ตอนที่แล้วบทที่ 22 หายนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 พรสวรรค์

บทที่ 23 อาณาเขตอัจฉริยะ


บทที่ 23 อาณาเขตอัจฉริยะ

ลู่อันถูกคลัชเชอร์ไล่ตามอย่างไม่ลดละ เขาคิดว่าด้วยรูปร่างที่ใหญ่เทอะทะของมัน คลัชเชอร์ก็จะมีความเร็วต่ำ แต่เขาประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป คลัชเชอร์จับเขาไว้ได้ มันคว้าไปที่เท้าของเขาและกระแทกเขาลงไปที่พื้น

“ว๊ายยยยย!!!!”

เมื่อใบหน้าของเขากำลังจะกระทบลงกับพื้น ลู่อันก็ตื่นจากฝันร้ายด้วยเหงื่อที่ปกคลุมใบหน้า หลังของเขาเปียกเพราะเหงื่อ หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออก

“ฮะ… ฮะ… ฮะ… มันเป็นแค่ฝันร้าย เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน… ฝันร้ายหรอ แต่ฉันและบอสกำลังต่อสู้กับคลัชเชอร์… คลัชเชอร์!” ดวงตาของลู่อันเปิดกว้างในขณะที่เขากระโดดออกจากเตียงและตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขา

เขาประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่หรูหรา หรืออย่างน้อย ห้องนี้ก็ดีกว่าห้องของเขามาก เพียงแค่มองเพียงแวปเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาอยู่ในห้องพักของโรงแรม

ขณะที่ลู่อันกำลังสับสนกับทุกสิ่ง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในหูของเขา “อ้า นายตื่นแล้ว!”

เขาหันกลับมาและเห็นบอสของเขากำลังสวมชุดคลุมอาบน้ำขณะที่ผมของเขายังเปียกอยู่ เห็นได้ชัดว่าถังเส้าหยางเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

ถังเส้าหยางเดินเข้าไปหาลูกน้องที่กำลังสับสนของเขาและนั่งลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “เป็นยังไงบ้าง  มีรู้สึกอึดอันตรงไหนไหม?”

ลู่อันยังคงพยายามทำความเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขาจริงๆ เขานึกถึงช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไป คลัชเชอร์ได่กระโดดขึ้นไปในอากาศและก๊าซสีดำรอบตัวมันก็ก่อตัวเป็นรูปค้อน และจู่ๆมันก็กระแทกกับเขาด้วยความเร็วที่น่ากลัว

เขาแทบจะเอาตัวไม่รอดจากสกิลที่แปลกประหลาดและน่ากลัวนั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องกลายเป็นเนื้อบดแน่ถ้าก๊าซสีดำรูปค้อนกระทบเข้ากับตัวของเขา เขาแทบจะไม่สามารถรอดจากสกิลแปลกๆนั่น  อย่างไรก็ตาม ต่อมาเขาก๋โชคไม่ดีเมื่อคลัชเชอร์ใช้ [หมัดเสริมพลัง] ซัดใส่เขา

หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยซึ่งมันก็หมายความว่าเขาสลบไปหลังจากถูกโจมตีหนึ่งครั้ง เขาสแกนห้องก่อนที่จะมองย้อนกลับไปที่ยอส  ลู่อันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“บอส นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วคลัชเชอร์ล่ะ คุณฆ่าพวกมันได้แล้วใช่ไหม เราชนะมินิเกมแล้วใช่ไหม?”

***

[ ยินดีด้วย! คุณได้ฆ่าผู้ดูแลอาณาเขตและจบมินิเกม: ฆ่าหรือถูกฆ่า! ]

[ คุณได้รับรางวัล สมบัติเลเวล 9 จำนวน 2 ชิ้น สมบัติเลเวล 8 จำนวน 1 ชิ้น อาณาเขต และ +1 เลเวล!]

[ ยินดีด้วย! คุณเป็นบุคคลที่สามที่ชนะมินิเกมขนาดใหญ่และได้รับฐานทัพอัจฉริยะ! ]

[ คุณได้เลเวลอัพแล้ว! ]

[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน! ]

[ คุณได้เลเวลอัพแล้ว! ]

[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน! ]

[ คุณได้เลเวลอัพแล้ว! ]

[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน! ]

มันเป็นการแจ้งเตือนที่ถังเส้าหยางได้รับหลังจากสังหารคลัชเชอร์ตัวสุดท้าย แม้ว่าเขาจะชนะการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เขาชนะการต่อสู้ แต่เขาต้องเสียลูกน้องเพียงคนเดียวของเขาไป ใช่แล้ว ตอนนั้นถังเส้าหยางคิดว่าลูกน้องของเขากำลังจะตาย

เขาเดินกลับไปที่ร่างของลู่อันอย่างเศร้าสร้อย เนื่องจากลู่อันเป็นลูกน้องคนแรกของเขาและมีความสัมพันธ์ที่ดี เขาจึงค่อนข้างจะเสียใจกับการที่จะต้องสูญเสียลู่อันไป

เมื่อเขาไปถึงร่างของลู่อัน เขาก็สังเกตเห็นเลือดสีแดงที่ปกคลุมรอบปากของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอแต่ด้วยประสบการณ์การต่อสู้บนท้องถนน ถังเส้าหยางจึงรู้ว่าลู่อันได้รับบาดเจ็บภายใน

ถ้าไม่อย่างนั้น ลู่อันก็คงจะไม่กระอักเลือดออกมาแบบนี้ เขาขยับนิ้วชี้ไปที่จมูกของลู่อันและเขาก็สัมผัสได้ว่าลู่อันกำลังหายใจไม่ออก อย่างไรก็ตาม ด้วยสิ่งที่เขามีในตอนนี้ มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถช่วยลู่อันได้เลย

เมื่อมองไปที่ลู่อันที่หายใจแผ่วเบา มันก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของเขา

' ฉันควรจะยุติความทุกข์ทรมานของเขาหรือไม่'

ใช่แล้ว ลู่อันได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก และเขาก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถใช้เพื่อช่วยชีวิตลู่อันได้เลย ดังนั้นมัยจึงจะเป็นการทรมานสำหรับลู่อันซะเปล่าๆที่จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม  ด้วยเหตุนี้เอง ความคิดในใจของเขาจึงบอกให้เขายุติความทุกข์ทรมานของลูกน้องของเขาซะ

“อย่าฆ่าเขา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะคุณยังมีโอกาสช่วยเขา มาสเตอร์!”

ทันใดนั้นมันก็มีเสียงที่ฟังดูกระตือรือร้นดังขึ้นที่ล็อบบี้ที่รกร้าง ถังเส้าหยางสะดุ้งและเขาก็หันกลับไป เขาตรวจสอบบริเวณโดยรอบเพื่อค้นหาว่าเสียงนั้นดังมาจากที่ไหน

“มาสเตอร์ คุณมองไม่เห็นฉันหรอก แต่คุณสามารถได้ยินเสียงของฉันได้ตลอดเวลา ฉันคือปัญญาประดิษฐัจฉริยะ และเป็นปัญญาประดิษฐ์ประจำฐานทัพของคุณ!” เสียงที่ฟังดูตื่นเต้นดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนี้ดูเหมือนจะมาจากทุกทิศทุกทาง แต่ถังเส้าหยางก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆในบริเวณใกล้เคียง

“ปัญญาประดิษฐ์?”  ถังเส้าหยางพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย

“ใช่ ปัญญาประดิษฐ์! แต่ฉันไม่ใช่แค่ปัญญาประดิษฐ์ธรรมดา ฉันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะฉันมีสติสัมปชัญญะและฉันก็จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ขั้นต่อไปของเกม!”  ยิ่งปัญญาประดิษฐ์พูดนานเท่าไหร่ เสียงของมันก็ยิ่งฟังดูตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน ถังเส้าหยางก็ยังคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์เลย  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลอะไร สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลจริงๆก็คือลู่อัน จากเท่าที่เขาฟังมา ปัญญาประดิษฐ์ก็บอกว่าเขายังพอจะมีโอกาสที่จะช่วยเหลือลู่อันได้

“แกบอกว่าฉันมีโอกาสที่จะช่วยลูกน้องของฉัน ยังไง?”

“ใช่แล้ว แม้ว่ามันจะมีโอกาสน้อยมาก แต่การพยายามมันก็ดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย จริงไหม? และโอกาสที่ฉันกำลังพูดถึงก็คือกล่องสมบัติ  ฉันเชื่อว่ามันอาจจะมีสมบัติที่อาจจะสามารถใช้เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนของคุณได้อยู่ข้างในนั้น”

“มันมีความเป็นไปได้ที่คุณอาจได้รับยารักษาจากกล่องสมบัติ และด้วยยารักษา ลูกน้องของคุณก็อาจจะรอดชีวิตได้!”

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นลำดับต่อไป ถังเส้าหยางก็เปิดกล่องสมบัติและได้รับยารักษา และนั่นก็คือเหตุผลที่ลู่อันรอดชีวิตมาได้

หลังจากได้ยินทั้งหมดนั้น ลู่อันก็รีบกอดบอสของเขาพร้อมกับร้องไห้ “ขอบคุณครับบอส! ขอบคุณ! ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า!”

ลู่อันเริ่มมีอารมณ์ซาบซึ้งและร้องไห้ให้กับการกระทำของถังเส้าหยาง อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของถังเส้าหยางนั้นลับไม่ได้เคลิบเคลิ้มตาม เขาโยนลูกน้องของเขาไปที่เตียงและพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆว่า “ไปให้พ้น พูดตามตรงนะ! แม้ว่าผู้หญิงทั้งหมดบนโลกนี้จะหายไป แต่ฉันก็จะไม่เอาแกหรอก!”

“ไม่นะ บอส อย่าเข้าใจฉันผิด! ฉันก็แค่พูดออกไปตามตรง ฉันแค่รู้สึกขอบคุณที่คุณเต็มใจที่จะใช้ยารักษาที่หายากกับฉัน ขอบคุณนะบอส!” ลู่อันแสดงความคิดที่ซื่อสัตย์ของเขาและรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง

ใช่แล้ว ยารักษานั้นเป็นไอเท็มหายาก และสำหรับถังเส้าหยางที่เต็มใจที่จะใช้มันกับเขา มันก็ทำให้ลู่อันรู้สึกประทับใจในตัวของถังเส้าหยางแป็นอย่างมาก พูดตามตรง บอสของเขาก็สามารถเก็บยาไว้สำหรับตัวเขาเองและปล่อยให้เขาตายได้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงลูกน้องที่อ่อนแอ และถังเส้าหยางก็ยังสามารถหาลูกน้องคนอื่นได้อีก

อย่างไรก็ตาม บอสของเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาใช้ยารักษาอันล้ำค่านี้เพื่อลู่อัน

แน่นอนว่าถังเส้าหยางก็มีเหตุผลของเขา เขาเห็นพัฒนาการตลอดหลายวันที่ผ่านมาของลู่อันแล้ว ลู่อันสามารถพัฒนาจากเด็กน้อยขี้กลัวจนกลายเป็นชายที่สามารถยืนต่อกรกับซอมบี้นับพันนาน 12 ชั่วโมงได้

และเขาก็ได้พัฒนาจากเด็กน้อยขี้กลัวจนกลายเป็นชายที่เต็มใจที่จะยอมเป็นเหยื่อล่อซอมบี้ระยะที่ 3

ด้วยการปรับปรุงทั้งหมดนี้ ถังเส้าหยางจึงยินดีที่จะใช้ยารักษากับลู่อัน

“อย่ามาซาบซึ้งกับเรื่องแบบนี้มากไป ฉันให้ยารักษานายก็เพราะฉันยังมีมันอีก ดังนั้นการให้นายอันหนึ่งนั้นจึงเป็นสิ่งที่นายสมควรจะได้รับ!”

“บอส อย่าทำลายบรรยากาศดีๆระหว่างเราได้ไหม ฉันคิดว่าเราจะใกล้ชิดกันมากขึ้น ความผูกพันของเราจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก!” ลู่อันกล่าวพร้อมกับหัวเราะบนใบหน้าของเขา

“มันทั้งประจบประแจงและน่าขนลุก อย่าพูดถึงมันอีกนะ ไม่งั้นฉันจะเตะตูดแก! ลุกขึ้น ฉันจะพาไปทัวร์รอบสถานที่!” เมื่อพูดจบ ถังเส้าหยางก็เดินออกไปจากห้อง

ลู่อันเดินตามถังเส้าหยางไปอย่างใกล้ชิดในขณะที่เขาอยากรู้ว่าบอสสต้องการจะแสดงอะไรให้เขาดู เมื่อพวกเขาออกมาจากห้องนอน มันก็เป็นห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง

เขาสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างกระตือรือร้นราวกับคนที่เพิ่งเข้ามาในโรงแรมระดับห้าดาวครั้งแรก ในขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นว่าบอสของเขาค่อนข้างสงบและไม่แปลกใจกับห้องนี้

สิ่งนี้ทำให้ลู่อันอยากรู้ประวัติของบอสของเขามากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เขาสังเกตว่าบอสของเขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับห้างสรรพพสินค้าฉางโจว

ในขณะที่เขากำลังคิดอย่างฟุ้งซ่าน พวกเขาก็ได้มาถึงลิฟต์ เขามองไปที่ปุ่มและเห็นมือของบอสกดไปที่ B3 ปัจจุบันพวกเขาอยู่บนชั้นที่สิบห้า

“ชั้นใต้ดิน? มันมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับชั้นใต้ดินกัน?” จากความรู้ของเขา ปกติแล้วชั้นใต้ดินนั้นก็จะเป็นส่วนของที่จอดรถ

“ตลอดเวลามานี้ นายคงจะหงุดหงิดมากสินะที่นายไม่มีพรสวรรค์”  จากนั้นความเงียบก็ถูกทำลายด้วยเสียงอันสงบของถังเส้าหยาง

“ฉันเพิ่งรู้มาว่านายจะได้รับพรสวรรค์มาได้ก็ต่อเมื่อนายฆ่าซอมบี้หนึ่งพันตัวตั้งแต่วันแรกที่เกมเริ่มขึ้น!”  ถังเส้าหยางบอกข้อมูลสำคัญแก่เขา

ติ้ง!

“แต่นายไม่ต้องกังวลไป ด้วยฐานทัพอัจฉริยะ นายก็จะสามารถได้รับพรสวรรค์มาได้!” เมื่อถังเส้าหยางพูดจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก และเสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้น

“ยินดีต้อนรับสู่ชั้นวิวัฒนาการ ฝ่าบาท!”

ลู่อันตกใจกับเสียงหุ่นยนต์ เสียงนั้นแตกต่างอย่างชัดเจนจากเสียงที่เขาได้ยินจากการเลเวลอัพ เสียงหุ่นยนต์จากตอนที่เลเวลอัพนั้นไร้อารมณ์ในขณะที่หุ่นยนต์ที่เขาเพิ่งได้ยินนั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการทักทายพวกเขา

“นี่คือปัญญาประดิษฐ์ที่คุณเคยพูดถึงใช่ไหมบอส?” ลู่อันถามอย่างตื่นเต้น

“ถูกต้อง! และโปรดอย่าเรียกฉันว่าปัญญาประดิษฐ์ เพราะฝ่าบาทได้มอบชื่อให้ฉันแล้ว ออริจิ้น!” คนที่ตอบไม่ใช่ถังเส้าหยางแต่เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่แนะนำตัวเองว่าชทื่ออริจิ้น

“หยุดเรียกฉันแบบนั้นได้ไหม มันฟังดูประจบประแจงมากเลยรู้ไหม!” แม้ว่าเขาจะใฝ่ฝันที่จะเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิของเขา แต่ในฐานะของชายที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่ เขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นการประจบประแจงที่จะมาเรียกเขาว่าเป็นฝ่าบาท

“มันจะไม่เป็นแบบนั้น ในฐานะปัญญาประดิษฐ์ จุดประสงค์ของฉันก็คือการได้รับใช้มาสเตอร์ของฉัน ช่วยให้เขาบรรลุความฝัน และความฝันของคุณก็คือ…”  ออริจิ้นพูดอย่างคล่องแคล่วและตื่นเต้นเมื่อพูดถึงจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ของมาสเตอร์ของมัน

อย่างไรก็ตาม ถังเส้าหยางก็ตัดบทพูดของมันลงกลางทาง “เอาล่ะ! เอาล่ะ! หยุดได้แล้ว อธิบายให้เด็กคนนี้ฟังเกี่ยวกับพรสวรรค์ที!”

เขาเดินออกไปในทันทีโดยให้ลู่อันติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิดด้วยสายตาที่สับสน ลู่อันยังไม่รู้ว่าทำไมออริจิ้นถึงเรียกบอสของเขาว่าด้วยคำว่า “ฝ่าบาท” อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ในขณะที่เขาตื่นเต้นกับพรสวรรค์

เมื่อเขาก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยห้องที่กว้างขวาง แต่มันก็ว่างเปล่าเช่นกัน มันเป็นเหมือนห้องโถงมากกว่าและที่ส่วนท้ายของห้องโถง ลู่อันก็เห็นประตูสองบานที่นำไปสู่ห้องอื่น

ประตูด้านซ้ายเป็นสีเขียว ส่วนประตูด้านขวาเป็นสีฟ้า มันดูเหมือนจะมีอะไรเขียนอยู่ที่ประตู และเมื่อเขาเข้าไปใกล้ ในที่สุดเขาก็สามารถอ่านคำนั้นได้

บนประตูสีเขียวเขียนว่า พรสวรรค์  สำหรับประตูสีน้ำเงินนั้นก็เขียนว่า คลาส

“ฟังฉันนะไอ้หนู! ไปที่ห้องด้านซ้ายและฉันจะอธิบายเพิ่มเติมเมื่อนายเข้าไปในห้องนั้นแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด