ตอนที่แล้วตอนที่ 1665 สงครามใต้พิภพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1667 ความเปลี่ยนแปลงแห่งอาวุธวิญญาณ

ตอนที่ 1666 ถูกตัดสินเป็นแค่เพียงฝุ่นธุลี


ตอนที่ 1666 ถูกตัดสินเป็นแค่เพียงฝุ่นธุลี

กระนั้นภายใต้สถานการณ์เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวนี้ในมุมมองของวิหคเพลิงย่อมนับว่าเป็นข่าวดี โดยที่ยังมีสายโซ่พันธนาการทั้งแปดเส้นนั้นคอยจำกัดพลังของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี วิหคเพลิงเองก็ยังนับว่าพอที่จะต่อกรกับมันตัวต่อตัวได้เท่านั้น

หยางไคที่ปรากฏตัวท่ามกลางสนามการต่อสู้แห่งนี้ขึ้นอย่างกะทันหัน เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีเองก็ได้ตรวจสอบแล้วเช่นกัน

แววตาที่ดุดันขนาดยักษ์ดวงนั้นทันใดนั้นก็ได้สาดเป็นประกายเจิดจ้าส่องสว่างไสวออกมาอย่างกะทันหัน โดยที่รวมเอาไว้เป็นดั่งลำแสงสายหนึ่ง มุ่งหน้าตรงเข้าปกคลุมหยางไคเอาไว้

“เป็นแมลงอีกตัวหนึ่งสินะ กระนั้นก็นับว่าเหมาะเจาะที่จะใช้มาเพื่อเป็นสารอาหารเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้แก่ข้าพเจ้าได้ นี่ก็นับได้ว่าเป็นดั่งเกียรติของเจ้าแล้ว!”

เสียงของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพียังคงดังก้องกังวาน สะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดินจนสั่นไหว

พร้อมกับเกิดเป็นพลังอันมหาศาลชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อกลืนกินก็ได้แฝงไว้อยู่ภายในร่างของหยางไค ลำแสงนั้นราวกับยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังที่ยากจะต่อต้านได้ชนิดหนึ่ง โดยที่มีความต้องการที่จะกลืนกินจิตวิญญาณกายทิพย์ของหยางไค

หยางไคเพียงส่งเสียงเฮอะอย่างเย็นชา พลังจิตสำนึกพลันแผ่ซ่านออกมาเพื่อต้านทานดุจสายน้ำ

ตรงส่วนที่เป็นจุดศูนย์กลาง ยังได้มีเสียงดังเปรี้ยงดังก้องออกมา พลังที่คุกคามเข้ามานั้นพลันถูกหยางไคสลัดจนหลุด ถูกทำลายทิ้งไปอย่างไร้ร่องรอย

“เป็นแค่แมลงยังริบังอาจมีเจตนาต่อต้านข้าพเจ้า มิอาจสามารถให้อภัยได้!” เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีราวกับถูกกระตุ้นโทสะขึ้นแล้ว หนวดขนาดใหญ่เส้นหนึ่งที่ประดุจดั่งมือ ก็ได้กวาดเข้าใส่หยางไคไป เปรียบเสมือนกับเป็นสายฟ้านับหมื่นสายผ่าลง

“แกว๊ก!” วิหคเพลิงแผดเสียงร้องลั่น พร้อมกับพ่นเปลวเพลิงออกมาจากภายในปาก จากนั้นก็ได้พบว่านางกำลังขยับมาต้านทานอยู่ทางด้านหน้าของหยางไค พร้อมกับทำการสะท้อนหนวดเหล่านั้นกลับไป

หยางไคยังคงทอสีหน้าเยือกเย็นยืนอยู่ในที่แห่งนั้น โดยที่คอยจับตามองอย่างละเอียด แต่กลับหาได้รีบทำการลงมือไม่

ช่วงวินาทีนั้นเขายังไม่ทราบว่าสมควรที่จะต่อกรกับเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีผู้เป็นสิ่งมีชีวิตดุจสัตว์ประหลาดเยี่ยงนี้อย่างไร

บัดนี้จิตวิญญาณกายทิพย์ของเขาเมื่อได้มาถึงยังที่แห่งนี้ โดยที่ส่วนของกายหยาบยังอยู่ที่ภายในปล่องภูเขาไฟ จึงแทบจะไม่อาจที่จะกระตุ้นใช้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อช่วยวิหคเพลิงต่อกรกับศัตรูได้ สิ่งที่พอจะสามารถใช้ได้ก็คงจะมีแต่เพียงพลังของจิตสำนึกแล้วเท่านั้น

เขาเองก็ไม่คิดที่จะแหวกหญ้าให้งูตื่น

หนวดแต่ละเส้นได้หมุนคว้างเข้ามาจากทุกสารทิศ เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีราวกับได้ตรวจพบว่าหยางไคนั้นมีความสำคัญต่อวิหคเพลิงเลยทีเดียว ถึงกับยอมประพฤติตัวน่ารังเกียจโดยที่ละทิ้งการบุกโจมตีใส่วิหคเพลิง แต่กลับหันเป้าหมายไปที่หยางไคแทน

วิหคเพลิงจึงทำได้แต่เพียงทลายการป้องกัน

หยางไคเองก็ได้มาถึงยังที่แห่งนี้อย่างรีบเร่ง ราวกับได้ทำให้สถานการณ์ของวิหคเพลิงแปรเปลี่ยนยิ่งย่ำแย่ขึ้นมาบ้างแล้ว

สัตว์ประหลาดสองตนที่มีหยางไครวมอยู่ตรงส่วนที่เป็นใจกลาง ก็ได้เปิดศึกการแย่งชิงกันขึ้นมาแล้วอีกครั้ง

เมื่อเวลาได้ค่อยๆ ล่วงเลยผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย พลังสภาวะที่อยู่บนร่างของวิหคเพลิงก็ได้ค่อยๆ อ่อนโทรมลง อย่างไรเสียก็เป็นถึงเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีที่โหดเหี้ยมเหมือนอย่างเคย โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะมีความสามารถที่อ่อนโทรมไร้พลังเลยแม้แต่น้อย

“ในที่แห่งนี้ ข้าพเจ้าก็คือราชันย์ผู้ปกครอง แมลงอย่างพวกเจ้าเหล่านี้ล้วนมีแต่ต้องสยบให้กันโดยทั้งสิ้น!” เจตจำนงของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีก็พลันดังขึ้นอีกครั้ง

หยางไคสาดดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ จนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาฮาฮา: “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”

จนหยางไครู้สึกได้ว่าเปี่ยมความสุขเป็นอย่างยิ่ง พลังสภาวะของวิหคเพลิงเองก็ได้ถูกกระตุ้นจนสูงขึ้น บนร่างที่ซึ่งได้แสงเป็นประกายระยิบระยับจนแสบนัยน์ตา เป็นอีกครั้งที่ได้เข้าไปพัวพันกับเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี ต่างฝ่ายต่างเกิดเป็นพลังกลืนกินเช่นนี้ขึ้นมา

“ข้าเองก็อ่านเจ้าออกทุกอย่างแล้ว วันนี้จะต้องเป็นวันตายของเจ้าอย่างแน่นอน!” หยางไคตวาดดังขึ้น ทันใดนั้นก็ได้ยื่นมือวาดออกไปยังทางด้านหน้า

พร้อมทั้งเกิดเป็นพลังอันมหาศาลอันประหลาดพิสดารสาดผ่านเข้าไป

จากนั้นก็ได้สร้างมิติช่องว่างขึ้นแห่งหนึ่งเพื่อตัดขาดจากเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีไป

นั่นก็คือพลังแห่งมิติ!

กายทิพย์จิตวิญญาณของหยางไคถึงแม้จะไม่อาจใช้ออกด้วยพลังจากลมปราณศักดิ์สิทธิ์จากกายหยาบ แต่ด้วยพลังมิติอันมหาศาลยังคงสามารถบังคับจนเกิดเป็นพลังมิติขึ้นมาได้อย่างคล่องแคล่ว

ด้วยพลังแห่งมิติเขา จึงสามารถตัดขาดการเชื่อมโยงจุดที่ก่อให้เกิดเป็นพลังจากเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี

เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีราวกับตะลึงลานไปชั่วขณะ นั่นกลับเป็นแววตาอันใหญ่โตมโหฬารข้างเดียวสาดเป็นประกายสีหน้าอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาอีกเล็กน้อย ถึงกับยอมแพ้ที่จะเข้าบุกโจมตีต่อวิหคเพลิงไปโดยปริยาย พร้อมทั้งเริ่มที่จะบุกโจมตีเข้าใส่หยางไคในพื้นที่ถูกตัดขาดออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” หยางไคหัวเราะเสียงดังก้องกังวาน โดยที่โยกย้ายเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี เพื่อหันเหทิศทางและประเมินเพื่อเป็นไปตามที่ตัวเองได้คาดการณ์เอาไว้

ต่อมาก็หาได้ลังเลอีกต่อไป พลังมิติอากาศอันพิศวงแต่ละสายได้ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากภายในใจกลางกายทิพย์จิตวิญญาณของเขา จากนั้นก็แผ่กระจายไปรอบบริเวณ ค่อยๆ ปกคลุมจนเกิดเป็นกรงอีกชั้นหนึ่งขึ้นมา

ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสิบกว่าช่วงลมหายใจ นี่ก็ได้ถูกสร้างขึ้นจนไม่ต่างอะไรไปจากกรง!

มิติอากาศไร้สภาพเปรียบเสมือนดั่งกรงที่คอยตัดขาดเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีจากโลกภายนอก จนปกคลุมมันเอาไว้พร้อมกับวิหคเพลิง

กรงเช่นนี้ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อวิหคเพลิงแม้แต่น้อย แต่ว่ากลับสามารถเกิดคุกคามเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีจนถึงแก่ชีวิตได้

เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีเองก็ไม่สามารถที่จะไหลเวียนพลังอันมหาศาลใจกลางขอบเขตที่อยู่รอบด้านได้อีก เพื่อใช้ฟื้นฟูพลังของตน!

หยางไคเองก็พอที่จะสังเกตเห็นได้ และพบว่าเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีและหินลาวารอบบริเวณและเปลวเพลิงใต้ดินอันร้อนระอุได้มีการเชื่อมโยงถึงกันในแบบไร้สภาพ ไม่ว่ามันจะถูกวิหคเพลิงกลืนกินแก่นแท้ไม่มากแค่ไหน ก็ยังคงสามารถที่จะฟื้นคืนกลับมาในสภาพเดิมได้อย่างรวดเร็ว

ในทางกลับกันกลับเป็นวิหคเพลิงที่แทบจะไม่มีจุดเด่นในข้อนี้!

นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าแปลก สถานที่แห่งนี้ถึงอย่างไรก็เป็นถึงสถานที่ซึ่งมีไว้พันธนาการเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี มันที่ได้ดำรงอยู่ในที่แห่งนี้มาก็หลายหมื่นปีมาแล้ว ย่อมต้องกระจ่างต่อการสร้างความได้เปรียบจากขอบเขตโดยรอบให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองได้

และพลังมิติอากาศที่ถูกสร้างขึ้นจนเกิดเป็นกรง กลับเป็นสิ่งที่บดขยี้จุดเด่นเช่นนี้ไปในพริบตา

“บุกเข้าไปพร้อมกัน ครานี้มันย่อมไม่สามารถที่จะฟื้นคืนกลับมาได้อีกแล้ว” หยางไคก็ได้ตะโกนไปทางวิหคเพลิง เข้าสู่สภาวะกายทิพย์จิตวิญญาณปกติมุ่งหน้าเข้ากดดันไปยังทางด้านหน้าไป

“พลังฝีมือของแมลงโดยทั่วไป ยังคิดที่จะต่อกรกับข้าพเจ้า แม้ว่าจะไม่ได้มีการช่วยเหลือจากพลังภายนอก ก็มิใช่ว่าจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าพเจ้าได้!” เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีคำรามกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส

“เช่นนั้นก็มาดูกันเถอะ วัดความแข็งแกร่งอ่อนโทรมกันได้แล้ว!” หยางไคเพียงหัวเราะเย็นชาดังหึหึ พร้อมทั้งกู่ร้องเสียงดังขึ้นจากภายในปาก: “เนตรปีศาจทลายภพ!”

บริเวณตาซ้าย ทันใดนั้นก็ได้เกิดเป็นประกายแสงสีทองสาดเป็นประกายระยิบระยับ รูม่านตาสีทองเผยออกมาให้เห็นว่าอยู่ในสภาพที่ทั้งเล็กและแคบขึ้นมา

ภายในรูม่านตานั้น ยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังอันเร้นลับสุดยั้งคาดก่อเกิดเป็นลำแสงสายหนึ่งสาดพุ่งออกมา ตรงดิ่งเข้าปะทะกับดวงตาอันใหญ่โตนั้นไป

ด้วยร่างกายอันใหญ่โตของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีทันใดนั้นก็พลันสั่นสะท้าน เสมือนกับได้กู่ร้องออกมาประดั่งได้รับบาดเจ็บไปก็มิปาน

เนตรปีศาจทลายภพ เดิมก็มีที่ของการขจัดจิตวิญญาณกันอยู่แล้ว

เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีที่ก่อกำเนิดจนกลายเป็นสติปัญญา ทำให้เกิดเป็นจิตวิญญาณ ย่อมต้องถูกเนตรปีศาจทลายภพทำลายอย่างแน่นอน

ด้วยร่างกายอันใหญ่โตนั้นของมันที่บิดเบี้ยวอยู่ และหนวดอันนับไม่ถ้วนได้พลันขยับเคลื่อนไหวเหวี่ยงไปแกว่งมาอย่างคลุ้มคลั่ง ราวกับคิดที่จะทำให้แม้แต่สภาวะอากาศก็ยังเกิดการยุบตัวไปโดยพลัน

วิหคเพลิงก็ได้พุ่งออกไป พร้อมทั้งอ้าปากจนกว้าง กัดเข้าไปที่ร่างกายของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี

แม้ใช้เพียงแค่ตาเปล่ามอง ก็จะพบเห็นวิหคเพลิงกัดกินพลังอันบริสุทธิ์แต่ละสาย ไหลเวียนเข้าสู่ภายในร่างกายของมัน

และพลังอำนาจของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีถึงกับเกิดการรั่วไหลออกไปโดยพลัน

“ข้าพเจ้าต้องการที่จะฆ่าพวกเจ้า ใช้แมลงเยี่ยงพวกเจ้าเหล่านี้มาระบายโทสะให้แก่ข้าพเจ้า!” เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีคำรามก้อง หนวดพลันเริงระบำกลับมา โดยที่มัดร่างของวิหคเพลิงเอาไว้ แล้วเหวี่ยงมันออกไปจนไกล

ไม่นานนัก มันก็ได้ใช้ตาดวงเดียวมองไปที่หยางไค พร้อมกับแผ่ซ่านบรรยากาศของการทำลายล้างและโหดเหี้ยมอำมหิตขุมหนึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างหยางไค จากภายในตาดวงเดียวที่มองไปยังทางด้านหยางไค

จนเกิดเป็นลำแสงลี้ลับสายหนึ่งดีดตัวออกมา ถึงกับมีพลังทำลายล้างเทียบเคียงได้กับแสงสีทองเลยทีเดียว โดยที่ได้ค่อยๆ พุ่งผ่านเข้าไปยังทางด้านของหยางไคไปทีละเล็กทีละน้อย

จนพอที่จะคิดได้ว่า ทันใดนั้นก็พลันเกิดเป็นประกายแสงสาดส่องปกคลุมร่างหยางไคเอาไว้ เช่นนั้นกายทิพย์จิตวิญญาณของหยางไคย่อมต้องกลายเป็นความว่างเปล่าไป

“บัวชีวิต!” หยางไคตวาดก้อง

บริเวณตาสีทองข้างซ้าย ทันใดนั้นก็ได้เกิดเป็นกลิ่นหอมจางๆ จากดอกบัวหนึ่งตูม

ดอกบัวนั้นที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน เพียงสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย ก็ได้เลือนรางหายไป

แต่ว่าในสายตาของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี ดอกบัวตูมนั้นกลับมีความสามารถที่จะบุกทะลวงจนถึงสู่ภายในความคิดของตัวเองไปได้แล้ว

ดอกบัวได้ใช้พลังอันมีที่มาจากพลังจิตวิญญาณที่มาจากชีวิตตัวมันเอง ดูดซับกลืนกินขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนเริ่มเบ่งบานออกมาอย่างช้าๆ

ในทุกการเบ่งบานทุกส่วน จิตวิญญาณของมันก็จะต้องเกิดความแห้งเหี่ยวขึ้นบางส่วน เมื่อในเวลาที่ดอกบัวอยู่ในสภาพที่เบ่งบานออกมาได้ถึงครึ่งหนึ่ง ร่างกายของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมา ราวกับตกอยู่ในอาการมึนเมาสุราเมรัยก็มิปาน เดิมที่มีร่างกายที่มั่นคงดุจเนื้อแท้ ก็พลันแปรเปลี่ยนจนเกิดเป็นดั่งภาพมายาขึ้นมาแล้ว

หยางไคปวดเศียรเวียนเกล้า ราวกับไม่สามารถที่จะควบคุมได้ พร้อมทั้งโอดครวญออกมา

เพื่อที่จะต่อกรกับเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี เขาราวกับได้ระเบิดพลังจิตสำนึกของตัวเองทั้งหมดออกมา เพียงเพื่อที่จะผนึกรวมและออกมาจากดอกบัวตูมนั้น

ผลลัพธ์กลับไม่อาจเป็นไปตามที่คาดหวัง เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีที่ตกอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส เดิมทีก็ไม่ได้มีพลังมากพอที่จะไปต่อกรกับเขาอีกแล้ว

เสียงกู่ร้องทุ้มต่ำที่ทั้งเจ็บปวดระคนเดือดดาลพลันดังออกมาจากปากของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพี

วิหคเพลิงจึงได้สบโอกาสสลัดหลุดจากการพันธนาการของหนวด อ้าปากขึ้นจนกว้าง ทันใดนั้นอุปกรณ์เตาหลอมแห่งชีวิตพลันปรากฏขึ้น

ภายใต้การควบคุมวิหคเพลิงอย่างคลุ้มคลั่ง อุปกรณ์เตาหลอมนั้นก็ได้ค่อยๆ ถูกกระตุ้นขึ้นมา พร้อมกับเกิดเป็นพลังแรงดึงดูดอันน่าตกใจขึ้นจากปากเตาหลอม

เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีเดิมก็ส่ายโอนเอนไปมาก็ถึงกับไม่อาจที่จะต้านทานขุมพลังอันมหาศาลนี้เอาไว้ได้อีก จึงได้ค่อยๆ ซึมผ่านเข้าสู่อุปกรณ์เตาหลอมไป

หากเจ้ามิมอบลูกแก้วเทวะของเจ้าให้กับ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com บ้าง แล้วหยางไคจะออกจากแดนดาราได้อย่างไร

“ไม่!” เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีคำรามร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่อาจที่จะทำอะไรต่อไปได้อีก

วิชาลับบัวชีวิตที่วางเมล็ดดอกบัวไว้ภายในจิตวิญญาณของมัน กลับเป็นการจ่ายออกมาด้วยพลังแห่งจิตสำนึกไปกว่าครึ่งค่อน จนไม่สามารถที่จะต้านทานการโจมตีของวิหคเพลิงเอาไว้ได้อีก

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่ดังออกมา เพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีได้พลันถูกดูดเข้าสู่ภายในอุปกรณ์เตาหลอมประดั่งควันหอบหนึ่ง!

วิหคเพลิงสะบัดหน้าหันไปมองยังทางด้านของหยางไค

หยางไคที่กำลังแตะไปที่หน้าผาก ดวงตาสองคู่สี่ดวงได้สบมองกัน พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ส่งถ่ายกำลังให้แก่กันผ่านดวงตา

วิหคเพลิงกางปีก แปรผันจนกลายเป็นประกายเพลิงขุมหนึ่ง เข้าโอบล้อมห่อหุ้มอุปกรณ์เตาหลอมเอาไว้ จากนั้นก็ได้แทรกซึมผ่านเข้าสู่ลาวาที่อยู่ทางด้านล่าง

การต่อสู้ของมันยังไม่นับว่าสิ้นสุด!

การต่อสู้ดิ้นรนในรอบต่อไปก็ได้เกิดขึ้นภายในอุปกรณ์เตาหลอม แต่กลับแตกต่างไปจากเมื่อครู่นี้ นั่นซึ่งถือเป็นสนามรบของวิหคเพลิงเอง! มันย่อมต้องถือครองความได้เปรียบได้อย่างแน่นอน

หยางไคเองก็ไม่มีพลังพอที่จะไปยุ่งเกี่ยวได้อีกแล้ว

เขาเชื่อว่าในเวลาที่วิหคเพลิงปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง จะต้องนำความยินดีมาให้แก่เขาได้อย่างแน่นอน

เมื่อได้สาดแววตามองไปรอบด้าน หยางไคกลับหาได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ เพียงแต่รีบออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยพลัน พร้อมกับใช้กายทิพย์จิตวิญญาณหวนกลับคืนสู่ภายในกายหยาบอีกครั้ง

เมื่อได้ลืมตาตื่นขึ้นมา หยางไคก็ได้หันไปมองหุ่นเชิดศิลาที่กำลังทอแววตาเป็นห่วงกังวลออกมา

หลังจากที่ใช้สายตาเป็นการบอกให้มันวางใจได้ หยางไคก็จึงค่อยได้นำโอสถปราณบางส่วนออกมาในทันที แล้วยัดเข้าไปในปาก หลับตาลงเข้าสู่การหล่อหลอมพลังจากโอสถ

เวลาก็ได้ค่อยๆ ผ่านพ้นเลยไป

อาการปวดหัวของหยางไคได้ค่อยๆ ลดทอนลงจนหายไปในท้ายที่สุด ด้วยการที่มีสมบัติอย่างจากดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้งเช่นนี้อยู่ด้วย พลังจิตสำนึกของเขาย่อมต้องมีความสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้เร็วมากเป็นพิเศษ กระนั้นเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว ก็ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไรอีกต่อไป

อีกทั้งการต่อสู้ที่ดำเนินมาจนถึงบัดนี้ หยางไคก็ได้พบว่าพลังจิตสำนึกของตัวเองถึงกับมีการเติบโตขึ้นมาแล้ว

นี่ย่อมนับเป็นข่าวดีได้เลย

กลิ่นหอมหอบหนึ่งได้พัดมาตามสายลมมาจากทางด้านหลัง หยางไคไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ : “ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสด้วย ที่บัดนี้หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นได้ขึ้นดำรงเป็นผู้ปกครองดาววารีสีชาดแต่เพียงฝ่ายเดียวแล้ว จนได้เป็นจ้าวผู้ปกครองดวงดาวแห่งนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก”

ลั่วหลีเพียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยชาดังมาจากทางด้านหลัง: “ข้านั้นหาได้มีความตั้งใจที่จะเป็นจ้าวผู้ปกครองอะไรไม่ ที่ทำไปทั้งหมดก็เพียงเพราะต้องการที่จะสิ้นสุดความแค้นให้หมดสิ้น หากนิกายแสงอัคคียังมิดับสูญสลายหายไป ภายหลังคนของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นย่อมต้องตายกันอีกเป็นเบือ”

หยางไคพยักหน้าน้อยๆ เชิงเห็นด้วย วาทศิลป์เช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องสมกับเป็นลั่วหลีเลยทีเดียว

“ทว่าในครั้งนี้กลับต้องพึ่งพาจอมยุทธ์หยางเจ้ามากแล้ว หากมิใช่ว่ามีเจ้าที่คอยควบคุมเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีเอาไว้ หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเราคงจะไม่สามารถดำเนินการได้ราบรื่นจนถึงเพียงนี้ได้อย่างแน่นอน” ลั่วหลีเองก็ได้กล่าวออกมาด้วยความตื้นตัน

“ต่างฝ่ายต่างได้รับสิ่งที่ต้องการกันแล้ว ผู้อาวุโสมิจำเป็นต้องเกรงใจไป” หยางไคส่ายหน้าเล็กน้อย : “อือ แล้วคนของนิกายแสงอัคคีเล่า?”

“เหนือกว่าขอบเขตหวนกำเนิด ล้วนแต่ถูกกำจัดไปจนสิ้นแล้ว ที่ต่ำกว่าขอบเขตหวนกำเนิด ที่เคยเข่นฆ่าศิษย์ของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ก็ได้ถูกฝังไปพร้อมกันแล้วเช่นเดียวกัน ส่วนคนอื่นๆ ……ล้วนแต่ถูกทำลายการบ่มเพาะแล้วปล่อยไปแล้ว” ลั่วหลีตอบกลับไป

“ผู้อาวุโสช่างมีเมตตา”

“เจ้าใช่อยากที่จะบอกว่าตัวข้านั้นเป็นสตรีที่มีความเมตตาการุญอย่างงั้นหรือ?” ลั่วหลียิ้มขึ้นเล็กน้อย

“มิกล้า ท่านผู้อาวุโสทำเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผลของผู้อาวุโสอยู่แล้ว ผู้น้อยย่อมมิบังอาจที่จะยกมือวาดเท้าได้” หยางไคแสดงออกมาอย่างแน่วแน่

ลั่วหลีแย้มยิ้มแล้วกล่าว: “คิดกล่าวก็กล่าวไป มีอันใดที่ไม่กล้าอีกกัน เพียงแต่ว่าศิษย์นิกายแสงอัคคีทั้งสูงต่ำนับหมื่น หากคิดที่จะฆ่าให้หมดสิ้น……เกรงว่าสวรรค์ก็คงมิยอมให้เป็นเช่นนั้นแล้ว”

หยางไคพยักหน้า หาได้กล่าวอะไรมากความอีก

ผู้ทรงพลังดำเนินจัดการ ล้วนแต่ประพฤติตามแต่ใจต้องการ ลั่วหลีเองก็ไม่ใช่คนที่ใครจะสามารถฆ่าได้ง่ายๆ หากคิดที่จะฝืนใจทำเช่นนั้นจริง แต่หากคิดที่จะเข่นฆ่านิกายแสงอัคคีทั้งเบื้องสูงเบื้องต่ำไปให้หมดสิ้นแล้วล่ะก็ ย่อมต้องเกิดผลกระทบต่อจิตใจของนางอย่างแน่นอน อีกทั้งยังนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมต่อนางด้วย การปล่อยศิษย์เหล่านั้นไปย่อมเป็นเหมือนกับการแสดงให้เห็นถึงด้านที่เมตตากันอยู่บ้าง อีกทั้งยังสามารถที่จะเป็นการทำให้จิตใจลั่วหลีสงบมั่นคงได้เช่นเดียวกัน

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด