ตอนที่แล้วตอนที่11 สมรภูมิฤดูร้อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่2 เปลี่ยนผัน

ตอนที่1 อาทิตย์อุทัย


8/1/1942 06:10AM.

เช้าวันนี้ หากไม่ใช่เพราะมีงานต้องทำ ชั้นคงไม่ต้องตื่นแต่เช้าแบบนี้ เช้าในช่วงเวลาปีใหม่แบบนี้ อยากจะนอนหลับซุกอยู่ในผ้าห่มเสียจริงๆ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

สวัสดีค่ะ ชั้นคือเด็กหญิงผู้ไม่มีบ้าน ครอบครัว แม้แต่ชื่อของชั้นก็ไม่มีใครตั้งให้ เรียกง่ายๆ ว่าชั้นกำพร้า เท่าที่จำได้ พ่อแม่ชั้นออกจากบ้านไปตั้งแต่ชั้นยังเด็กมาก แล้วจากนั้น ชั้นก็ไม่เคยเจอพวกเค้าอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ ชั้นได้รับการดูแลจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่จริง ตอนนี้ชั้นอายุ17ปี ชั้นไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ชั้นจึงต้องมาทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของสถานที่นี้ แต่ไม่รู้ทำไม ชั้นกลับรู้สึกเบื่องานแบบนี้จริงๆ

“เฮ้~ เธอต้องไปทำกับข้าวได้แล้วนะ งานทำสวนน่ะให้ผู้ใหญ่เค้าทำไปเถอะ”

“ค่าๆ”

ก็อย่างที่ได้ยิน คุณยายผู้ดูแลสถานรับเลี้ยงอยากให้ชั้นไปทำข้าวเช้าให้เด็ก แต่ชั้นไม่ชอบการทำอาหารเลยซักนิด ชั้นอยากทำอะไรที่มันได้ออกแรงเช่นทำสวนอะไรแบบนี้

“เร็วๆ หน่อย เด็กๆ หิวจะแย่แล้วนะ”

“ค่า— รออีกแป๊บเดียวค่ะ”

ดูท่าจะโดนดุอีกจนได้ ถ้าอยากให้เร็วนักก็มาทำเองซะสิ ชั้นอยากไปทำสวนจะแย่เหมือนกันนั่นแหละ

เมนูเช้าวันนี้ก็ข้าวปั้นไส้ลูกท้อและไส้แซลมอนปนๆ กันไป พร้อมนมสดจากวัวที่แอบไปช่วยรีดเมื่อกี้คนละแก้ว อืม มันจะเป็นมื้อเช้าที่ธรรมดาเหมือนทุกวันนั่นแหละนะ

“หืม นี่ทำข้าวปั้นอีกแล้วเหรอ ไม่คิดจะทำเมนูอื่นเลยรึไง”

“ก็หนูไม่ชอบทำอาหารนี่คะ หนูทำอะไรเป็นก็ทำได้แค่นี้แหละค่ะ”

“เธอนิ ทำไมไม่บอกชั้นให้ฝึกทำเมนูอื่นๆล่ะ ผู้หญิงที่ดี ต้องเป็นแม่ศรีเรือน ทำอาหารต้องทำให้เก่ง ผู้ชายจะได้รักหลง”

“ช่างหนูเถอะค่า หนูไม่อยากทำอาหาร หนูขอทำสวนจะดีกว่าค่ะ”

ต้องให้พูดอีกกี่รอบกันถึงจะเข้าใจว่าชั้นไม่ชอบทำอาหารน่ะ ที่จริงชั้นบอกแบบนี้แทบทุกวันด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจเลยสินะคุณยาย

“เธอนี่มันแปลกคนจริงๆ เป็นผู้หญิงแต่ทำตัวแบบผู้ชาย ช่างเถอะ อย่าทำตัวมีปัญหาก็แล้วกัน ไม่งั้นโดนทำโทษนะจ๊ะ”

“ค่าๆ ข้าวปั้นเสร็จแล้ว บอกคนว่างๆ เอาไปให้เด็กๆ ได้แล้วค่ะ”

ชั้นพูดเสียงอ่อนๆ แสดงให้รู้ว่าชั้นรำคาญที่ต้องฟัง พร้อมกินข้าวปั้นก้อนนึงเป็นอาหารเช้า ซึ่งเมื่อทำเสร็จก็มีคนมาเอาไปให้เด็กๆ ที่รออยู่ในห้องโถงรับประทานอาหารรวม ถ้าหากทุกอย่างเรียบร้อย เด็กๆ ก็จะต้องไปโรงเรียนเหมือนเด็กทั่วไป ซึ่งนี่แหละที่ชั้นชอบ ออกไปส่งเด็กๆ ถึงโรงเรียน แล้วจะได้ไปเที่ยวเล่นในเมืองให้สนุกสมใจที่ได้ออกมาซะที หึๆ รีบๆ กินแล้วไปโรงเรียนกันเร็วๆ นะเด็กๆ

07:25AM.

“มาโกะ พาเด็กๆ ไปโรงเรียนได้แล้ว”

“ค่าๆ เอาล่ะเด็กๆ มาเข้าแถวที่พี่แล้วเดินไปโรงเรียนกันได้แล้ว”

“ครับ/ค่า”

คุณยายผู้ดูแลเรียกชั้นว่ามาโกะ ซึ่งชั้นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอก มันดูเป็นเด็กยังไงก็ไม่รู้ แต่เอาเหอะ อย่างน้อยชั้นก็จะได้มีชื่อเรียกแบบคนอื่นๆ ไปก่อนล่ะ ถ้าได้โตแล้วทำงานเมื่อไหร่ จะเปลี่ยนชื่อให้เท่ๆ ไปเลยคอยดูเถอะ

ชั้นกำลังเดินนำเด็กๆ ออกมาจากสถานรับเลี้ยงประมาณ6คน ซึ่งดูๆ แล้วก็ไม่ต่างกับเด็กเดินขบวนยังไงอย่างงั้น ก็ ดูน่ารักดีนะ แต่สำหรับคนอื่น มองว่าการไปโรงเรียนแบบนี้ปกติแล้ว เพราะชั้นพาเดินแบบนี้มาหลายปีแล้วเหมือนกัน ก็นะ ครั้งแรกนี่อายสายตาชาวบ้านมากเลยล่ะ

“เอาล่ะเด็กๆ เข้าโรงเรียนกันได้แล้วจ้า”

“ขอบคุณที่มาส่งนะ ครับ/คะ”

งานทั้งหมดในเช้านี้ก็เสร็จไปได้ด้วยดี ทีนี้ก็จะมีเวลาไปเดินเที่ยวในเมืองซักที วันนี้คุณยายไม่ได้ฝากซื้อของซะด้วย งั้นก็เที่ยวให้ทั่วเมืองไปเลยละกัน

จริงสิ ชั้นลืมบอกไปเรื่องนึง ชั้นน่ะ อาศัยอยู่ที่เมืองฮิโรชิมา ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ก็นะ เมืองนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักหรอก แต่ที่ๆ ชั้นชอบไปมากที่สุดคงหนีไม่พ้นร้านค้าเล็กๆ ใจกลางเมือง แม้จะไม่ใช่ห้างเหมือนเกียวโต แต่มันก็วิเศษสุดๆ ไปเลยล่ะ เพราะที่นั่นมีแต่ขนมอร่อยๆ เครื่องดื่มหวานเย็นที่ชื่นใจสุดๆ ด้วย แหม่ พูดแล้วมันก็ชักหิวแล้วสิ ชั้นว่าไปร้านเลยดีกว่านะ

10:00AM.

แม้จะรู้ตำแหน่งของร้าน แต่เพราะชั้นไม่มีเงินมากนัก เลยไม่สามารถไปด้วยรถรางได้ ชั้นเลยจำเป็นต้องเดินจากสถานรับเลี้ยงเข้าเมือง ซึ่งระยะทางก็ราวๆ 10กิโลได้ อาจฟังดูเหมือนไกล แต่สำหรับชั้น แค่นี้เรื่องเล็กๆ

ในเมืองก็เหมือนเมืองอื่นๆ รถราแล่นกันไม่ขาดสาย ผู้คนต่างเดินไปมาตามถนน ตึกรามบ้านช่องก็มากมาย ชั้นชอบเมืองจริงๆ ซักวันต้องย้ายมาอยู่เมืองให้ได้แล้วล่ะ

ชั้นยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะร้านที่ว่ายังต้องไปอีกนิดหน่อย ซึ่งคิดไปคิดมาชั้นก็เดินมาถึงร้านตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“โฮ่! มาโกะ วันนี้มาไวจังเลยนะ”

“ค่ะคุณลุง พอดีเมื่อเช้าตื่นไว เลยไปส่งเด็กๆ เร็วน่ะค่ะ”

คุณลุงเจ้าของร้านร้องทักออกมาเมื่อเห็นชั้นเดินมาที่หน้าร้าน ดูท่าลุงจะจำชั้นได้เป็นอย่างดี คงเพราะมาบ่อยแน่ๆ ถึงจะไม่ทุกวัน แต่ก็บ่อยพอที่จะจำได้อยู่แล้วล่ะ

“วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า หรืออยากกินเหมือนทุกครั้งล่ะ”

“วันนี้หนูว่าจะลองกินกาแฟน่ะค่ะ ทุกทีได้แต่ดมกลิ่นหอมๆ อย่างเดียวเลย”

“ฮ่ะๆๆ แต่มันขมนะ เธอแน่ใจเหรอว่าจะดื่มน่ะ”

“ก็อยากลองนี่คะ”

ชั้นทำแก้มป่องและทำท่าทางเหมือนงอน มันจะขมจริงๆ เหรอ กลิ่นมันหอมขนาดนั้น มันต้องหวานๆ มันๆ อยู่แล้วสิ มันจะขมได้ยังไงล่ะ ลุงจะหลอกชั้นงั้นเรอะ ไม่มีทาง ยังไงชั้นก็จะดื่ม

“เธอนี่นะ ถึงจะชอบทำตัวแบบผู้ชาย แต่ก็ยังมีความเป็นผู้หญิงอยู่สินะ งั้นรอแป๊บ เดี๋ยวจะทำกาแฟมาให้”

“อื้อ ขอบคุณนะคะ”

ไม่รู้ทำไมพอลุงพูดแบบนี้มันทำให้ร่าเริงแปลกๆ คงเพราะใจชั้นยังเป็นผู้หญิงงั้นสินะ

หลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ลุกก็กลับออกมาพร้อมกาแฟในแก้วใบเล็กๆ ใช่ มันคือกาแฟแน่ๆ กลิ่นนี่ที่คุ้นเคย มันช่างหอมอะไรเช่นนี้นะ ชักอยากลองชิมเร็วๆ แล้วสิ

“เอา มาแล้วๆ ดื่มให้อร่อยนะมาโกะ”

“ค่า— ขอบคุณค่ะ”

ลุงเสิร์ฟกาแฟพร้อมยิ้มให้ชั้น รอยยิ้มของคนนี่ทำให้โลกสดใสจริงๆ เลยนะ เอาล่ะ จะรอช้าอยู่ไย ลองชิมซักหน่อยเลยดีกว่า

‘………’

“...อึก...”

น...นี่มัน...ไม่ มันต้องไม่ใช่ นี่มัน ทำไมมันขมขนาดนี้ล่ะ...อั๊ก...ไม่ไหว ขมไปทั้งคอเลย...

“ฮ่าๆๆ ดูเธอทำหน้าสิ เป็นไง อร่อยดีมั้ยล่ะ”

“อื้ออออ ขมอ่า—ลุง ทำไมมันขมแบบนี้คะ”

ชั้นไม่รู้หรอกว่าเผลอทำหน้าทำตาอะไรออกไป แต่มันคงแย่มากๆ ขนาดที่ว่าคนทั้งร้านแอบหัวเราะกันเลย

“ก็ลุงบอกแล้วว่ามันขมก็ไม่ฟัง เอาเถอะๆ ยังไงกาแฟแก้วนี้ลุงไม่คิดเงินหรอก เธอน่ะดื่มนมสดไปก่อน แล้วโตกว่านี้ค่อยมาลองใหม่นะ”

“ให้ตายก็จะไม่กลับไปดื่มกาแฟอีกแล้วค่ะ”

“ฮ่าๆๆๆ”

เราต่างหัวเราะกัน ชั้นรู้สึกอบอุ่นจริงๆ ถึงจะไม่เคยรู้สึกอบอุ่นจากพ่อแม่ แต่สำหรับคนที่ชั้นรู้จักไว้ใจ มันก็คงให้ความรู้สึกที่เหมือนกันแน่ๆ

คุณลุงเอากาแฟไปเก็บ แล้วจึงกลับออกมาด้วยขนมปังทาเนยและนมสด เมนูนี้เป็นเมนูที่ชั้นชอบที่สุด และจะกินทุกครั้งที่ได้มาร้านนี้ มันคงเป็นเหตุผลที่ลุงจำชั้นได้แน่เลย

12:00PM.

ชั้นมักใช้เวลาไปกับการกินขนมปัง ดื่มนม แล้วมองออกไปข้างนอก คอยดูรถวิ่ง ผู้คนเดินผ่านไปมา แต่ละคนก็ใส่ชุดไม่เหมือนกัน บางชุดก็ดูเท่ บางชุดก็สวยราวกับหลุดมาจากนิทานอย่างไงอย่างงั้น เวลาก็ผ่านมาจนถึงเที่ยง ชั้นไม่รู้หรอกว่าชั้นนั่งมานานมากแล้วด้วยซ้ำ

‘ปรี๊ดดด!’

“เห๊ะ...?”

จู่ๆ เสียงนกหวีดก็ดังมาจากข้างนอก เสียงมาจากใครกันนะ จราจรงั้นเหรอ ไม่สิ ถ้าเป็นของจราจร ก็ต้องดังตั้งแต่แรกแล้วสิ

“ดูท่าจะมากันแล้วล่ะนะ”

“เอ๋ ใครมาเหรอคะ”

“ทหารน่ะ พวกเค้ากำลังจะเคลื่อนพลลงใต้ คงจะมีเรื่องอะไรล่ะมั้ง ลุงเห็นมาหลายครั้งแล้ว ทยอยมาทีละกองร้อยสินะ”

คงจะจริงอย่างที่ลุงว่า ชั้นแอบชำเลืองมองไปเห็นรถบรรทุกคันใหญ่3คน และรถบรรทุกรถถังอีกประมาณ5คันได้ มากันเยอะพร้อมอาวุธขนาดนี้ คงไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วล่ะมั้ง

ซักพักหลังสิ้นเสียงนกหวีด ทหารที่เดินยืนแถวอย่างเป็นระเบียบก็กระจายตัวออกไปยังร้านค้าต่างๆ พร้อมใบปริวและสติกเกอร์ ชั้นว่าพวกเค้าคงมาหาทหารอาสาสมัครเพิ่ม แล้วถือโอกาสมาพักแน่ๆ เลย

ว่าแล้วไม่ทันไร ทหาร3นายเดินเข้ามาที่ร้านนี้ พวกเขามาตรวจดูสติกเกอร์ที่เคยติดไว้ น่าแปลกที่ชั้นไม่เคยสังเกตมันมาก่อน อาจเพราะมันไม่สำคัญต่อชั้น ก็นะ ทหารก็ต้องผู้ชายที่แข็งแรงสิ ชั้นไม่เกี่ยวด้วยอยู่แล้วล่ะ

“โฮ่ ยินดีต้อนรับครับ วันนี้มาสามคนนะครับ”

“ครับ เราอยากได้เครื่องดื่มเย็นๆ ซักหน่อย ฝากด้วยนะครับ”

“ยินดีเลยครับ งั้นก็เชิญหาที่นั่งรอซักพัก แล้วจะนำมาเสิร์ฟให้นะครับ”

คุณลุงรับออเดอร์แล้วจึงเดินหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง ทหารทั้งสามก็เดินย้อนกลับมาหาที่นั่ง ซึ่งเท่าที่ดู เหมือนว่าที่จะเต็มหมด ยกเว้น...เห๊ะ...?! ล้อเล่นรึเปล่า...เหลือแค่ที่ๆ ชั้นนั่งงั้นเหรอ เดี๋ยวสิ ชั้นต้องนั่งกับทหารจริงๆ เหรอเนี้ย

แย่ล่ะ พวกเขากำลังมาที่ชั้นแล้ว...!

“เอ่อ ไม่ทราบว่า ผมจะขอนั่งด้วยได้รึเปล่าครับ”

“เอ๋! อ...อ่า...ด...ได้ค่ะ...”

อะไรกันเนี้ย ทำไมเราต้องพูดประมาทแบบนี้ล่ะ ไม่สิ หัวใจชั้นกำลังเต้นแรงมาก ทำอะไรไม่ถูกแล้ว...

“หนูเป็นคนเมืองนี้เหรอ”

“ค...ค่ะ...แต่หนูอยู่ห่างจากเมืองไปอีก 10กิโลค่ะ”

“โห เดินมาเหรอเนี้ย ท่าทางจะแข็งแรงงั้นสินะ”

“เฮ้ๆ อย่าพูดกับสาวคนเดียวสิเพื่อน”

ทั้งสามคนดูเหมือนจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันแน่ๆ ถึงได้คุยแบบกันเองแบบนี้ เดี๋ยวสิ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดไปเรื่อยนะ!

“จริงสิ ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผม Kasuo (คาซูโอะ) คนทางซ้ายของผมคือTamo (ทาโมะ) และคนสุดท้ายคือรองหัวหน้าหมวด Sakai (ซาไค) พอดีเราอยู่หมวดเดียวกันน่ะ”

“ย...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“เอ๋ๆ นายทำเธอเขินนะรู้ตัวป่าว หล่อโดนใจสาวกว่าที่คิดเลยนะเนี่ยนาย”

“ไม่ใช่มั้ง ชั้นว่าเธอกลัวเรามากกว่า ทหารนะเว๊ย ฮ่าๆๆๆ”

อาจจะเขินจริงๆ ก็ได้ แต่ ชั้นไม่เคยมีความรู้สึกนี้มาก่อนเลย คำว่าเขิน มาพร้อมตื่นเต้น...ความรักงั้นเหรอ! ...ไม่ ต้องไม่ใช่ความรักสิ ชั้นจะไปรักทหารที่เพิ่งรู้จักกันได้ยังไงล่ะ

“เอาๆ เครื่องดื่มเย็นๆ มาแล้วครับ...เห...โอ้! เธอได้นั่งกับทหารสุดหล่ออย่างงั้นเหรอเนี่ย ยินดีด้วยนะมาโกะ”

“มันน่ายินดีตรงไหนกันคะลุง!”

“ฮ่ะๆๆ ดูท่าเธอจะตกหลุมรักคาซูโอะสุดหล่อไปแล้วล่ะนะ”

“ม...ไม่ใช่นะคะ...!”

บ้าๆๆๆๆๆ ทำไงดีเนี้ย สงสัยจะชอบจริงๆ แล้วมั้งเนี้ย โอ๊ยๆ สมองคิดอะไรเยอะไปหมดแล้ว

ชั้นคิดอะไรไม่ออกนอกจากนั่งจิบนมไปพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆ กับทั้งสาม แต่ไม่รู้สิ ชั้นกลับเอาแต่เพ่งคุณคาซูโอะคนเดียว หรือว่าชั้นจะชอบเขาจริงๆ กันนะ

01:45PM

“อย่างงั้นเหรอ เธอเป็นลูกกำพร้าก็เลยอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กสินะ”

“ค่ะ แต่ถึงจะไม่มีพ่อแม่ ชั้นก็มีความสุขที่ได้อยู่กับทุกคน ที่ชั้นไว้ใจค่ะ”

“น่าแปลก ตอนแรกเธอยังเขินคาซูโอะอยู่เลยนิ ไหงตีสนิทกันง่ายขนาดนี้ล่ะ”

“เอ๋ ขอโทษค่ะ มันแปลกอย่างงั้นเหรอคะ”

“ไม่หรอกครับ แค่ผมรู้สึกว่าทั้งคู่ดูเหมาะสมกันดีครับ”

เฮ้ยๆ เอาจริงดิคุณซาไค เห็นนั่งสงบเรียบร้อยก็นึกว่าจะไม่แซวกับเค้าซะอีก แต่ มันก็จริงล่ะ ชั้นสามารถคุยกับเขาได้อย่างลื่นไหล ชั้นเข้ากับเขาได้จริงๆ งั้นเหรอ

“มาโกะ จะบ่ายสองแล้ว ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะกลับไปรับเด็กๆ ไม่ทันนะ”

“เอ๋! แย่แล้วๆ งั้น หนูขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณที่มาร่วมคุยกับหนูค่ะ”

“เดี๋ยวสิ เธอว่าสถานรับเลี้ยงอยู่ไกลตั้ง10กิโลเลยไม่ใช่เหรอ แบบนี้ต่อให้วิ่งก็ไม่ทันหรอก”

“ล...แล้วจะให้ทำยังไงล่ะคะ”

โรงเรียนจะเลิกตอนบ่ายสาม ถ้าวิ่งผลัดเดินเป็นพักๆ คงไม่ทันจริงๆ แน่ ทำไงดีล่ะ ทำไมลุงไม่รีบเตือนชั้นเนี่ย

“เอางี้นะ ผมจะขอเบิกรถบรรทุกคันนึง แล้วจะพาเธอไปรับเด็กๆ กลับ ตกลงมั้ย”

“เอ๋!! จ...จะดีเหรอคะ รบกวนพี่ๆ มากเกินไปแล้วค่ะ”

“ไม่หรอก ยังไงเราก็ต้องไปให้ทั่วเมืองอยู่แล้ว เพื่อ...”

“เพื่อหาอาสาสมัครมาเป็นทหารเพิ่มยังไงล่ะ งั้นเรารีบไปขึ้นรถได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันนะครับ”

“ค...ค่ะ...”

อะไรกันเมื่อกี้ ทาโมะกำลังจะพูดอะไรแล้วซาไคก็ขัด ปิดความลับอะไรอยู่อย่างงั้นเหรอ อืม...

ชั้นคงคิดมากไปเอง แต่ ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ก็คงไม่ทัน ช่วยไม่ได้แฮะ

“มื้อนี้ลุงคิดแค่ครึ่งนึงละกัน เพราะลุงถึงสายแบบนี้ ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณสำหรับขนมปังกับนมมากนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะมาอีกค่ะ”

“เออ! โชคดีนะ”

“ค่ะ!”

ลุงคงจะรู้สึกผิดเลยคิดราคาครึ่งนึง ชั้นก็คงต้องจ่ายตามนั้น เพราะหากจ่ายเต็มก็อาจผิดน้ำใจจนลุงจะรู้สึกผิดหนักกว่าเดิมก็ได้

ชั้นรีบตามทหารสามคนนั้นไปขึ้นรถ ชั้นว่าจะนั่งที่กระบะ แต่ซาไคกับทาโมะกลับให้ชั้นไปนั่งข้างหน้ากับคาซูโอะซะงั้น ถ้าไม่คิดเรื่องน้ำใจ ก็คงกำลังจิ้นชั้นกับคุณซคาซูโอะอยู่แน่ๆ ให้ตายสิผู้ชาย แต่ ลองคุยกันซักหน่อยก็แล้วกัน

“ไปละนะมาโกะ”

“อ...อื้ม!”

เขาออกรถทันทีที่ชั้นพร้อม แล้วมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านของชั้นอย่างรวดเร็ว

“เธอน่ะ นิสัยเหมือนผู้ชายเลยนะ”

“ก็เพราะหนูไม่อยากอ่อนแอน่ะค่ะ หนูมีภาระหน้าที่ของสถานรับเลี้ยงเด็ก ทุกคนต้องมีผู้นำคอยให้ความช่วยเหลือ ถ้าหนูอ่อนแอ ทุกคนก็ไม่อาจรอดค่ะ”

“อย่างงั้นเหรอ อืม รู้มั้ย บางทีนิสัยแบบนี้ก็ไม่ได้แย่หรอกนะ ฮ่ะๆ ชั้นชักชอบเธอขึ้นมาซะแล้วสิ”

“...เอ๋”

อะไรกันๆๆๆๆๆ คิดจะบอกชอบมันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ ไม่จริงน่า เค้าต้องพูดเล่นแน่ๆ ใช่มั้ย...

“อีกซักพักก็จะถึงเขตหมู่บ้านแล้ว โรงเรียนไปทางไหนต่อเหรอ”

“ป...ไปตามที่หนูบอกได้เลยค่ะ”

“ฝากด้วยนะ”

พูดไม่ค่อยออกอีกซะแล้ว บ้าจริง ถึงจะรู้ว่าเขาแค่หยอกล้อชั้นเล่น แต่มาบอกชอบทำไมตอนนี้ เขินไปหมดแล้วนะ

02:50PM.

ผ่านมาชั่วโมงกว่าๆ ดูเหมือนชั้นจะมาทันเวลาโรงเรียนเลิกพอดี ที่รถวิ่งมาได้ช้าเพราะต้องขึ้นเขาและทางที่เป็นหลุมบ่อเยอะจนไม่สามารถวิ่งเร็วได้ แต่มาได้ขนาดนี้ก็ดีกว่าวิ่งมาล่ะนะ

“นั่นไง ทางนั้นแหละโรงเรียนล่ะ”

“เข้าใจแล้ว เฮ้! พวกนาย เตรียมเอาใบปลิวไปให้ครูด้วยนะ”

“เออ!”

มาเพื่อแจกใบปลิวรึไงกันนะ เอาเถอะ อย่างน้อยก็มาเป็นเพื่อนล่ะนะ

“นั่นพี่มาโกะนี่ มากับรถทหารด้วยล่ะ เท่จัง!”

“เอาล่ะเด็กๆ วันนี้เราจะกลับด้วยรถคนนี้กัน ใครอยากไปก็ขึ้นมาเลย”

“ครับ/ค่ะ!!”

เด็กๆ ตื่นเต้นมากที่จะได้นั่งรถกลับ เพราะทั้งชีวิตที่เกิดมา พวกเขายังไม่เคยเห็นรถอะไรที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ก็ ถือว่าเป็นบุญซักครั้งก่อนออกไปอยู่โลกภายนอกล่ะนะ

“ชั้นฝากแจกให้ทั่วหมู่บ้านเลยละกัน แล้วจะวนกลับมารับนะ”

“เออ วางใจได้เลยสหาย”

ว่าแล้วคาซูโอะก็ออกรถ แล้วมุ่งหน้ากลับไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กที่ห่างออกไปอีกประมาณ2กิโล

“หืม...ทหารมางั้นเรอะ”

“คุณยายยย พวกหนูกลับมากันแล้ววว”

“อะไรกัน มาโกะกับเด็กๆ ไปนั่งรถทหารได้ยังไงน่ะ ไปก่อเรื่องอะไรมาห๊ะ!”

ซะงั้น ยังไม่ทันพูดอะไรก็โดนด่าอีกแล้ว คงต้องให้คาซูโอะอธิบายซะแล้วล่ะ

“เดี๋ยวครับคุณยาย มาโกะไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ ผมไปเจอเธอที่ร้านค้า ก็เลยพากลับมาด้วยพร้อมรับเด็กๆ มาน่ะครับ ไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรหรอกนะครับเพราะพวกผมก็ต้องมาแถวนี้อยู่แล้ว”

“อย่างงั้นเหรอ แล้วไป ว่าแต่ มาที่นี่ทำไมกันล่ะ”

“ผม ขอคุยส่วนตัวนะครับ”

เอ๋ เพิ่งมาถึงครั้งแรกก็จะคุยส่วนตัวเลยเหรอ แปลกๆ จัง

ผ่านไปซักพัก ดูเหมือนคาซูโอะจะเอาใบปลิวให้คุณยาย แต่ ดูเหมือนคุณยายทำท่าทางตกใจมากเมื่อคุยเสร็จ อะไรกันนะ มีความลับอะไรอยู่กันแน่ ตั้งแต่ที่ร้านค้าแล้ว

“เอาล่ะ ที่เหลือก็พอแค่นี้ ชั้นไปก่อนนะมาโกะ”

“จะไปแล้วเหรอคะ”

“ก็นะ ชั้นมีรวมพลเข้าที่พักตอน 04:20PM. นี้ ถ้าไม่รีกอาจโดนทำโทษก็ได้”

“เอ๋ งั้น...ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”

“อื้ม แล้วก็ นี่เป็นที่อยู่ในจดหมายนะ ถ้าคิดถึงล่ะก็ เขียนส่งมาได้เลยนะ”

เห๊ะ...เดี๋ยว!! จ...จะให้ส่งจดหมายหากันจริงๆ เหรอ น...นี่มันเหมือนความรักยามสงครามเลยไม่ใช่รึไง เอ๋ หรือว่า เขาจะชอบชั้นจริงๆ โอ๊ยยย เรื่องจริงเหรอเนี้ย!!

“รับไว้สิ เอาล่ะ ไปก่อนนะ แล้วจะฝากความคิดถึงมาหาล่ะ”

“บ้า! คาซูโอะบ้าที่สุด!!”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

ตาบ้าเอ๊ย! ชั้นเขินนะ ดูสิ กี่สายตาจับจ้องอยู่ เขินอายจะตายอยู่แล้วนะ

“ชั้นชอบเธอนะมาโกะ!!”

“...นายนี่มัน...บ้าที่สุดเลย!!!”

ตะโกนไล่หลังรถที่ขับออกไปจนคนทั้งหมู่บ้านมอง เฮ้อ หมดกัน ชีวิตอันแสนสงบสุขของชั้น...คงต้องหลบหน้าหลบตาทุกคนไปอีกซักพัก กว่าจะลืมได้คงนานแน่ๆ

“เฮ้! ดูบนนั้นสิ เครื่องบิน!!”

‘ฟิ้ว!!’

“เครื่องบิน Zero ล่ะ เท่จังเลย!!”

เด็กๆ ต่างพากันวิ่งออกมาดูฝูงบินที่บังเอิญบินผ่านหมู่บ้านของเรา ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าเครื่องบินที่ว่าคืออะไร แต่ดูเหมือน เด็กๆ จะบอกว่า มันคือ ‘ZERO’ งั้นสินะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด