นาน ชายหน้าไหม้แดดและอีกสองคนก็ปีนลงมาจากบันไดหนีไฟ

“ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกเราแค่ถูกซอมบี้ไล่ล่า เลยมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง โปรดอย่าเข้าใจผิดไป” ชายหน้าไหม้แดดกล่าวด้วยความกลัว

“พรืดดดด!”

สือตั้วตั้วอดไม่ไหว หลุดหัวเราะออกมา

เธออายุแค่เจ็ดขวบ แต่ในสายตาอีกฝ่าย เธอดันกลายเป็นผู้อาวุโสไปซะงั้น

“ดูคุณสิ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ใช่ซอมบี้ซักหน่อย”

เห็นอีกฝ่ายตัวสั่นงันงกราวกับคนขวัญผวา ซูเฉินส่ายหัว จากนั้นมองไปยังเด็กชายตาโต เอ่ยถามว่า “นายชื่ออะไร”

“ท่านอาวุโส ฉันชื่อโจวหยุน” เด็กชายตาโตกล่าวเสียงสะอื้น รีบตอบกลับ

“เอาล่ะโจวหยุน นายมีหินรวมดาราอยู่กับตัวใช่ไหม?” ซูเฉินมองโจวหยุน และเอ่ยถาม

โจวหยุนชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยได้ยินชื่อ ‘หินรวมดารา’ มาก่อน แต่มีแร่บางชนิดอยู่บนตัวเขาจริงๆ ดังนั้นรีบหยิบมันออกมาแล้วพูดว่า “ท่านอาวุโส เป็นแร่ชิ้นนี้ใช่หรือไม่”

สิ่งที่โจวหยุนหยิบออกมาคือหินขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือซึ่งมีสีดำสนิท แต่บนผิวเคลือบไปด้วยแสงดาว เปล่งแสงออกมาเล็กน้อย เพียงมองก็รู้ว่าไม่ใช่วัตถุธรรมดา

ดวงตาของซูเฉินเปล่งประปาย กล่าวกับโจวหยุน “ขอฉันดูหน่อย”

โจวหยุนวิ่งเหยาะๆไปข้างหน้า ประเคนยื่นด้วยสองมือ

ซูเฉินหยิบมันขึ้นมาดู แล้วกลับไปข้างใน [รถศึกอัจฉริยะ]

โจวหยุนและคนอื่นๆไม่กล้าเคลื่อนไหว ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่ที่เดิม

“เสี่ยวจือ นี่คือหินรวมดาราใช่ไหม” ซูเฉินถาม [รถศึกอัจฉริยะ] ทันทีที่ขึ้นมา

“ใช่ เจ้านาย”

ใบหน้าของซูเฉินเปี่ยมไปด้วยความยินดี “แล้วถ้าอยากอัพเกรดพลังโจมตีของตาข่ายพายุแม่เหล็ก ต้องใช้หินรวมดารากี่ก้อน?”

“ต้องการประมาณ 20 ก้อน”

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก้าวลงจากรถ มาหยุดอยู่เบื้องหน้าโจวหยุน

“โจวหยุน นายพบแร่นี่ที่ไหน?”

หินรวมดาราก้อนเดียวไม่พอใช้อัพเกรด ดังนั้นต้องหามาให้มากกว่านี้

“ผมหยิบมันขึ้นมาจากแม่น้ำใกล้ๆเนินเขาของพวกเรา” โจวหยุนตามตอบความจริง

“แล้วแร่นี้ยังมีอีกเยอะไหม” ซูเฉินขยับเข้าไปใกล้ ลอบถามหยั่งเชิง

โจวหยุนส่ายหัว “เคยมีเยอะมาก แต่ภายหลังพวกมันถูกสถานชุมชนฮั่วหลางขุดออกไปหมดแล้ว แม้แต่ของที่พวกเราเคยเก็บไว้ก่อนหน้านี้ ก็ถูกพวกมันแย่งชิงไป”

ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินค่อยๆหรี่ตาลง

สถานชุมชนฮั่วหลางที่เอ่ยจากปากของโจวหยุน เป็นคนปล้นสะดมหินรวมดาราไป นั่นหมายความว่าสถานชุมชนฮั่วหลางเป็นที่รวมตัวของพวกโจร

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็เข้าทางซูเฉินอย่างไม่ต้องสงสัย

ในเมื่อพวกเขาสามารถปล้นคนอื่นได้ งั้นคนอื่นก็สามารถปล้นพวกเขาได้เช่นกัน

“หินรวมดาราที่พวกนายเก็บรวบรวมมาได้ตอนนี้ มีทั้งหมดกี่ก้อน” ซูเฉินถาม

“สถานชุมชนฮั่วหลางจะขอแร่จากเราทุกเดือน หากพวกเขาไม่ได้ พวกเขาก็ขู่จะฆ่าคน ทั้งตัวผมมีแค่ชิ้นเดียว” โจวหยุนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลด

4/10

Ep.214

เมื่อตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซูเฉินตะโกนเรียก “หัวหน้าหวู่ ทุกคน ขึ้นมาบนรถ”

หยางฮ่าววิ่งมาเบื้องหน้าเขา เอ่ยถามด้วยความสงสัย “พี่เฉินจะไปแล้วหรอ? แต่พวกเรายังเก็บหินพลังงานไม่เสร็จเลยนะ”

แม้ทั้งหมดจะเป็นหินพลังงานธรรมดา แต่ก็ยังเหลืออีกมากกว่า 500 ก้อน นั่นไม่ใช่มูลค่าน้อยๆ

หากไม่ขุดพวกมัน จะไม่เท่ากับเสียเปล่าหรือ?

ซูเฉินกระพริบตาปริบๆ “มีสิ่งที่ดีกว่ารอพวกเราอยู่”

หินพลังงานธรรมดาแค่ไม่กี่ร้อยก้อนจะไปเทียบกับหินหินรวมดาราได้อย่างไร? หากให้เลือก แน่นอนว่าต้องเป็นหินรวมดาราก่อนอยู่แล้ว

หยางฮ่าวร้อง “อ้อ” ไม่ถามมากความ หมุนตัวขึ้นรถทันที

หลังจากทุกคนขึ้นรถแล้ว ซูเฉินก็หันไปพูดกับโจวหยุนและอีกสองคนว่า “พวกนายก็ขึ้นมาด้วย”

แม้โจวหยุนและคนอื่นๆจะลังเล แต่เมื่อเป็นคำสั่งของซูเฉิน พวกเขาก็ไม่กล้าขัดขืนก้าวขึ้นไปบน [รถศึกอัจฉริยะ]

“เสี่ยวจือ ค้นหาพิกัดสถานชุมชนฮั่วหลาง และมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที” ซูเฉินสั่ง

[รถศึกอัจฉริยะ] ที่อัพเกรดแล้วมีฟังก์ชั่นการตรวจจับ 100 กิโลเมตร ยิ่งเมื่อได้รับการฟิวชั่นกับ [แท็บเล็ตแผนที่ทวีปเสวียนเทียน] การล็อคตำแหน่งสถานชุมชนฮั่วหลางจึงเป็นแค่เรื่องง่ายดาย

“รับทราบ”

[รถศึกอัจฉริยะ] สตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนไปข้างหน้า วิ่งออกไปตามทิศทาง

เมื่อทั้งสามคนเห็นว่า [รถศึกอัจฉริยะ] ไม่เพียงเอ่ยภาษามนุษย์ แต่ยังสามารถขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ทั้งหมดก็ตกใจจนพูดไม่ออก

หลังจาก [รถศึกอัจฉริยะ] ขับไปได้สิบนาที ชายหน้าไหม้แดดก็ตั้งสติได้ เดินเข้าไปหาซูเฉิน กล่าวหยั่งเชิงว่า “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปทำอะไรที่สถานชุมชนฮั่วหลาง?”

ตั้งแต่ขึ้นรถมา ซูเฉินไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร นี่ทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย

“ของมันแน่อยู่แล้ว ก็ต้องไปปล้นน่ะสิ”

รอยยิ้มที่แฝงความหมายลึกล้ำผุดขึ้นตรงมุมปากของซูเฉิน เขาอธิบายเพิ่มว่า “ในเมื่อพวกเขาสามารถปล้นคนอื่นได้ งั้นพวกเราก็ปล้นได้เหมือนกัน”

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของชายไม้แดดก็แปรเปลี่ยนไป เขากล่าวด้วยความกังวลว่า “ผู้อาวุโส โปรดทบทวนดูอีกครั้งเถอะ”

เขายอมรับว่ากลุ่มเล็กๆของซูเฉินแข็งแกร่งมาก แต่หากต้องการปล้นสถานชุมชน เห็นได้ชัดว่าประเมินตัวเองสูงไปหน่อย

ถ้าซูเฉินและสมาชิกไปกันเอง คงไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

แต่ประเด็นก็คือซูเฉินนำกลุ่มของชายหน้าไหม้แดดมาด้วย กลายเป็นลงเรือลำเดียวกัน

ถึงเวลาพอกลุ่มซูเฉินไปหาเรื่องสถานชุมชนฮั่วหลาง ชะตากรรมของกลุ่มชายหน้าไหม้คงพอจะจินตนาการได้

ซูเฉินปาดจมูกเขา เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “กำลังรบของสถานชุมชนฮั่วหลางแข็งแกร่งมากแค่ไหน?”

ชายหน้าไหม้แดดกล่าวอย่างเร่งร้อนว่า “พวกมันไม่เพียงมีผู้วิวัฒนาการเท่านั้น แต่ยังมีปรมาจารย์มนตราอีกด้วย รวมทั้งสิ้น 20 คน และผู้นำเป็นถึงผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 ที่ทรงพลัง”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ลอบสังเกตซูเฉิน

ตอนแรก เขาคิดว่าเมื่อสาธยายถึงความแข็งแกร่งของสถานชุมชนฮั่วหลาง มันจะทำให้ซูเฉินตกใจกลัว แล้วสลัดความคิดที่จะไปยังที่นั่น

อย่างไรก็ตาม เขากลับพบว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ซูเฉินไม่เพียงสงบดังเดิม ตรงกันข้าม ยังปรากฏร่องรอยเหยียดหยามขึ้นบนใบหน้าเขา ราวกับว่าไม่ได้เห็นสถานชุมชนฮั่วหลางอยู่ในสายตา

เอ๋? นี่มันยังไงกันแน่?

หรือว่าซูเฉินเองก็เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 ด้วยเหมือนกัน?

แต่เขายังเด็กอยู่เลย ไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกมั้ง?

ชายหน้าไหม้แดดรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว จึงหันไปมองคนอื่นๆ

สิ่งที่ปรากฏในสายตาเขากลับเป็นสีหน้าไม่ยี่หระของทุกคน เอาจริงๆกระทั่งเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบยังเผยท่าทีดูถูกออกมา

‘อ่าว ทำไมพวกเขาถึงไม่กลัวกันเลยล่ะ?’ ชายหน้าไหม้แดดจมอยู่ในห้วงความสงสัย

ซูเฉินเหลือบมองอีกฝ่าย รู้ว่าเขากังวลเรื่องอะไร ยิ้มปลอบประโลม “วางใจเถอะ มากับผม มีแต่จะได้รับผลประโยชน์ ไม่มีอันตรายหรอก”

“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” ชายหน้าไหม้แดดถอนหายใจ

ถึงจุดนี้ เขาคงห้ามปรามอะไรไม่ได้แล้ว งั้นก็คงได้แต่ก้าวไปด้วยกัน

สำหรับตอนจบ?

ก็คงปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด