ตอนที่แล้วSign in Buddha's palm 202
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSign in Buddha's palm 203 (II)

Sign in Buddha's palm 203 (I) กำไลสงคราม


Sign in Buddha's palm 203 (I) กำไลสงคราม

เกาะแห่งหนึ่งในต่างดินแดน

มีร่างหลายร่างแยกตัวกันยืนอยู่คนละมุม

แต่ละร่างมีกลิ่นอายที่แตกต่างกันออกไป บางคนเย็นยะเยือกราวกับภูเขาน้ำแข็ง บางคนลึกลับดำมืด บางคนก็แหลมคมราวกับคมดาบศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายืนอยู่ในมุมของตนอย่างเงียบๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกราวเผชิญหน้าอยู่กับพลังแห่งฟ้าดินอันยิ่งใหญ่

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่

นักพรตสวมชุดคลุมแบบเต๋าที่มีน้ำเต้าสุราห้อยอยู่ข้างเอวก็รีบก้าวเข้ามาภายในห้อง

เจ้าตำหนักเทพเจ้าหิมะขมวดคิ้วและกล่าวขึ้นว่า “นักพรตเต๋า ท่านมาช้า”

“ข้าเจอสัตว์ทะเลหายากระหว่างทางน่ะ นักพรตชราผู้นี้ดีใจยิ่งจึงแวะพักครู่หนึ่งเพื่อปราบมันเตรียมเอามาเป็นกับแกล้มกับสุรา อย่าได้โกรธเคืองไป......” นักพรตเต๋าตบเข้าที่น้ำเต้าที่ข้างเอวพร้อมกับหัวเราะออกมา

“ฮึ่ม!”

เจ้าตำหนักเทพเจ้าหิมะพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา ไม่สนใจอีกต่อไป

บุคคลในระดับของพวกเขา สามารถเพิกเฉยต่อนิกายใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งในระดับใกล้เคียงกัน ไม่มีใครถือสาเอาความกันได้

อย่าว่าแต่นักพรตเต๋ามาช้าเลย แม้นักพรตเต๋าชราจะไม่มา ก็คงไม่มีใครทำอะไรได้

“เอาล่ะ”

“เจ้าตำหนักเทพเจ้าหิมะ เจ้าเรียกพวกเรามา ต้องการจะพูดคุยเรื่องใด ได้โปรดบอกกล่าวข้าหน่อยได้หรือไม่?” ชายคนหนึ่งที่มีกลิ่นอายแห่งความมืดลึกซึ้งพูดขึ้นมา น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง

เขาคือผู้นำนิกายเฮยหยวน ถ้าจะกล่าวว่าผู้ใดมีชื่อเสียงมากที่สุดในที่แห่งนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือผู้นำนิกายเฮยหยวน นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาแข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นเพราะมือของเขาที่เปื้อนเลือดมามากที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักเทพเจ้าหิมะหรือเจ้านิกายคนอื่นๆ แม้พวกเขาจะอยู่ตำแหน่งที่สูงส่งจนถือว่าสิ่งมีชีวิตอื่นถือเป็นเพียงมด เขาก็จะไม่ฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล แต่ผู้นำนิกายเฮยหยวนนั้นต่างจากคนอื่นๆ เขาเคยฆ่าผู้คนนับล้านเพียงเพราะความโกรธเกรี้ยวที่ตนทะลวงผ่านขั้นไม่ได้ ซึ่งหลายต่อหลายคนที่เขาฆ่าไปเป็นถึงระดับตำนานยุทธเสียด้วยซ้ำ

เพียงแต่ว่าผู้นำนิกายเฮยหยวนนั้นฉลาดพอ เขาฆ่าเพียงคนธรรมดาหรือตำนานยุทธธรรมดาๆ เท่านั้น ไม่เคยท้าทายขีดจำกัดของนิกายใหญ่อื่นๆ

“ก็ไม่มีอะไรมาก” เจ้าตำหนักเทพเจ้าหิมะเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เทพธิดาหิมะของข้าได้ตายไปแล้ว และก่อนที่นางจะตายไป นางก็ได้ไปพื้นที่แห่งนั้นกับเหล่าศิษย์ของพวกเจ้า”

หลังจากที่เจ้าตำหนักเทพเจ้าหิมะพูดจบ นางก็จ้องไปที่คนอื่นๆ เขม็ง

“ท่านเจ้าตำหนัก ไม่เพียงแต่เทพธิดาแห่งตำหนักเทพเจ้าหิมะเท่านั้นที่ตายไป แต่ดวงไฟแห่งชีวิตของศิษย์ข้าก็ดับลงเช่นกัน” ชายที่สะพายดาบยาว แววตาเฉียบคม ได้แต่ส่ายหัว

“ศิษย์นิกายเฮยหยวนก็ตายแล้วเช่นกัน” ผู้นำนิกายเฮยหยวนกล่าวด้วยเสียงต่ำ

ไม่ช้า

ผู้นำนิกายหลายคนก็ต่างพูดขึ้นมาทีละคน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เจ้าตำหนักเทพเจ้าหิมะและผู้นำนิกายคนอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากันพร้อมทั้งขมวดคิ้วเป็นปม

เพราะศิษย์ที่พวกเขาส่งให้ไปสำรวจพื้นที่ต่างก็ตกตายกันทั้งหมด ไม่ง่ายนักที่จะทำใจเชื่อได้ลง

“ใช่แล้ว”

“นักพรตเต๋า ข้าจำได้ว่าท่านส่งศิษย์จากสำนักเอกะวิถีไปด้วยนี่ น่าจะชื่อว่าเหยียนไห่ ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

ประมุขพรรคหมื่นดาบหันเหสายตาของตนไปมองนักพรตเต๋าที่กำลังคลึงน้ำเต้าที่ข้างเอว

ผู้นำนิกายคนอื่นๆ ได้ฟังถ้อยคำนั้นก็หันไปมองที่นักพรตเฒ่ากันทุกคน

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

นักพรตเต๋าดูเขินอาย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไปตามความจริง “เหยียนไห่ยังไม่ตาย”

หากเหยียนไห่ตายไปแล้ว ดวงไฟแห่งชีวิตที่อยู่ในสำนักเอกะวิถีจะต้องมอดดับลงอย่างแน่นอน และเขา ผู้เป็นเจ้าสำนักจะต้องรับรู้มันเป็นคนแรก

แต่น่าเสียดาย จนถึงตอนที่นักพรตเต๋าออกจากสำนักเอกะวิถี ดวงไฟชีวิตของเหยียนไห่ยังคงลุกไหม้อย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่มีวี่แววว่าจะดับแต่ประการใด

อะไรนะ?

เสียงของนักพรตเฒ่าจบลง

สีหน้าของผู้นำนิกายต่างก็เปลี่ยนไป จ้องมองไปที่นักพรตเต๋า

ศิษย์หลายคนไปยังพื้นที่จุดตัดครั้งยิ่งใหญ่ ทุกคนล้วนตายหมดยกเว้นศิษย์สำนักเอกะวิถี เรื่องราวเช่นนี้ไม่แปลกไปหน่อยหรือ

“พวกเจ้าคงไม่คิดว่าเหยียนไห่สังหารลูกศิษย์ของพวกเจ้าหรอกใช่ไหม?” นักพรตเต๋าส่ายศีรษะ “ข้ารู้ความแข็งแกร่งของเหยียนไห่ดี แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่านี้นับสิบเท่าก็ยังไม่สามารถกระทำได้”

คำที่กล่าวออกมา

ผู้นำนิกายทั้งหลายก็คิดตาม

ก็จริง

ศิษย์ที่พวกเขาส่งไปยังพื้นที่จุดตัดในครั้งนี้ล้วนเป็นศิษย์ชั้นยอด อย่างน้อยๆ ก็เป็นศิษย์สายตรง

โดยเฉพาะตำหนักเทพเจ้าหิมะที่ถึงขนาดส่งเทพธิดาของตนออกไป

“เป็นไปได้ไหมที่จะถูกจอมยุทธระดับผู้เยี่ยมยุทธสักคนลอบสังหาร?” ผู้นำนิกายเฮยหยวนแสดงเจตนาอันชั่วร้ายผ่านทางน้ำเสียงของเขา

มีตำนานยุทธอยู่มากมายในต่างดินแดน และมีเพียงตำนานยุทธระดับนภาชั้นที่ห้าเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะกล่าวขานว่าผู้เยี่ยมยุทธ

อันที่จริงผู้นำนิกายส่วนใหญ่ก็อยู่ในระดับนี้เช่นเดียวกัน

“ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น” นักพรตเต๋ากล่าวขึ้นว่า “ผู้เยี่ยมยุทธทั้งหมดที่อยู่ในดินแดนนี้ ข้ารู้ดีว่าแต่ละคนอยู่ที่ไหนกันบ้าง ในช่วงเวลานี้ไม่มีใครได้เดินทางไปยังพื้นที่นั้นสักคน”

“บางทีตำนานยุทธผู้นั้นอาจจะเป็นผู้เยี่ยมยุทธที่กำเนิดขึ้นมาในพื้นที่จุดตัด?” ประมุขพรรคหมื่นดาบคาดเดา

“เป็นไปไม่ได้” เจ้าตำหนักเทพเจ้าหิมะกล่าวขัดขึ้นมาเป็นครั้งแรก “พื้นที่จุดตัดแห่งนั้นเพิ่งเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นไปได้เยี่ยงไรที่จะให้กำเนิดตำนานยุทธระดับนภาชั้นที่ห้าได้รวดเร็วเช่นนี้?”

ก่อนที่กระแสปราณฉีจะฟื้นคืน พื้นที่จุดตัดเป็นเพียงทวีปที่แห้งแล้ง มีตำนานยุทธเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำเนิดขึ้นมาได้ แม้ว่าปราณฉีจะฟื้นคืนขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลาหลายสิบหรือหลายร้อยปีก่อนที่จะมีตำนานยุทธระดับนภาชั้นที่ห้ากำเนิดขึ้นจริงๆ

“ถึงแม้จะไม่ใช่ระดับนภาชั้นที่ห้า แต่เกรงว่าจะไม่ห่างชั้นจากระดับนั้นมากนัก” ผู้นำนิกายเฮยหยวนกล่าวด้วยเสียงต่ำ

“เอาล่ะ งั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร?” ผู้นำนิกายเฮยหยวนกะพริบตา สาดสายตามองไปยังผู้นำนิกายคนอื่นๆ แล้วจึงพูดว่า “ข้าจะส่งหน่วยวิญญาณยมโลกของข้าไปสืบความเป็นไปในพื้นที่พิพาทเพื่อหาข้อสรุป”

“วิญญาณยมโลก?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด