ตอนที่แล้วChapter 128: ซากโบราณ -2 (ส่วนที่ 2)  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 130: ผู้พิทักษ์สุสาน (ส่วนที่ 2)

Chapter 129: ผู้พิทักษ์สุสาน (ส่วนที่ 1)


“เอ่อ? เอ๊ะ?”

ในตอนแรกดวงตาของฮานส์ดูสับสนจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่เขาเริ่มเดินถอยไปด้วยความกลัว ขาของเขาก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง เขาเสียสมดุลและล้มก้นจ้ำเบ้า

ด้วยระยะห่างแค่เส้นผม คมดาบก็ฟันผ่านอากาศเหนือศีรษะของเขา

เขามองโครงกระดูกที่เข้ามาช่วยเขาอย่างสับสนและพึมพำออกมา “ค..โครงกระดูกศักดิ์สิทธิ์! ข้ารู้อยู่แล้ว ตอนนั้นสายตาของข้าไม่ได้โกหกจริงๆ

เจ้าโง่เอ้ย นี่ไม่ใช่เวลามาทึ่งกับมันนะ!

ไซคลอปส์โกเลมยกดาบของมันขึ้นอีกครั้ง

ในขณะที่สังเกตดูรูปปั้น ฉันก็ตะโกนออกมา “ช่วยเหลือ!”

โครงกระดูกทำการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างรวดเร็ว พวกมันก้มตัวลงและคว้าแขนของฮานส์เอาไว้ก่อนที่จะดึงเขาให้ลุกขึ้นยืน

“ยับยั้ง!”

โครงกระดูกอีกกลุ่มใช้โซ่เหล็กของพวกมันมัดแขนขาของไซคลอปส์โกเลมเอาไว้

“ลงทัณฑ์!”

โครงกระดูกศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าไปจากทั้งฝั่งซ้ายและขวาก่อนที่จะเหวี่ยงดาบของพวกมันไปที่หน้าอกของโกเลมอย่างงดงาม

เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่น และโกเลมยักษ์ก็ถอยไปข้างหลัง อย่างไรก็ตาม โครงกระดูกซึ่งถูกสะบัดออกมาได้มองไปยังดาบของพวกมันหลังจากที่กลับลงมาถึงพื้น

คมดาบที่คนแคระตีขึ้นมีรอยแตกแล้ว

ฮานส์รีบตะโกนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ “ภายนอกของเจ้าสิ่งมีชีวิตนั่นมีธาตุเอลเทร่าผสมอยู่ครับท่าน! โลหะนั่นแข็งกว่าเหล็กหลอม และยังมีคุณสมบัติต้านทานเวทมนตร์ด้วย! ดาบธรรมดาสร้างความเสียหายกับชุดเกราะของเจ้านั่นไม่ได้หรอกครับ!”

เวรกรรม มีปัญหาเข้ามาไม่หยุดเลยใช่ไหมเนี่ย? เจ้าบอกว่าอาวุธที่พวกคนแคระตีขึ้นไร้ประโยชน์กับเจ้ารูปปั้นนี่เหรอ?

ในตอนที่ไซคลอปส์โกเลมเหวี่ยงดาบของมันไปรอบๆด้วยมือทั้งสองข้างของมัน โครงกระดูกศักดิ์สิทธิ์ก็รีบยกโล่พยายามที่จะรับการโจมตีในทันที อย่างไรก็ตาม พวกมันทนแรงกระแทกที่เกิดจากดาบเล่มใหญ่กระแทกเข้ากับโล่ของพวกมันไม่ไหวและถูกซัดกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ

“อะ...อะไรกัน!?

พวกทหารรับจ้างเองก็ยกโล่ของพวกเขาขึ้นด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาพยายามปกป้องตัวเองจากการฟันที่ไร้ความปราณีของโกเลม แต่โชคไม่ดี แขนขาและร่างกายของพวกเขาได้ถูกสับเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดายเหมือนกับสับเต้าหู้

“เหวอออ!”

หัวหน้าทหารรับจ้างคาซาลส่งเสียงร้องออกมาด้วยความกลัวในขณะที่เขามองพรรคพวกถูกฆ่าตายอย่างน่าอนาถ เขารีบหันหลังกลับเตรียมที่จะหนีจากห้องโถง อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาไปถึงทางออกประตู เขาก็ตระหนักได้ว่าประตูปิดอยู่ ทางออกได้ถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างแน่นหนาในขณะที่พวกเรามัวสนใจกับการอาละวาดของโกเลม

“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!? ตอนแรกมันเปิดอยู่ไม่ใช่เหรอ!?”

แม้ว่าคาซาลจะพยายามทุบประตูที่ปิดเอาไว้อย่างเต็มที่ มันก็ไม่ได้ขยับเลยซักนิด

“ท่านหญิงทีน่า! มาทางนี้ครับ...!”

ดาม่อนรีบพาทีน่าเข้าไปซ่อนข้างหลังหนึ่งในเสาที่ทั้งกว้างและสูง พวกเขายกคทาขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะใช้เวทมนตร์

ในขณะเดียวกัน โครงกระดูกอัญเชิญที่สวมชุดเกราะเต็มยศและถือโล่ของฉันก็ได้เผชิญหน้ากับไซคลอปส์โกเลมอยู่ ฉันเอาปืนคาบศิลาออกมาและเข้าไปหลบหลังเสาต้นเดียวกัน และในขณะที่เอนตัวพิงเสา ฉันก็เริ่มสวดภาวนา

มันคือจังหวะเวลานั้นเองที่ดวงตาที่มีอยู่เพียงดวงเดียวของไซคลอปส์โกเลมเริ่มลุกไหม้ด้วยแสงสีแดงน่าขนลุก จากนั้นมันก็ตามมาด้วยลำแสงสีแดงฉานแทบจะทันที

โครงกระดูกได้ยกโล่ของพวกมันขึ้นอีกครั้งเพื่อรับการโจมตีใหม่นี้

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ลำแสงและโล่ของพวกมันปะทะกัน...

…โล่กับโครงกระดูกก็ค่อยๆกลายเป็นหิน

“เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ย!?”

ฉันถึงกับลืมหายใจกับภาพที่เห็น

ตอนนี้ดาม่อนกำลังกอดทีน่าเอาไว้แน่นในขณะที่แผ่นหลังของเขาพิงเข้ากับเสา เขาตอบกลับ “มันคือเวทย์กลายเป็นหินครับนายท่าน!”

เวทย์กลายเป็นหินเหรอ? คล้ายกับดวงตาเมดูซ่าจากเรื่องเล่าของกรีกใช่ไหม?

“เดี๋ยวนะ แบบนี้ก็แสดงว่าฉันจะตายในทันทีถ้าฉันโดนเจ้านั่นแค่ครั้งเดียวล่ะสิ?”

ความขี้โกงจนไม่ยุติธรรมนี่มันอะไรกัน!?

ดาม่อนอธิบายต่อในขณะที่มีเหงื่อหยดลงมาจากใบหน้าของเขา “เวทมนตร์นั้นจะห่อหุ้มเหยื่อเอาไว้ด้วยชั้นหินแข็งครับนายท่าน ถ้าโชคไม่ดีโดนเข้ากับลำแสงนั่นตรงๆ แทนที่จะเปลี่ยนเป็นหิน ท่านจะถูกเผาจนตายจากความร้อนสูงหรือไม่ก็ขาดอากาศหายใจแทน

ถ้างั้นนี่มันก็เหมือนกับลำแสงคอนกรีตแบบแห้งในทันทีน่ะสิ?

ฉันหันไปมองทางเสาอีกต้นที่อยู่อีกฝั่งนึง ฮานส์อยู่ตรงนั้น เขายังมีชีวิตและกำลังเอาตัวพิงเสาอยู่

ฉันเรียกเขา “นี่ เจ้าไม่มีของที่มีประโยชน์บ้างเหรอ?”

“ว่ายังไงนะครับ? เอ่อ ช่วยรอซักครู่นะครับ”

ฮานส์วางกระเป๋าใบใหญ่ของเขาลงและเริ่มควักขยะทุกอย่างออกมาจากข้างในนั้น ฉันใช้เนตรจิตเพื่อตรวจสอบของของเขาไปด้วย

[ระเบิดพิษ] [แว่นกันลมที่ช่วยให้เห็นวงเวทย์] [คัมภีร์วาร์ป] บวกกับหนังสือต่างๆและของกระจุกกระจิกอื่นๆ เท่าที่ฉันบอกได้ถึงแม้ว่าจะเป็นนักแปรธาตุ แต่เขาดูไม่เหมือนจะมีของที่ใช้ประโยชน์ได้ซักเท่าไหร่เลย

“นี่ ส่งของสามฉันตรงนั้นมาให้ฉันซะ”

“ว่ายังไงนะครับ? ต..แต่ว่า..?” ถึงแม้ว่าฮานส์จะโยนระเบิดพิษกับแว่นกันลมมาทางฉัน แต่เขายังคงถือคัมภีร์วาร์ปเอาไว้อยู่ “ของชิ้นนี้มันแพงมากเลยนะครับท่าน”

“สำหรับฉันมันดูเหมือนกับสินค้าราคาถูกที่ช่วยให้วาร์ปได้แค่ประมาณสามเมตรเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? ช่างเถอะหน่ารีบๆส่งมาจะได้ไหม!?”

พูดตามตรง เมื่อเทียบกับเวทมนตร์วาร์ปที่นาซัสเคยใช้ เจ้าสิ่งนี้ไม่ควรจะมีชื่อเดียวกันด้วยซ้ำ

“พูดแบบนั้นได้ยังไงกันครับ...? นี่มันหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของข้าเลยนะครับท่าน! เอ๊ะ? จะว่าไปท่านรู้การทำงานของมันได้ยังไง?”

“หุบปากแล้วส่งมันมาได้แล้ว หรือเจ้าอยากจบชีวิตด้วยการถูกเปลี่ยนเป็นรูปปั้นแทน?”

สุดท้ายแล้วฮานส์ก็ยอมโยนคัมภีร์วาร์ปมาทางฉัน

ในขณะที่ไซคลอปส์โกเลมกำลังเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับยิงลำแสงสีแดงนั่นออกมา ฉันก็สวมแว่นกันลมและจ้องไปยังเจ้ารูปปั้นที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ฉันมองเห็นกระแสพลังมาณที่อยู่ข้างในและรอบตัวเจ้าสิ่งนั้น

ซึ่งสายตาของฉันไปหยุดอยู่ตรงอัญมณีที่เหมือนกับว่าจะฝังอยู่เป็นดวงตาของโกเลม ดูเหมือนว่ามันจะทำหน้าที่เป็นสมองของไซคลอปส์โกเลม

ฉันรีบส่งพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในลูกแก้วผลึกที่ชื่อว่าระเบิดพิษ ศัตรูของพวกเราเป็นรูปปั้น เพราะฉะนั้นระเบิดที่อัดแน่นด้วยพลังมารไม่น่าจะเพียงพอที่จะกำจัดมัน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์คงจะต่างออกไปบ้างถ้ามันถูกชำระล้างเป็นระเบิดน้ำศักดิ์สิทธิ์

ฉันโยนลูกแก้วซึ่งตอนนี้เก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ใส่โกเลม มันแตกที่หน้าอกของรูปปั้นและระเบิดอย่างยิ่งใหญ่ รูปปั้นยักษ์ที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นเดินซวนเซและหยุดยิงลำแสงสีแดงไปชั่วคราว จากนั้นมันก็เริ่มส่ายหัว

นี่ล่ะจังหวะเปิดฉากของฉัน!

ฉันใช้ออร่าศักดิ์สิทธิ์และเสริมแกร่งคัมภีร์วาร์ปชั่วคราว

ในตอนที่ฉันกางคัมภีร์ออก ร่างกายของฉันก็กลายเป็นประกายแสงเล็กๆและฉันก็เคลื่อนย้ายไปยังที่แห่งนึง เป้าหมายของฉันคือเหนือศีรษะของไซคลอปส์โกเลม

ฉันหาที่มั่นให้ตัวเองด้วยการยืนบนไหล่ของโกเลม จากนั้นฉันก็จับหัวของเจ้าบ้านี่ด้วยมือข้างนึงและใช้มืออีกข้างเล็งปากกระบอกปืนคาบศิลาไปที่ดวงตาอันใหญ่โตของมัน

“เห้ย ไอ้ระยำ ถึงเวลาตายแล้ว”

ในตอนนี้เองฉันก็ลั่นไก

กระสุนศักดิ์สิทธิ์ถูกยิงออกมาจากปากกระบอกและโดนเป้าหมายเข้าอย่างจัง ทำให้หลังศีรษะของโกเลมระเบิด มันเดินซวนเซไปข้างหลังก่อนที่จะคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันเอื้อมมือมาจะคว้าตัวฉัน แต่ในตอนนี้เอง รอยแตกนับไม่ถ้วนก็เริ่มเกิดขึ้นทั่วร่างกายอันใหญ่โตของโกเลม และในที่สุด เจ้าตัวบ้านี่ก็พังลงมาเป็นชิ้นๆ

ฉันซวนเซเล็กน้อยแต่ก็ยังสามารถยืนเหนือซากของรูปปั้นได้อยู่ ฉันมองไปยังพื้นที่รอบๆ ในตอนนี้ ทหารรับจ้างทุกคนได้ตายหมดแล้ว บางคนร่างกายถูกสับเป็นชิ้นๆ ในขณะที่อีกส่วนนึงได้ถูกเปลี่ยนเป็นรูปปั้นหิน

ฉันหันไปมองที่ทางออกและในตอนนั้นเองก็ได้พบหัวหน้าทหารรับจ้างคาซาล เขาเองก็ถูกเปลี่ยนเป็นรูปปั้นเหมือนกัน ถูกแช่แข็งตลอดกาลในขณะที่กำลังทุบประตูอยู่

“นี่มัน...จบแล้วใช่ไหม?”

ฮานส์ชะโงกหัวออกมาจากเสา

ดาม่อนพาทีน่าออกมาจากที่ซ่อน จากนั้นด้วยการมองกลับไปกลับมาระหว่างฉันกับซากไซคลอปส์โกเลม เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความชื่นชม

มันคือตอนนั้นเองที่โถงทางเดินเริ่มสั่นอย่างรุนแรง เศษหินเริ่มตกลงมาจากเพดาน และจากนั้นทุกสิ่งอย่างก็ค่อยๆเริ่มลงมาหาพวกเราจากด้านบน

“จริงจังใช่ไหมเนี่ย!? ขอพักซักหน่อยเถอะ”

พวกเรามาที่นี่เพื่อสำรวจสุสานโบราณ แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ฉันอาจจะได้ถ่ายทำภาคต่อไปของอินเดียน่าโจxก็ได้

ในขณะที่กำลังมองโครงกระดูกของฉัน ฉันก็นวดขมับของตัวเองอย่างเงียบๆ พวกมันแยกรูปปั้นของคาซาลออกมาและพยายามแงะประตูอย่างสุดแรง แต่ในท้ายที่สุดพวกมันก็ถอดใจและส่ายหัว

ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉันมองไปที่อีกทางออกนึง มันมีประตูเล็กๆอยู่ข้างหลังจุดที่ไซคลอปส์โกเลมเคยยืนอยู่

“เห้อ นี่อยากจะให้พวกเราเข้าไปลึกอีกสินะ?”

มันเหมือนกับว่าสุสานพยายามกระตุ้นให้ผู้บุกรุกเอาตัวเองไปเจอกับดักต่อไป

“ทุกคนรีบออกจากที่นี่กันเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราโดนทับตายแน่!”

ฮานส์เรียกพวกเราและจากนั้นก็รีบเก็บของเข้ากระเป๋าของเขา

ในระหว่างนี้เอง ฉันก็หยิบซากของไซคลอปส์โกเลมส่วนนึงขึ้นมา ด้วยการใช้เนตรจิต ออร่าศักดิ์สิทธิ์ และแว่นกันลมของฮานส์ ฉันสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบเวทมนตร์ของมันได้ไม่ยากนัก

ฉันจ้องมองหินเวทมนตร์ที่อยู่ในซากเป็นเวลาพักนึงก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังทางออก ทีน่ากับดาม่อนรีบตามหลังฉันมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด