ตอนที่แล้วตอนที่ 237 ชารอน วิลด้าและวิลม่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 239 ความจริงที่ตามหามาทั้งชีวิต

ตอนที่ 238 ปราการสุดท้ายของมนุษย์


ตอนที่ 238 ปราการสุดท้ายของมนุษย์

นอกจากพื้นดินที่ลอยมาอย่างช้า ๆ บนนั้นยังมีชายสวมผ้าคลุมและมีหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้อยู่ ไนเรลแค่มองก็รับรู้ได้ว่า ชายคนนั้นมีพลังระดับสีทอง ขั้นกลาง

เขารู้สึกเหลือเชื่อที่ยังมีมนุษย์ที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่ ชายคนนี้มีระดับพลังสูงซะยิ่งกว่าลูน่าซะอีก

ด้านหลังของผู้ชายคนนี้ยังมีกองกำลังที่ดูเหมือนว่าจะเป็นทหารระดับสูง ทุกคนแต่งชุดสูทรบเต็มตัว แต่ละคนมีระดับพลังไม่น้อยกว่าสีน้ำเงินและเขียว แม้ดูเหมือนจะไม่มาก แต่ก็มีกันอยู่ เกือบ 500 คน ในคนเหล่านั้นยังมีพวกระดับสีม่วงที่เป็นหัวหน้าหน่วยอยู่ด้วย

คนพวกนี้ทรงพลังและแข็งแกร่งมาก มนุษย์ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้

แม้นี่ดูจะเป็นเรื่องดี แต่มันกลับให้เขากลัวขึ้นไปอีก มนุษย์แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว พวกเผ่าอื่น ๆ จะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกซอมบี้จะทรงพลังเท่าใดกัน

ไนเรลยังไม่คิดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้เขาต้องเข้าใจก่อนทำไมคนพวกนี้ถึงจับตัวเขาทั้งที่ยังไม่เคยเจอกัน มนุษย์ชั้นสูงระดับสีทองขั้นกลางคนนั้นลงมือจู่โจมและขังเขาไว้ในดินก่อนที่จะพบกัน นั้นหมายความว่าชายคนนี้กลัวว่าเขาจะหนี

แล้วคนพวกนี้ต้องการอะไร พวกมันไม่ฆ่าเขา แต่จับ นั้นหมายถึงมันรู้ว่าไนเรลเป็นใคร และต้องการบางสิ่งที่มากกว่าชีวิตของเขา

“ข้อมูล หรือว่าคนที่ข้ามประตูมาของพวกเอิร์ลดาโก้ ถ้าเป็นแบบนั้นคนพวกนี้ก็เกี่ยวกับจีนาส” ไนเรลได้แต่มองดูแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะดินที่จับตัวเขาอยู่มันราวกับสามารถดูดซับพลังของไนเรลได้ ถ้าจะให้พูดมันราวกับไนเรลพยายามต่อสู้กับพื้นดินทั้งโลก

พลังที่กระแทกไปหายไปอย่างรวดเร็ว ถ้าใครสักคนจะหลุดจากกรงขังนี้ได้คงต้องมีพลังระดับสีทอง แล้ว

พื้นดินนับพัน ๆ เมตรค่อย ๆ ลงจอดอย่างช้า ๆ เกิดเสียงดังสนั่นอย่างรุนแรงเมื่อมันลงถึงพื้นแสดงให้เห็นถึงน้ำหนักของมัน ไนเรลรู้สึกคุ้นเคยกับพวกพลังแบบนี้

พื้นดินนี่เป็นดินธรรมดาที่ถูกพลังของมนุษย์ชั้นสูงระดับสีทองขั้นกลาง ดึงออกมาจากที่ไหนสักแห่ง ทุกคนมองไปที่กลุ่มคนที่เดินลงมาจากพื้นดินที่มีขั้นบันได ซึ่งนำโดยชายลึกลับคนนั้น

พวกทหารที่อยู่ด้านหลังกระจายตัวไปล้อมทุกคนไว้ พวกนั้นปักแท่งบางอย่างลงพื้นปลายแท่งที่โผล่อยู่เปลงแสงออกมา มันคือหลอดไฟที่ให้ความสว่าง ไม่รู้ว่านั้นคือความสามารถอย่างเดียวของมันหรือมีอย่างอื่นอีกหรือไม่ แต่ที่พวกเขารู้คือ มันให้ความสว่างไกลถึง 100 เมตร

ปักแค่ไม่กี่อันพื้นที่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ต่างจากกลางวัน

เมสันที่อุ้มวินาหลบอยู่ใกล้กับแท่งพวกนี้มากที่สุด เขาสังเกตเห็นว่าแท่งพวกนี้แทบไม่มีรอยต่อเลย ยกเว้นตรงที่เปล่งแสง เมสันเห็นแก่นพลังงานหมุนวนอย่างช้า ๆ ยังมรแทบไฟ ดูเหมือนเจ้านี่จะไม่ใช่แค่ให้แส่งสว่างเท่านั้น

ชารานและคนอื่น ๆ หลบอยู่ในกลุ่มคนอพยพด้วยความสงบนิ่ง เมสันส่งสัญญาณว่ารอต่อไป แม้เขาจะไม่ได้เก่งในเรื่องการต่อสู้หรือมีพรสวรรค์ในเรื่องพลังมากมาย แต่ในเรื่องความอดทนเมสันมีอยู่มาก ซึ่งมันพิสูจน์หลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ตอนเจอกับไนเรล ตอนหนีออกมา หรือตอนแฝงตัวในกลุ่มทหารจีนาสนับหมื่น ๆ คนเขายังรอดมาได้

เมสันลวงไปหยิบน้ำมันดำ ๆ มาท่าหน้าและตัวก่อนจะก้มลงต่ำที่สุด ชารอนและคนอื่น ๆ ก็ทำตาม พยายามทำตัวให้ดูมอมแมม และอ่อนแอ

ธรรมชาติของมนุษย์มักจะสนใจแต่สิ่งที่เด่น ๆ

ตอนนี้คนที่เป็นจุดสนใจคือไนเรลที่โดนกรงดินขังไว้จนขยับตัวไม่ได้และเบื้องหน้าของเขามีชายลึกลับยืนอยู่

“เจ้าชื่ออะไร?”

ชายสวมผ้าคลุมและหน้ากากที่ดูทันสมัยสะบัดมือดินที่ปิดปากไนเรลก็หลุดออกมาเป็นช่องให้เขาพอจะพูดได้

“แกต้องการอะไร?”

ไนเรลไม่ตอบ เขารู้ว่าชายคนนี้รู้อยู่แล้ว เขาถามไปตรง ๆ เพราะต้องการเข้าใจสถานการณ์โดยเร็วที่สุด ไนเรลไม่เคยกลัว เพราะพวกมันไม่คิดจะฆ่าตั้งแต่แรก ตอนนี้พวกมันก็ไม่คิดจะฆ่าเหมือนเดิม

ชายที่อยู่ภายในหน้ากากเงียบลงไป แม้แต่สิ่งเดียวที่ไนเรลเห็นได้นั้นก็คือดวงตายังคงสงบนิ่ง มันราวกับว่าชายคนนี้แสดงให้เห็น ทั้งสองอยู่คนระดับกัน ไนเรลก็แค่มนุษย์ที่อ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน

ในมือของชายลึกลับปรากฏอุปกรณ์บางอย่าง ก่อนที่ชายคนนั้นจะกดมันลงไปที่แขนของไนเรล

“ซีโร่ เช็คดูว่าถูกต้องหรือไม่” ชายลึกลับสั่งการผ่านอุปกรณ์ ทันใดนั้นก็มีภาพ 3 มิติของหญิงสาวปรากฏตัวขึ้น แต่สิ่งนั้นกับทำให้ไนเรลตกตะลึง

เพราะสิ่งที่ชายคนนี้เรียกว่าซีโร่มันคือ AI แถมยังมีหน้าตาเหมือนกับจูเรีย แต่ใบหน้าของ AI สาวกลับดูเย็นชาเป็นอย่างมาก

ซีโร่ และยังเป็นใบหน้าจูเรีย ไม่ต้องให้ใครมาบอกไนเรลก็รู้ว่าสิ่งนี้เกี่ยวกับจูเรีย

ที่สมาพันธ์นักล่าก็มี AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยจูเรีย ซึ่งรูปลักษณ์ของ AI ของสมาพันธ์นักล่าเป็นมนุษย์เพศชายที่หน้าคล้ายไนเรล จูเรียเป็นคนคิดสร้างมันขึ้นมาช่วยในการดูแลระบบของสมาพันธ์นักล่าและระบบเงิน G

ถ้าเป็นแบบนั้น ซีโร่ที่อยู่ข้างหน้าของไนเรลก็ผู้ที่ควบคุมระบบเงิน G และพวกอุปกรณ์เทคโนโลยีของโลกนี้ แต่ที่สำคัญกว่านั้น โลกนี้เป็นอีกหนึ่งโลกมีจูเรียอยู่ หรืออาจจะเคยมีอยู่

คำตอบที่ค้างอยู่ในใจหลายอย่างอาจจะได้รับคำตอบจากคนพวกนี้ก็ได้

“ตรวจพบพลังงานที่ตรงกับสิ่งทดลองหลังที่บันทึกไว้ในฐานข้อมูล ตรงกัน 100% ระดับพลังไม่เสถียร” ซีโร่ร่างจูเรียรายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ชายลึกลับเก็บอุปกรณ์เข้าไป จากนั้นก็หันหลังไปสั่งคนของตัวเอง

“จับไปให้หมด”

ผู้อพยพทุกคนถูกพาตัวขึ้นไปบนแผ่นดินที่คนพวกนี้นั่งมา รวมทั้งไนเรลด้วยตัวเขาถูกเคลื่อนย้ายไปอย่างระวัง ในจังหวะกรงขังดินแยกตัวจากพื้นดิน ไนเรลรับรู้ได้ว่าพลังของมันลดลง แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้ทำอะไร เพราะชายคนนั้นจับตามองอยู่ตลอดเวลา

หลังจากไนเรลขึ้นไปบนแผ่นดินขนาดใหญ่กรงขังดินก็กลับมาเชื่อมต่อกับแผ่นดินพลังของมันก็กลับมา แม้จะไม่เท่ากับที่เชื่อมต่อกับดินที่พื้นก่อนหน้าก็ตาม

จากสิ่งนี้ไนเรลพอจะสรุปได้ว่าพลังของชายคนนี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากพื้นดิน ยิ่งพลังระดับสูงมากขึ้นก็จะกลับคืนต้นกำเนิด พลังเหล่านี้ก็คล้ายกับลูน่า แต่ต่างกันที่พลังของชายคนนี้มากกว่าลูล่าหนึ่งขั้นย่อยและเป็นพลังธาตุดิน

แผ่นดินค่อย ๆ เคลื่อนออกไป กำแพงดินที่เคยล้อมกลุ่มคนอพยพ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ข้างล่างแล้วก็พังลงไปหายไปอย่างไร้ร่องรอย

...............

แผ่นดินแม้บินไม่สูง แต่มันก็รวดเร็วมากด้วยความเร็วจนน่ากลัว ยังดีที่บนนี้เหมือนมีม่านพลังป้องกันไว้ ไม่อย่างนั้นพวกมนุษย์ชั้นสูงระดับสีขาวและสีเทาคงตายจากแรงอากาศที่ปะทะแล้ว

ไนเรลแม้จะโดนจับขยับตัวไม่ได้ แต่เขาก็พอจะมองเห็นทิศทางและพื้นด้านล่าง นอกจากคนอพยพที่เห็นอยู่เป็นระยะ ยังมีพวกฝูงซอมบี้ แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือมีพวกทหารกำลังคลุมตัวผู้คนในดินแดนทะเลทรายไร้ขอบเขตโรเลน่ามุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกับที่พวกเขากำลังไปกัน

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าทหารพวกนี้มาจากองค์กรหรือกลุ่มเดียวกับชายลึกลับระดับ 7 คนนี้อย่างแน่นอน

ทุกคนถูกพาตัวไป แม้พวกเขาจะไม่ได้ปฏิบัติกับผู้อพยพราวกับนักโทษเหมือนที่ทำกับไนเรล แต่ก็ไม่ให้ใครหนีออกไป ทุกคนต้องตามทหารพวกนั้น แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ตามไปเพราะคิดว่าน่าจะปลอดภัย ตามข่าวลือที่คนพวกนี้ได้ยินมา ว่าทางเหนือของดินแดนไร้ขอบเขตโรเลน่ามีกลุ่มคนที่ทรงพลังอยู่

แต่มันก็มีคนไม่ต้องการไปก็มี แน่นอนว่าคนพวกนี้จะโดนจับขังก่อนจะถูกบังคับไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่ากลุ่มของชายลึกลับต้องการพามนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะทั้งเด็กผู้ใหญ่หรือคนแก่ไปกับพวกเขาด้วย แม้สิ่งที่คนพวกนี้ทำเหมือนจะเป็นการช่วยผู้คนในดินแดนแห่งนี้ แต่ไนเรลกลับคิดว่ามันคงไม่ง่ายอย่างนั้น ไม่มีใครทำอะไรโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไปบนแผ่นดินที่เคลื่อนที่พวกเขาก็มาถึงสุดขอบทวีปโรเลน่าตามที่เมสันเคยบอกกับไนเรล ด้านหน้าที่ไนเรลเห็นมันกลับไม่ได้เป็นทะเลอย่างที่เคยรู้ แต่กลับเป็นเพียงพื้นดินแห้ง ๆ

ทะเลได้แห้งเหือดไปแล้วจริง ๆ

ไกลออกไปจนสุดสายตามีป้อมปราการเหล็กตั้งอยู่ ขนาดของป้อมนั้นยิ่งใหญ่มากจนแม้แต่เขาก็ยังไม่เห็นอีกด้านหนึ่ง มีกำแพงสูงล้อมรอบป้อมปราการ ด้านล่างเต็มไปด้วยที่พักและผู้คนที่ทำงานกันราวกับทหารเดนตาย ที่นี่ไม่ใช้สวรรค์เหมือนกลับข่าวลือ นอกจากนั้นรอบ ๆ กำแพงป้อมปราการยังมีซากซอมบี้ให้เห็นจนน่าขนลุก

มนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำเงินควบคุมคนที่มาใหม่จากทวีปโรเลน่า ซึ่งมีคนที่ถูกพาตัวมาไม่น้อยกว่า 100 ล้านคน

สิ่งที่อยู่ตรงหน้ายิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก แต่ที่น่าขนลุกกว่าคือทิศทางอีกฝั่งของป้อมปราการมันคือเมฆและหมอกสีดำ ราวกับที่แห่งนั้นกลายเป็นดินแดนความมืดไปแล้ว

ไนเรลรู้ในทันทีว่ามันคือสิ่งใน หมอกพิษที่เกิดจากซอมบี้ มันมีซอมบี้มากขนาดไหนกันถึงสร้างหมอกไร้สิ้นสุดคลุมได้ทั้งทวีปเทียลันน่า ประเทศมิสทาล จีนาส อามิวกัน ทิศทางนั้นกลายเป็นดินแดนซอมบี้ไปโดยสมบูรณ์แล้ว

ไนเรลถูกแยกออกจากกลุ่มผู้อพยพ ถูกพาตัวมาโดยชาลึกลับคนนั้น โดยมีระดับสีม่วงอีก 10 คนควบคุมตัวไนเรลตามมาข้างหลัง

เข้ามาด้านในป้อมปราการไนเรลถูกพาตัวมายังห้องแห่งหนึ่งมันถูกสร้างมาจากเหล็กและมีของที่ดูจะเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงอยู่หลายจุด เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่เทคโนโลยีของปราการแห่งนี้ล้ำหน้าเป็นอย่างมาก

ไนเรลถูกพาตัวเข้ามาในห้องมืดแห่งหนึ่ง แม้ในห้องจะมืด แต่เขารับรู้ได้ว่ามีกลุ่มคนกำลังมองมาที่เขาอยู่

ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็สว่างขึ้นเผยให้เห็นกลุ่มคนที่รอเขาอยู่ก่อนแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด