ตอนที่แล้ว143-144
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป147-148

145-146


5/10

Ep.145

“โม้เหม็นขี้ฟัน!”

ชายหน้าแดงเยาะหยัน ตะโกนบอกกลุ่มคนข้างหลังเขา “พี่น้องทั้งหลาย ร่วมมือกันสู้! ฆ่าให้หมดยกเว้นผู้หญิงสองคน!!”

อาศัยคนหมู่มากเข้าสู้ แม้พวกเขาจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของซูเฉินและคนอื่นๆ แต่ชายหน้าแดงมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าสามารถกำจัดซูเฉินและคนอื่นๆได้อย่างแน่นอน

“ฆ่า!”

ได้รับคำสั่งจากชายหน้าแดง สมาชิกนับร้อยกรูกันเข้ามาจากทุกทิศทาง

ในเวลานี้ หวู่หยางและคนอื่นๆก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน

มีเพียงซูเฉินที่ยืนนิ่ง ไม่มีความคิดจะเคลื่อนไหวใดๆ

แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีจำนวนมากกว่า แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนธรรมดา มีผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 อยู่น้อยมาก โดยเฉพาะชายหน้าแดงที่ดูแข็งแกร่งที่สุด กระทั่งเขาก็ยังเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 เท่านั้น

ในทางกลับกัน ฝ่ายของซูเฉิน ทุกคนล้วนเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 ขึ้นไปทั้งสิ้น ดังนั้นการรับมือกับมนุษย์ธรรมดากลุ่มนี้ เป็นแค่เรื่องง่ายดาย

หวู่หยางพุ่งไปข้างหน้า กวาดฟันชายหน้าแดงด้วยมีดสั้น

ชายหน้าแดงก็ใช้มีดสั้นเช่นกัน เข้าเผชิญหน้ากับหวู่หยางอย่างดุดัน เหวี่ยงคมมีดสวนกลับอย่างไม่ลังเล

เคร้ง!

คมแหลมของสองมีดปะทะกัน ชายหน้าแดงรับรู้ได้ถึงพลังที่ไม่อาจเทียมเทียบบดขยี้เข้ามา ใบมีดเกินรอยบิ่น ปริร้าวไปทั้งใบ มิอาจฝืนทนต้องปล่อยมือจากมัน

“หัวหน้าวหวู่ อย่าเพิ่งฆ่าเขา” ซูเฉินเตือน

ได้ยินแบบนั้น มีดสั้นที่เกือบแทงเข้าขั้วหัวใจก็ถูกชักออก หวู่หยางเตะเข้าที่ชายโครงของชายหน้าแดง ส่งอีกฝ่ายกลิ้งไปกับพื้นไม่ต่างจากลูกวอลเลย์เวลากระดอน

แม้จะยั้งมือ .. ไม่สิยั้งเท้าเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ด้วยพละกำลังที่ทรงพลัง ซี่โครงอีกฝ่ายก็ยังหักอยู่ดี

“ผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 !”

ชายหน้าแดงอ้าปาก กระอักฝอยเลือดออกมา ร้องด้วยความตกใจ

สามารถทำร้ายตนโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงใดๆ อีกฝ่ายจะต้องเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 อย่างแน่นอน

เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเผลอล่วงเกินผู้แข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้เข้า หัวใจของชายหน้าแดงก็กลายเป็นเย็นเยียบ

ในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆเริ่มกระจายกันเข่นฆ่า

สือต้าหนิวกุม [ค้อนสวรรค์] ที่ซูเฉินมอบให้ด้วยสองมือ บุกทะลวงไปกลางฝูงชนราวกับกำลังก้าวเข้าสู่ดินแดนที่ไร้ผู้คน

ค้อนในมือเขากวัดแกว่งตลอดเวลา ทุกครั้งที่ทุบลง ศัตรูหนึ่งคนจะกลายเป็นศพในสภาพเนื้อบด

แม้ผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 จะเป็นคู่ต่อสู้กับเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่สามารถหลีกลี้จากชะตากรรมที่จะต้องถูกสังหารลงได้

ในชั่วพริบตาเดียว มีคนตายลงมากกว่าสิบคน และในบรรดาคนตาย มีผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 อยู่ถึงสองคน

เห็นสือต้าหนิวสำแดงพลังอย่างไร้ซึ่งความลังเล มุมปากของซูเฉินยกสูงขึ้นด้วยความพอใจ

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ซูเฉินบังคับให้สือต้าหนิวฆ่าฉินหลาง ชายผู้นี้ก็คล้ายได้รับการเปิดหูเปิดตา สามารถลงมือสังหารผู้คนชนิดตาไม่กะพริบ

แต่นี่แหละ! นี่แหละคือสิ่งที่เขาอยากเห็น!!

เพราะท่ามกลางหายนะวันสิ้นโลกอันแสนโหดร้าย คุณจะสามารถเอาชีวิตรอดโดยไม่รู้จักสู้ได้อย่างไร?

อีกด้านหนึ่ง เฉาหรานกับหยางฮ่าวร่วมมือกันสังหารศัตรู แม้ประสบการณ์ต่อสู้ของพวกเขาจะน้อยไปบ้าง และไม่มีสมรรถภาพทางร่างกายเหมือนกับสือต้าหนิว แต่ทั้งคู่ยังเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 เมื่อร่วมมือกัน ก็สามารถสังหารศัตรูไปได้หลายคนในระยะเวลาสั้นๆ

ด้านสามสาว ตันหลิน หยางเฉียน และสือตั้วตั้ว ทั้งสามจับกลุ่มกัน โดยแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน สือตั้วตั้วรับหน้าที่คุ้มกัน คอยปกป้องตันหลินและหยางเฉียนที่กำลังถือ [ปืนพกเพาส์] ออกล่าศัตรูอย่างต่อเนื่อง

เห็นภาพนี้ ซูเฉินต้องเดาะลิ้นดังกร๊อก! ลอบร้องในใจ ‘ว่ากันว่าผู้หญิงมักมีความสุขเวลาได้ใช้เงินหรือของมีค่า สงสัยจะเป็นเรื่องจริง’

ต้องรู้นะว่า ตันหลินกับหยางเฉียนเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 แล้ว พละกำลังและความว่องไวของพวกเธอได้เปรียบศัตรูซึ่งเป็นแค่มุนษย์ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกเธอก็ยังเลือกใช้ [ปืนพกเพาส์]

ขณะที่กระสุนแต่ละนัดของมัน เทียบเท่ากับหินพลังงานหนึ่งก้อน นี่พวกเธอคิดว่าหินพลังงานเหล่านั้นเกิดขึ้นเองจากลมจากฝนหรือไร?

ซูเฉินรู้สึกปวดใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงความสุขและความปลอดภัยของสาวๆ บวกกับนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้ออกล่าศัตรู จึงตัดสินใจไม่กีดกันการผลาญทรัพย์ในครั้งนี้  ปล่อยให้ยิงต่อไป

ส่วนหยางหลิงเทียนคนสุดท้าย บัดนี้เขาเสมือนดั่งเทพเจ้าล่าสังหาร ระเบิดขุมกำลังของผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 ออกมา ภายใต้เงื้อมมือเขา ไม่มีศัตรูคนใดรอดชีวิต

การสังหารหมู่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายตรงข้ามยิ่งนานยิ่งบาดเจ็บล้มตาย บังเกิดเสียงร้องระงมดังไปทั่ว

6/10

Ep.146

เดิมที หญิงชุดเหลืองกำลังหาจังหวะลอบเข้าไปสังหารตันหลินและหยางเฉียน

แต่เมื่อเห็นสองสาวฆ่าพรรคพวกของตน คนแล้วคนเล่าล้มตายเป็นใบไม้ร่วง เธอก็ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้น

ปรากฏว่าซูเฉินและคนอื่นๆในกลุ่ม ทุกคนล้วนเป็นผู้วิวัฒนาการทั้งสิ้น แถมยังมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 อย่างน้อยสองคนในหมู่พวกเขา

เมื่อผู้วิฒนาการหลายคนร่วมมือกันโจมตี ผลลัพธ์ของมันจักน่าหวาดกลัว สยดสยองเกินกว่าจะปลุกใจให้ลุกขึ้นสู้

หญิงชุดเหลืองกระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าพรรคพวกเธอ ส่วนใหญ่เป็นแค่คนเหลาะแหละธรรมดา ไม่ต้องกล่าวถึงการสังหารซูเฉินและคนอื่นๆ เกรงว่าหากหนีช้าไปคงไม่รอดชีวิตเช่นกัน

ฉุกคิดได้แบบนี้ เธอก็ไม่สนใจชายหน้าแดงอีกต่อไป หันหลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

แม้ซูเฉินจะไม่เคลื่อนไหว แต่เขาก็ยังคอยให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงโดยรอบ เมื่อตระหนักว่าหญิงชุดเหลืองกำลังหลบหนี เขาก็วาดมือเล็งไปทางเธอ ยิงหอกน้ำแข็งออกไป

หญิงชุดเหลืองเพิ่งจะหันหลัง หอกน้ำแข็งก็ทะลุเข้าท้ายทอย สังหารเธอทันที

มองไปยังความตายของหญิงชุดเหลือง และชายหน้าแดงที่บาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถต่อสู้ได้ เห็นแบบนี้ คนที่เหลือยังจะกล้าสู้ต่อได้อย่างไร? ทั้งหมดเตลิดหนีไปทุกทิศทาง

ซูเฉินตัดสินใจแล้วว่าจักสังหาร จะไม่ยอมทิ้งปัญหาใดๆไว้เบื้องหลัง

“คนที่รอดเท่ากับพยานรู้เห็น ฉะนั้นต้องฆ่าทิ้งไม่ให้เหลือร่องรอยของพวกเรา!”

ซูเฉินร่ายเวทย์ไม้ เถาวัลย์เขียวม้วนตามพื้นดิน เข้ารัดข้อเท้าศัตรูได้สามคน จากนั้นเปิดใช้งาน [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] เปลี่ยนตนเป็นสายลมกรรโชกวูบหนึ่ง ไล่ตามผู้หลบหนีที่เหลือไป

ด้วยการลงมือของซูเฉิน เสียงกรีดร้องดังสะท้อนทุกหย่อมหญ้า

เฝ้ารอจนกระทั่งเสียงเงียบหายไป ซูเฉินก็กลับมาจากระยะไกลอย่างไร้กังวล

“เฉาหราน เจาะลูกตาเจ้าหมอนี่ซะ” เมื่อกลับมา ซูเฉินออกคำสั่งทันที

ชายหน้าแดงกล้าใช้สายตาล่วงเกินตันหลินและหยางเฉียน ถือเป็นการแตะเกล็ดย้อนของซูเฉิน

สำหรับคนแบบนี้ ให้ตายอย่างเดียวคงไม่ได้

“จะทำอะไร อย่าเข้ามา!” ชายหน้าแดงตกใจกลัวจนหน้าซีด

อย่างไรก็ตาม เขาถูกพันธนาการโดยพลังจิตของซูเฉิน แม้จะร้องตะโกนจนคอแหบแห้ง ก็ช่วยอะไรไม่ได้

เฉาหรานวิ่งมาข้างหน้าด้วยความสุข หยิบกริชออกมา ตวัดแทงเสียง ฟัฟ ฟัฟ!

“อ๊ากกกกกก!”

ชายหน้าแดงกรีดร้องทุกข์ทรมาน เป็นลมไป

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความผิดที่แกเป็นคนก่อขึ้นเอง!” ซูเฉินแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นหันกลับมายังชายสามคนที่ตกอยู่ภายใต้เวทย์ไม้ของเขา

“นายท่าน พวกเราผิดไปแล้ว”

“ได้โปรด .. ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถิด”

ชายสามคนเมื่อถูกซูเฉินกวาดมอง ทันใดนั้นรู้สึกเย็นยะเยือก ความหนาวเหน็บแผ่ซานลึกไปถึงกระดูก ทั้งหมดคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว อ้อนวอนขอความเมตตา

ซูเฉินไม่หวั่นไหว เอ่ยถามเสียงเย็น “พวกแกมาจากที่ไหน”

หนึ่งในนั้นตอบอย่างรวดเร็ว “นายท่าน พวกเรามาจากสถานชุมชนชางเยว่”

“สถานชุมชนชางเยว่?” ซูเฉินหรี่ตาลง บ่นพึมพำ ก่อนเอ่ยถามต่อว่า “แล้วพวกแกมาทำอะไรที่นี่ แทนที่จะอยู่ในสถานชุมชนชางเยว่?”

สถานชุมชนชางเยว่ เป็นสถานชุมชนขนาดกลาง ซึ่งใหญ่กว่าสถานชุมชนเทียนหนาน

อีกทั้งมันตั้งอยู่ห่างจากที่นี่อย่างน้อยก็ 200 กิโลเมตร

ในขณะที่จำนวนกลุ่มคนที่มาดักรอที่นี่ กลับมีมากเกินไป พวกเขาคงไม่ได้ยกโขยงมาเพื่อปล้นอย่างเดียวกระมัง?

เห็นได้ชัดว่ามันไม่สมเหตุสมผล

ชายคนนั้นรีบอธิบาย “เรียนนายท่าน สถานชุมชนชางเยว่ถูกพวกซอมยึดครอง พวกเราทุกคนเลยหนีออกมา”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” ซูเฉินพยักหน้าเล้กน้อย แต่ทันใดนั้นดวงตาเขาก็ต้องสั่นไหว

เพราะด้วยการป้องกันของสถานชุมชนชางเยว่ ซอมบี้ทั่วๆไปย่อมไม่สามารถตีแตกได้อย่างแน่นอน

ต่อให้เป็นคลื่นซอมบี้ขนาดเล็กก็ไม่สามารถทำได้

ตอนนี้ เขาเลยรู้สึกสงสัยขึ้นมา ว่าใช่เป็นฝีมือกองกำลังซอมบี้ของจิ่นเฟยซีใช่หรือไม่?

แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ก็ตาม ครั้งนี้พวกเขาจะไปที่เทือกเขาเฟิงหลวน  เช่นนั้นทำไมไม่แวะฆ่าซอมบี้ในเมืองระหว่างทางเลยเสียเล่า? จะได้เก็บชิ้นส่วนเพิ่มด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด