ตอนที่แล้วบทที่ 9 รถเมล์ผี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11 ความรับผิดชอบ

บทที่ 10 สูญเสียวิญญาณ


บทที่ 10 สูญเสียวิญญาณ

พวกเขารีบขับรถอย่างรวดเร็ว จนมาถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากนั้นจางหลานกับเฉินฮุ่ยก็ช่วยกันนำตัวเย่ปินเข้าไปในโรงพยาบาล

ตอนแรกเย่ปินกรีดร้องราวกับบ้า แต่หลังจากหมอฉีดยาระงับประสาทให้ เย่ปินก็สงบลงและผล็อยหลับไป

จากนั้นหมอก็ตรวจอาการของเย่ปิน และแจ้งว่า เขาสบายดี เพียงแค่ตกใจกลัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเย่ปินตื่นขึ้น เขาก็เริ่มกรีดร้องอีกครั้ง หมอในโรงพยาบาลไม่มีทางเลือกนอกจากจะฉีดยาระงับประสาทให้เย่ปินอีกเข็ม

“หมอ เขาเป็นอะไร? มีอะไรผิดปกติกับเย่ปินหรือเปล่า?” หลังจากเย่ปินสงบลง จางหลานกับเฉินฮุ่ยก็รีบถามหมอทันที

เมื่อหมอได้ยินคำถาม เขาก็ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง “อาการผู้ป่วยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาแค่ตกใจมากเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ทราบสาเหตุของอาการบ้าของผู้ป่วย” หลังจากตรวจอาการ หมอก็แจ้งว่า เย่ปินไม่มีอาการทางกายภาพ แต่หมอช่วยอะไรไม่ได้กับอาการบ้าของเขา

“มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร!” จางหลานขมวดคิ้ว และรู้สึกว่าการที่เย่ปินเป็นแบบนี้ อาจเป็นเพราะ รถเมล์ ‘สาย 18’

“ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันดี?” เฉินฮุ่ยก็กังวลเช่นกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

“พวกคุณ ผมมีบางอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่?” ขณะที่คนทั้งคู่กำลังคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี จู่ๆ หมอในโรงพยาบาลก็เข้ามาพูดด้วย

“พูดเถอะครับ!” จางหลานรีบพูด

หมอลึกลับพยักหน้า แล้วหันไปมองเย่ปินที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้คนทั้งคู่ไปหาที่ปลอดคนคุยกัน

เมื่อมาถึงมุมหนึ่งในโรงพยาบาล หมอลึกลับก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า “พวกคุณ ผมสงสัยว่า อาการป่วยของเพื่อนคุณ อาจเป็นเพราะสูญเสียวิญญาณ”

“สูญเสีย? สูญเสียวิญญาณ?” จางหลานกับเฉินฮุ่ยต่างก็ตกตะลึง หากเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาคงคิดว่าหมอคนนี้บ้าหรือมีปัญหาทางสมอง แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า มี ‘วิญญาณ’ อยู่จริง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สงสัยในสิ่งที่หมอผู้ลึกลับผู้นี้กล่าว

“คุณหมายถึงอะไร? หมายความว่าเขาสูญเสียวิญญาณงั้นเหรอ?” จางหลานถามเสียงต่ำ

หมอลึกลับพยักหน้า “ครับ ผมเคยเห็นคนที่มีอาการแบบนี้มาก่อน นี่เป็นอาการของการสูญเสียวิญญาณ ถ้าอยากจะให้เขาฟื้นตัวก็ต้องเรียกวิญญาณที่สูญหายกลับมา”

แม้ว่าจะรู้สึกว่าสิ่งที่หมอพูดฟังดูเลวร้ายเกินไป แต่จางหลานกับเฉินฮุ่ยเคยเห็นสิ่งที่เลวร้ายมามาก พวกเขาจึงไม่สงสัยในคำพูดของหมอลึกลับ

“แล้ว เราควรทำยังไง?” จางหลานถาม เนื่องจากอีกฝ่ายรู้จักอาการของเย่ปิน เขาก็ต้องรู้วิธีรักษา

“พวกคุณเอาที่อยู่นี้ไป ตามหาคนชื่อลู่เฉียนฉิง บางทีเขาอาจมีวิธีรักษาเพื่อนคุณ” หมอลึกลับกล่าว พร้อมกับหยิบกระดาษยับยู่ยี่ส่งให้จางหลาน

จางหลานอ่านที่อยู่บนกระดาษและจดบันทึกไว้ หลังจากกล่าวขอบคุณหมอลึกลับ เขากับเฉินฮุ่ยก็รีบออกไปตามหาที่อยู่นั้นทันที

ทั้งสองคนรีบบึ่งรถอย่างรวดเร็ว จนมาถึงที่อยู่ตามที่ระบุไว้ แต่ทั้งคู่ก็ยังหาตัวบุคคลลึกลับที่ชื่อ ‘ลู่เฉียนฉิง’ ไม่พบ

“สวัสดีครับ ยายรู้จักคนชื่อ ‘ลู่เฉียนฉิง’ ไหมครับ?” จางหลานหยุดถามหญิงชราคนหนึ่ง

พอได้ยินคำถามของจางหลาน หญิงชราก็ขมวดคิ้ว ครุ่นคิด แต่ปากก็พึมพำว่า “ลู่ (ทางนั้น)? เฉียนฉิง (ไปเถอะ) ?”

“ครับ ลู่เฉียนฉิง”

“โอ้! ลู่เฉียนฉิงนั่นเอง!” ในที่สุดหญิงชราก็นึกขึ้นได้

“ยายรู้จักเหรอครับ?” จางหลานกับเฉินฮุ่ยมองหญิงชราและถามขึ้นอย่างตื่นเต้น

“ไม่รู้จัก”

“……” ทั้งจางหลานกับเฉินฮุ่ยถึงกับพูดไม่ออก หลังจากกล่าวขอบคุณหญิงชรา ทั้งคู่ก็สอบถามคนอื่นต่อไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาสอบถามมาเกือบทั้งเช้าก็ไม่มีใครที่อยู่แถวนี้รู้จักคนชื่อ ‘ลู่เฉียนฉิง’ เลย

“หรือว่าหมอคนนั้นจะหลอกเรา!” ถึงจุดนี้เฉินฮุ่ยก็รู้สึกสงสัยว่าหมอที่โรงพยาบาลคนนั้นจะหลอกพวกเขา

จางหลานส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้” เขาไม่คิดว่าหมอคนนั้นจะหลอกพวกเขา “ลองดูอีกที ฉันคิดว่าคนๆนี้ต้องมีตัวตน” จางหลานไม่ยอมแพ้และค้นหาต่อไป

จากตอนนั้นจนถึงบ่าย จางหลานกับเฉินฮุ่ยพยายามตามหา ‘ลู่เฉียนฉิง’ แต่ดูเหมือน ‘ลู่เฉียนฉิง’ จะไม่มีตัวตนอยู่จริง พวกเขาจึงยังหาไม่พบ

ทั้งสองคนหมดหวังและกำลังจะกลับ ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆในชุดสูทก็มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา

“ขอโทษ พวกคุณกำลังตามหาลู่เฉียนฉิงอยู่ใช่ไหมครับ?”

ทั้งจางหลานกับเฉินฮุ่ยถึงกับอึ้ง ทั้งคู่มองชายหนุ่มตรงหน้าจากหัวจรดเท้าและจากเท้าจรดหัว

ชายหนุ่มหวีผมปรกหน้าผากสไตล์นักร้องเกาหลี แก้มบอบบางเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส เสื้อผ้าเรียบร้อยดูให้ความเป็นมิตรมาก โดยรวมแล้วดูเป็นชายหนุ่มที่สว่างสดใสมาก

“น้องชาย คุณรู้จักลู่เฉียนฉิงงั้นเหรอ?” จางหลานกล่าวถามอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นรู้จักลู่เฉียนฉิง

“ผมคือลู่เฉียนฉิง” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นายคือลู่เฉียนฉิง!” ก่อนที่จางหลานจะทันได้พูด เฉินฮุ่ยที่อยู่ข้างๆก็อุทานออกมาด้วยท่าทางตกตะลึง

ไม่ว่าจะเป็นจางหลานหรือเฉินฮุ่ยต่างก็คิดว่าลู่เฉียงฉิงเป็นชายวัยกลางคน หรือไม่ก็เป็นผู้สูงอายุวัยชรา ทั้งคู่ไม่เคยคิดว่าลู่เฉียงฉิงจะเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะซึ่งมีอายุน้อยกว่าพวกเขา

เมื่อเห็นการแสดงออกของเฉินฮุ่ย ลู่เฉียงฉิงก็รู้สึกอายเล็กน้อย “เอ่อ ผม เป็นลู่เฉียงฉิงไม่ได้เหรอ?”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่! เป็นได้ เป็นได้! แน่นอน!” จางหลานฉีกยิ้มอย่างน่าอาย

“ฮ่าฮ่า” เฉินฮุ่ยก็หัวเราะกลบเกลื่อนออกมาเช่นกัน

“พวกคุณมาตามหาผมทำไม?” ลู่เฉียงฉิงมองคนทั้งคู่และถามขึ้นด้วยความสงสัย

สีหน้าของจางหลานเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นทันที “คือแบบว่า ผมมีเพื่อนที่ดูเหมือนจะสูญเสียวิญญาณ เลยต้องการมาขอความช่วยเหลือจากลู่ไต้… ลู่เสี่ยวเกอ” จางหลานอยากเรียกว่าลู่ไต้ซือ (อาจารย์ลู่) แต่พอเห็นลักษณะท่าทางของลู่เฉียงฉิงแล้วทำให้ไม่อาจใช้สามคำนี้ได้ เขาจึงเปลี่ยนเป็นลู่เสี่ยวเกอ (พี่ชาย/น้องชายคนเล็ก) แทน

“สูญเสียวิญญาณ” ลู่เฉียนฉิงขมวดคิ้วครุ่นคิด ครู่ต่อมา เขาก็พูดขึ้นว่า “งั้น ปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของผม!”

“ตราบเท่าที่รักษาเพื่อนผมหายขาด เรื่องอื่นไม่มีปัญหา” จางหลานพูดอย่างจริงจังมาก

“100” หลังจากอดทนอยู่นาน ลู่เฉียงฉิงก็เสนอราคาค่ารักษาของเขา

เฉินฮุ่ยหยิบธนบัตร 100 หยวนออกมายื่นให้ลู่เฉียงฉิงทันทีโดยไม่พูดอะไรให้มากความ

หลังจากรับเงินลู่เฉียนฉิงก็ตรวจสอบธนบัตรอย่างรอบคอบก่อนเก็บใส่กระเป๋า แล้วพูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ”

จางหลานกับเฉินฮุ่ยไม่ชักช้า รีบพาลู่เฉียนฉิงไปยังโรงพยาบาลที่เย่ปินรักษาตัวอยู่ทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด