ตอนที่แล้วบทที่ 8 สถานีปลายทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 สูญเสียวิญญาณ

บทที่ 9 รถเมล์ผี


บทที่ 9 รถเมล์ผี

เมื่อพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้าค่อยๆจางแสง โลกเริ่มมืดลง ดวงจันทร์สว่างเริ่มลอยสูงขึ้น ทำให้ท้องฟ้าและโลกที่มืดสลัว ค่อยๆสว่างขึ้น

“พระจันทร์วันนี้ ช่างสว่างสดใสเสียจริง!” จางหลานกินแฮมเบอร์เกอร์ มองดูดวงจันทร์ แล้วพูดชื่นชม

“โชคดีที่วันนี้แสงจันทร์สว่างพอ ถ้าเป็นคืนเดือนมืด ลมแรง เราควรกลับบ้านไปนอนกันแล้ว” เฉินฮุ่ยพูดติดตลก

“นายว่าวันนี้รถเมล์มันจะมาไหม?” จางหลานกินแฮมเบอร์เกอร์คำสุดท้ายแล้วเอามือเช็ดปาก มองเย่ปินที่กำลังมุ่งความสนใจไปยังป้ายรถเมล์

“เฮ้อ ใครมันจะไปรู้! ก่อนหน้านี้เสี่ยวหลิวกับคนอื่นๆ เฝ้าซุ่มดูสถานที่ๆเด็กหายไปตั้งนาน แต่ก็ไม่พบอะไรเลย” เฉินฮุ่ยพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา “นายว่า รถเมล์คันนั้นจะหมดเวลาวิ่งแล้ว? หรือว่ามันจะปรากฏขึ้นตรงจุดที่เฉพาะเจาะจง?”

เย่ปินเพิกเฉยต่อการสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ เขามองผ่านกล้องเทเลสโคป ไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไกลๆตลอดเวลา

“เป็นไปได้มาก ที่มันจะปรากฏขึ้นตรงจุดที่เฉพาะเจาะจงในเวลาที่แน่นอน” จางหลานคิดเกี่ยวกับคำพูดของเฉินฮุ่ย แต่แล้วเขาก็ส่ายหน้า “เฮ้อ ตอนนี้เรายังไม่เห็นรถเมล์นั่นเลย เราจึงยังไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะโผล่มาเมื่อไหร่” ตอนนี้จางหลานรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องรถเมล์ ‘สาย 18’ เขาเพียงได้ยินคำบอกเล่ามาจากคนอื่นเท่านั้น ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง

“ปินจื่อ หยุดกินอะไรก่อนเถอะ ฉันจะคอยเฝ้าดูต่อเอง” เฉินฮุ่ยหยิบแฮมเบอร์เกอร์ส่งให้เย่ปิน ตั้งแต่เริ่มมืดจนถึงตอนนี้เย่ปินเฝ้าดูป้ายรถเมล์อย่างไม่คาดสายตาเลย

“ใช่ ให้เราผลัดกันดูแทนก็ได้ จ้องมองนานๆ แบบนี้ ดวงตาล้ากันพอดี หยุดกินอะไรสักหน่อยเถอะ” จางหลานช่วยเกลี้ยกล่อม

“ฮู่!” เย่ปินพ่นลมหายใจ วางมือจากกล้องเทเลสโคปและหยิบแฮมเบอร์เกอร์ที่เฉินฮุ่ยส่งให้ไปกัดกินคำโต

เฉินฮุ่ยหยิบกล้องเทเลสโคป เฝ้ามองป้ายรถเมล์ผ่านเลนส์แทน

ทั้งสามคนผลัดกันเฝ้ามองป้ายรถเมล์ จนเวลาผ่านไปค่อนคืนโดยไม่รู้ตัว

“เกือบเที่ยงคืนแล้ว ผลัดนี้ฉันเฝ้าเอง พวกนายไปนอนพักก่อนเถอะ” จางหลานคว้ากล้องเทเลสโคปจากมือเย่ปิน พร้อมกับไล่ให้คนทั้งคู่ไปพักผ่อนสักครู่

“โอเค อีกหนึ่งชั่วโมง หลานเกอ นายต้องปลุกฉันนะ” เย่ปินไม่ปฏิเสธ หลังจากมอบกล้องเทเลสโคปให้จางหลานแล้ว เขาก็กลับเข้าไปในรถ

“ฉันจะพักสักครู่เหมือนกัน ปินจื่อนายอย่าลืมปลุกฉันนะ” เฉินฮุ่ยที่นอนอยู่ข้างๆพูดกับเย่ปิน

“ง่วงชะมัด!” จางหลานหาว แล้วหมอบกับหลังคารถใช้กล้องเทเลสโคปส่องมองไปยังป้ายรถเมล์

เมื่อเวลาผ่านไปจางหลานก็เริ่มง่วงและหาวอยู่ตลอดเวลา หลังจากเฝ้ามองอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จางหลานก็ทนความง่วงไม่ไหว ดวงตาปรือทั้งคู่ที่เฝ้ามองอยู่ค่อยๆปิดลง

ขณะที่จางหลานกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีแสงจางๆ เกิดขึ้นในกล้องเทเลสโคปที่กำลังส่องดูตรงป้ายรถเมล์

พอได้เห็นแสงจางๆนั้น จางหลานก็ตาสว่างทันที แล้วยื่นมือลงไปตบที่กระจกรถเบาๆ “ตื่น ตื่น! หัวหน้าเย่! เฉินฮุ่ย! มีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว!”

คนทั้งคู่ถูกเสียงตบกระจกปลุกให้ตื่น พอได้ยินคำพูดของจางหลาน พวกเขาก็รีบออกจากรถ หยิบกล้องเทเลสโคปขึ้นส่องมองไปยังป้ายรถเมล์ทันที

ในเวลานี้แสงสลัวตรงป้ายรถเมล์เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาทีต่อมา รถเมล์ร้างได้ปรากฏขึ้นมาจากที่ไหนไม่รู้ ค่อยๆวิ่งมาหยุดอยู่หน้าป้ายรถเมล์

“นั่นมัน! รถเมล์ ‘สาย 18’!” จางหลานกลืนน้ำลายจ้องมองแสงจางๆ จากป้ายที่แสดงสายเดินรถเหนือกระจกหน้ารถที่เขียนไว้ว่า ‘สาย 18’

“เหมือนกับที่หลิวเจียซิ่งบอกไว้เลย” สายตาของเย่ปินกวาดมองไปทั่วรถอย่างรวดเร็ว หน้าต่างที่แตกหัก ตัวถังเป็นสนิม เหมือนกันทุกประการกับ รถเมล์ ‘สาย 18’ ที่หลิวเจียซิ่งได้บรรยายไว้

“มืดเกินไป มองข้างในไม่เห็นเลย” จางหลานต้องการดูว่าใครเป็นคนขับ แต่ภายในรถเมล์มืดมาก จนมองข้างในได้ไม่ชัด

“ปินจื่อ ดูตรงหน้าต่างท้ายรถ!” เฉินฮุ่ยพูดขึ้น เย่ปินกับจางหลานขยับสายตามองไปตรงจุดที่เฉินฮุ่ยพูดทันที

“นั่นมัน! มือขาด!” เย่ปินกับจางหลานถึงกับตัวสั่นและอุทานออกมาพร้อมกัน

หน้าต่างท้ายรถมองเห็นมือขาดห้อยอยู่นอกหน้าต่างได้อย่างชัดเจน ปลายนิ้วของมือที่ขาดยังมีเลือดไหลซึมออกมาอย่างผิดปกติ

“บนรถเมล์นั่น มันเกิดบ้าอะไรกัน!” เสียงของจางหลานสั่นเล็กน้อย ลำพังมือขาดก็ทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นแล้ว เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าภายในรถเมล์คันนี้มีอะไรที่น่ากลัวอยู่

เย่ปินก็ตกใจกับภาพที่เห็นเช่นกัน แม้จะเคยได้ยินเรื่องราวของรถเมล์ ‘สาย 18’ มาก่อน ในตอนนั้นไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร เขาก็ไม่รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้เขาได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ความกลัวก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในใจของเย่ปิน

“ปินจื่อ ตอนนี้จะทำไงดี?” เฉินฮุ่ยลดกล้องเทเลสโคปลง หลังจากที่ได้เห็นมือขาด เขาก็รู้สึกว่าไม่ควรซุ่มดูอีกต่อไป

เย่ปินไม่ตอบ เขาส่องดูรถเมล์ต่อไป ขณะส่องดูภายในรถ ประตูหน้าของรถเมล์ก็เปิดออกอย่างเงียบๆ จากนั้นเย่ปินก็ได้เห็นฉากที่เขาต้องจดจำไปตลอดชีวิต

ทันทีที่ประตูหน้ารถเปิดออก ศีรษะขาดที่แขวนอยู่ตรงประตูหน้ารถก็ปรากฏให้เห็น ศีรษะเปื้อนเลือด ปากครึ่งเปิดครึ่งปิด ดวงตาแดงก่ำจ้องมองไปข้างหน้าอย่างน่ากลัว ในขณะที่เย่ปินจ้องมองไปที่ศีรษะเปื้อนเลือด มันก็ค่อยๆหมุนอย่างช้าๆ จนกระทั่งดวงตาน่ากลัวของมันประสานเข้ากับสายตาของเย่ปิน

“เฮ้ย!” เย่ปินสะดุ้งโหยง โยนกล้องเทเลสโคปในมือลงพื้นทันที และถอยจนหลังไปพิงกับรถ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เมื่อเห็นท่าทางของเย่ปิน จางหลานกับเฉินฮุ่ยก็เข้าไปข้างๆด้วยความเป็นห่วง

“หัวหน้าเย่!”

“ปินจื่อ!”

“นายโอเคไหม!” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเฉินฮุ่ยหรือจางหลาน ต่างก็ไม่เห็นภาพที่อยู่ด้านหลังประตูหน้ารถที่เปิดออก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ปิน

“ฮู่! ฮู่! ฮู่!” เย่ปินอ้าปากเป่าลมหายใจ เหงื่อเย็นไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ในใจมีแต่ภาพของศีรษะขาดที่จ้องมองมายังเขาอยู่ตลอดเวลา

“อ๊า! อ๊า!” เย่ปินตัวสั่น อ้าปากร้องลั่น

“นี่! ทำไงดี!” เมื่อเห็นท่าทางของเย่ปิน เฉินฮุ่ยที่ค่อนข้างตกใจก็หันไปมองจางหลานที่อยู่ข้างๆ

จางหลานขมวดคิ้ว ครู่ต่อมาก็ส่งสัญญาณให้เฉินฮุ่ยช่วยกันพยุงเย่ปินกลับขึ้นไปในรถ พวกเขาไม่สนใจเรื่องรถเมล์ผีอีกต่อไป รีบขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด