ตอนที่แล้ว310 -ไม่มีอุปสรรค
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป312 - ข่าวจากบ้าน

311 - พบเพื่อนเก่าในดินแดนที่ห่างไกล


311 - พบเพื่อนเก่าในดินแดนที่ห่างไกล

เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ตั้งใจจะขี่ม้าเข้าไปในเมืองหลวง หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้ว เขาก็ออกจากคฤหาสน์กวางและเดินเท้าไปประตูเมืองโดยตรง

เอี้ยนลี่เฉียงฝึกฝนด้วยการแดกน้ำหนักมากกว่าสามพันจินในทุกวันดังนั้นการวิ่งจากคฤหาสน์ความไปที่เมืองหลวงมันจึงทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังบินอยู่บนท้องฟ้า

ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เอี้ยนลี่เฉียงใช้ออกด้วยวิชาสิบการเปลี่ยนแปลงของมังกรเมฆาเพื่อทดสอบว่าเขาสามารถวิ่งได้เร็วแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม โชคไม่ดีเล็กน้อยที่เขายังคงต้องรอจนกว่าเขาจะเสร็จสิ้นภารกิจนิกายในอาณาจักรสวรรค์ก่อนถึงจะสามารถกลับสู่นิกายและได้รับวิชาลมปราณศักดิ์สิทธิ์สิบมังกรคชสารส่วนหลัง

นั่นต้องเป็นเวลาถึงสี่หรือห้าเดือน นั่นเป็นการเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นในช่วงเวลานี้เขาอาจจะกลายเป็นปรมาจารย์นักรบเลยก็ได้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีการฝึกฝนร่างกายที่เอี้ยนลี่เฉียงได้คิดค้นขึ้นนั้นเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง

ตราบเท่าที่เขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายภายนอกต่อไปได้ เขาก็จะสามารถทะลุทะลวงอาณาจักรบ่มเพาะได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

เอี้ยนลี่เฉียงวางแผนจะให้ช่างตีเหล็กตั้งเสาเหล็กให้เขามากขึ้นกว่านี้ หลังจากที่เขากลับจากชมการประลองของเหลียงอี้เจี๋ย

เมืองหลวงยังคงมีชีวิตชีวาด้วยฝูงชนที่พลุกพล่าน เอี้ยนลี่เฉียงมาถึงจตุรัสฮั่วเอียนซึ่งถูกใช้เป็นสนามประลองแห่งความเป็นตายแล้ว

นี่คือสถานที่นัดประหลองของเหลียงอี้เจี๋ยและซูหลาง ในขณะเดียวกันการต่อสู้จะเริ่มขึ้นในตอนสิบโมงเช้า

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมาถึง มีฝูงชนมากมายอยู่ใกล้ๆลานประลอง ความรู้สึกนี้ราวกับว่าทุกคนกำลังรอการฉายภาพยนตร์กลางแจ้ง

สนามต่อสู้ถูกสร้างขึ้นเหนือพื้นดินสิบจ้างโดยมีเวทีทรงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเจ็ดถึงแปดวา พื้นที่นี้ล้อมรอบด้วยจัตุรัสสาธารณะที่กว้างขวาง และจัตุรัสสาธารณะล้อมรอบด้วยถนนรวมไปถึงโรงเตี๊ยมและร้านน้ำชามากมาย

หน้าต่างภายในโรงน้ำชาเต็มไปด้วยผู้คน ทุกคนต่างกำลังรอคอยที่จะได้ชมการต่อสู้ของคนระดับปรมาจารย์

คนส่วนใหญ่ที่มารวมตัวกันที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ส่วนใหญ่มาจากลานฝึกและรวมตัวกันเป็นหมู่คณะ เครื่องแบบของพวกเขามีเอกลักษณ์ของลานฝึกของตัวเอง

เนื่องจากการต่อสู้กันตัวต่อตัวระหว่างผู้เชี่ยวชาญสองคนนี้น่าสนใจและน่าตื่นเต้น การชุมนุมนี้จึงเป็นโอกาสที่หายากสำหรับผู้ฝึกวรยุทธหลายคนที่จะได้ศึกษาการต่อสู้ของคนระดับปรมาจารย์

ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงมองไปรอบๆ เขาก็ตระหนักว่าเหลียงอี้เจี๋ยยังมาไม่ถึง มีเพียงไม่กี่คนที่สวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่รักษาความสงบปรากฏตัวใกล้ๆกับลานประลอง

ในขณะเดียวกัน ด้านล่างลานประลองทุกคนต่างก็หมกมุ่นอยู่กับการคาดเดาชัยชนะของการต่อสู้ในวันนี้ มีแม้กระทั่งบางคนที่ตั้งจุดรับเดิมพันด้วย

“ลี่เฉียง…”

เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาก็รีบหันศีรษะไปรอบๆและเห็นคนในชุดคลุมสีน้ำเงินยืนอยู่ข้างถนน โบกมือให้เขาด้วยรอยยิ้ม

ร่างและรอยยิ้มที่คุ้นเคยนั้นไม่ได้เป็นของใครอื่นนอกจากลู่เปียน

“พี่หก!”

เช่นเดียวกับการพบเพื่อนเก่าในดินแดนอันห่างไกล เอี้ยนลี่เฉียงวิ่งไปหาเขาโดยไม่ลังเลใดๆและคว้ามือของลู่เปียนด้วยความตื่นเต้น

“ท่านมาเมืองหลวงได้อย่างไร?”

ในสายตาของเอี้ยนลี่เฉียงลู่เปียนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ในทางกลับกันเอี้ยนลี่เฉียงดูเหมือนจะได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในสายตาของลู่เปียนหลังจากไม่ได้เจอกันไม่กี่เดือน

เอี้ยนลี่เฉียงสูงขึ้น โครงสร้างร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นและสง่างามกว่าเมื่อก่อน การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นอารมณ์ของเอี้ยนลี่เฉียงซึ่งดูสงบนิ่ง แต่เฉียบแหลม กล้าหาญ แต่สง่างาม เขาดูเปล่งประกายไม่เหมือนกับเด็กหนุ่มอายุสิบห้า

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของเอี้ยนลี่เฉียงลู่เปียนก็ทำได้เพียงถอนหายใจและเกิดความเสียหายแทนน้องสาวของเขา พวกเขาไม่ได้ถูกสร้างไว้เพื่อกันและกัน

เอี้ยนลี่เฉียงเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์และจริงใจ แต่น้องเก้าดูค่อนข้างลังเล ความรู้สึกของนางที่มีต่อลี่เฉียงนั้นซับซ้อนมาตลอด แต่เมื่อโอกาสที่ดีผ่านไปแล้วมันก็ยังไม่กลับมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามลู่เปียนรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเกี่ยวกับสถานการณ์หลังจากนั้น แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะไม่ได้เป็นน้องเขยของเขาแต่พวกเขาก็ยังเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน

เอี้ยนลี่เฉียงเป็นคนมีความกตัญญูไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งพวกเขาจึงมีแต่ความตื่นเต้นยินดี

“ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อวานนี้ในตอนเย็น…”

ลู่เปียนเก็บความคิดของเขาไว้ในใจขณะที่เขามองเอี้ยนลี่เฉียงตั้งแต่หัวจรดเท้า ทันใดนั้นรอยยิ้มอบอุ่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“หลังจากไม่ได้พบเจ้าสองสามเดือน เจ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ ลี่เฉียง ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเจ้าก็มีมากขึ้นเช่นกัน!”

“พี่หก ทำไมจู่ๆท่านถึงมาที่เมืองหลวง? ท่านมาติดต่อธุรกิจหรือเปล่า?”

“สมกับเป็นลี่เฉียง เจ้าสามารถเดาได้ทันทีที่เราพบกัน…”

เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่ลู่เปียนสักครู่แล้วถามว่า

"พี่หกมาที่นี่เพราะก้อนรากบัวหรือไม่"

แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมาถึงเมืองหลวงได้ไม่นานนัก แต่เขาตระหนักได้ว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เมืองหลวงของจักรวรรดิมีตลาดขนาดใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับแคว้นผิงซี

เมืองหลวงมีประชากรจำนวนมากและมีอาณาเขตที่กว้างกว่าเช่นกัน ยกเว้นหมู่บ้านโดยรอบที่พวกเขาสามารถหาฟืนบนภูเขาได้อย่างง่ายดาย

เก้าในสิบครัวเรือนในเมืองจะใช้ถ่านหินหรือถ่านสำหรับทำอาหารประจำวัน

ภาพของควันดำที่ลอยขึ้นมาจากปล่องไฟของทุกครัวเรือน รวมทั้งวังหลวงในช่วงเช้าและเย็นสามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า 'งดงาม' เท่านั้น

ทุกครั้งที่เอี้ยนลี่เฉียงเข้าหรือออกจากเมืองหลวง เขาจะมองเห็นคนลากเกวียนถ่านหินสีดำมาขายในเมืองอยู่ตลอด

ในสถานที่แบบนี้ จะต้องมีตลาดใหญ่สำหรับอัดก้อนรากบัวอย่างแน่นอน

“ลี่เฉียง เจ้านี่ฉลาดเกินคนจริงๆ มันเป็นความปรารถนาของท่านพ่อที่อยากให้ข้ามาที่เมืองหลวงในครั้งนี้!” ลู่เปียนตอบในขณะที่เขาจ้องมองไปรอบๆจากนั้นเขาก็ลดเสียงลงและพูดว่า

“ท่านพ่อต้องการให้ข้าตรวจสอบสถานการณ์ในเมืองหลวงและดูว่าเราจะขยายธุรกิจก้อนรากบัวที่นี่ได้หรือไม่ หากเราสามารถใช้โอกาสนี้ทำธุรกิจได้ มันจะเป็นการวางรากฐานของตระกูลลู่ในเมืองหลวงด้วย…”

เอี้ยนลี่เฉียงเข้าใจทุกอย่างทันที สายตาของนายผู้เฒ่าสกุลลู่นั้นช่างร้ายกาจจริงๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด