ตอนที่แล้วWS บทที่ 165 ดื่มด่ำกับวันวาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 167 ทลายปราการ

WS บทที่ 166 สงครามได้เคลื่อนตัวเข้ามา


*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

เช้าวันรุ่งขึ้น อยู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

“เมอร์ลิน รีบลุกขึ้นเร็ว! มีบางอย่างผิดปกติ!” เสียงทุ้มลึกของเลห์แมนดังมาจากด้านหลังประตู เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเร่งรีบ

"ฮะ?"

เมอร์ลินลืมตาขึ้น เขาหันไปด้านข้างและเห็นแอวริลและเชอรีสกำลังนอนหลับใหลอยู่โดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นในตอนนี้

เมอร์ลินตัดสินใจไม่ปลุกพวกเธอและลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อไปเปิดประตู

เขาพบกับเลห์แมนยืนอยู่ข้างนอกด้วยท่าทางกังวล เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า

“เมอร์ลิน ไม่มีเวลาแล้ว ลองการ์ดีได้ส่งทหารมาแล้วและพวกเขาตอนนี้อยู่นอกเมืองแล้ว เคานต์เซลินได้ส่งอัศวินมาที่ปราสาทเพื่อมารับลูกไปหารือในเรื่องนี้”

"ทำไมลองการ์ดีถึงได้ตัดสินใจลงมือเร็วขนาดนี้"

เมอร์ลินรู้สึกกังวลขึ้นมา เขารู้ว่าลองการ์ดีมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะยึดเมืองปรากาซแต่การจะทำเช่นนั้นต้องในเวลาพอสมควรซึ่งเขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วแบบนี้

“ท่านพ่อ เดี๋ยวผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวแหละ!” เมอร์ลินแต่งตัวและรีบวิ่งไปที่ห้องโถงซึ่งมีอัศวินสองคนรอเขาอยู่

อัศวินทั้งสองนั้นสุภาพมากและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านบารอน ท่านเคานต์เซลินเรียนเชิญท่านไปที่ปราสาท!”

"นำทางไปเลย!"

เมอร์ลินตามอัศวินทั้งสองไป ขึ้นรถม้าและรีบไปที่ปราสาทของเคาท์เซลิน

ไม่นานนัก รถม้าก็ชะลอความเร็วและหยุดลง เมอร์ลินกระโดดลงจากรถม้าและเห็นรถม้าอีกหลายคันจอดอยู่นอกปราสาท เขารู้แล้วว่าเคานต์เซลินได้เชิญขุนนางคนอื่น ๆ มาหารือด้วยเช่นกัน

เมอร์ลินเดินตรงเข้าไปในปราสาท เหล่าขุนนางจำนวนมากรวมตัวกันที่นั่น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล เคานต์เซลินเองก็มีท่าทีหม่นหมอง เขาพยายามอย่างหนักที่จะสงบสติอารมณ์

“บารอนเมอร์ลิน! เยี่ยมมากที่ท่านมา ตอนนี้มีกองกำลังกำลังเมืองเลบิสอยู่นอกเมืองของเรา เมืองปรากาชกำลังตกอยู่ในอันตราย!”

ใบหน้าของเคานต์เซลินได้พลันสว่างขึ้นเล็กน้อยทันทีที่เขาเห็นเมอร์ลิน เขาดูตื่นตระหนกขณะที่เขาพูดอย่างเร่งรีบ เคานต์เซลินไม่เคยตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเมอแรงค์ก็ตาม เขาก็คงยังความเยือกเย็นเอาไว้ได้

“ตอนนี้กองทัพจากเมืองเลบิสมาถึงเขตเมืองของเราแล้ว ใครมีวิธีแก้บ้างมั้ย?”

เมอร์ลินมองไปรอบ ๆ ห้องและเห็นว่าขุนนางทุกคนดูขมขื่นแต่ก็ไม่มีใครสามารถเสนอวิธีแก้ปัญหาได้

“ทางออกเดียวในตอนนี้คือต้องสู้!”

ในที่สุด ร่างหนึ่งก็ยืนขึ้นและประกาศเสียงดัง เมอร์ลินหรี่ตาเพื่อดูว่าใครเป็นใคร เพียงรู้ว่าเป็นลูกชายของเคานต์เซลิน ผู้บัญชาการคูก!

“ฮ่าฮ่า คุณพูดถูก ตอนี้ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้นอกจากการต่อสู้!”

ทันใดนั้น ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ประตู คนที่เดินเข้ามาเป้นชายชราสวมชุดคลุมสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่นคือ พ่อมดฮิลล์

เคานต์เซลิน ดูประหลาดใจปบยินดีแต่ในไม่ช้าเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวล เขาได้พูดออกมาเบา ๆ ว่า "พ่อมดฮิลล์อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง"

เคานต์เซลินรู้เพียงว่าชายชราได้รับบาดเจ็บแต่เขาไม่เข้าใจว่าโครงสร้างเวทมนต์ไม่เสถียรคืออะไร เขาเพียงแค่ว่าชายชราไม่อยู่ในสภาพที่ดีและไม่สามารถต่อสู้ได้ตามต้องการ

ขณะที่ชายชราชุดดำมองไปรอบๆ ห้อง สายตาของเขาก็พบกับเมอร์ลิน เขาพยักหน้าเล็กน้อยและพูดเสียงดังว่า “อาการบาดเจ็บของข้าดีขึ้นมา หลังจากที่ได้รับน้ำยาที่บารอนเมอร์ลินนำมาจากดินแดนมนต์ดำ แม้ว่าข้าจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่แต่ข้าก็ยังสามารถใช้พลังได้

ตอนนี้เมืองปรากาชกำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ข้าจะไม่มาได้อย่างไร”

เคานต์เซลินพยักหน้า หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข ท้ายที่สุด ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเมื่อรวมชายชราเข้าไปด้วย

“ดี พ่อมดฮิลล์ก็เห็นด้วยว่าเราควรจะสู้ แล้วท่านคิดว่าอย่างไร บารอนเมอร์ลิน?” เคานต์เซลินจ้องมองเมอร์ลินขณะที่เขาถาม

เมอร์ลินหรี่ตาขณะที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เขาพูดอย่างเย็นชาว่า "ฉันก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของผู้บัญชาการคูกและพ่อมดฮิลล์ เราเหลือทางเลือกเดียวเท่านั้น นั่นคือการต่อสู้!"

ในห้องโถงเงียบลงทันทีที่เมอร์ลินพูดจบ หลังจกานั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เคานต์เซลิน ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเขาแล้วที่จะตัดสินใจขั้นตอนสุดท้าย

“เราต้องสู้ด้วยทุกวิถีทาง! ถ้าลองการ์ดีต้องการเมืองปรากาซของฉัน เขาจะต้องชดใช้ด้วยราคาที่มหาศาล!”

เคานต์เซลินยืนขึ้นอย่างดุเดือดขณะที่เขาพูดเสียงดังด้วยความมุ่งมั่น

“เราต้องสู้จนสุดกำลัง!” เหล่าขุนนางพร้อมใจกันส่งเสียงขึ้นมา พวกเขาจะรวมตัวกันและร่วมมือกันปกป้องเมืองปรากาชในทุกกรณี

ทันทีที่เคานต์เซลินเริ่มวางแผนกลยุทธ์และแผนส่งกำลังทหารในเมืองปรากาช เมอร์ลินเดินไปที่ชายชราชุดดำและกระซิบว่า

"พ่อมดฮิลล์ ท่านแน่ใจนะว่าไม่เป็นไร"

ชายชราชุดดำยิ้มและพยักหน้ากล่าวว่า "ข้าไม่เป็นไร น้ำยาผงหินม่วงของเจ้ามีประสิทธิภาพสูงมาก แม้ว่าโครงสร้างเวทมนต์ของข้าจะยังไม่เสถียรแต่ข้าสามารถร่ายเวทมนต์ออกมาโดยไม่ส่งผลต่อโครงสร้างเวทมนต์"

ถ้าเขาสามารถร่ายคาถาได้ ก็หมายความว่าชายชราสามารถสู้ได้ เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือกลัวว่าโครงสร้างเวทมนต์จะพังทลายอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน เคานต์เซลินได้วางกลยุทธ์เสร็จและพวกเขาทั้งหมดเดินทางไปที่ประตูเมือง

ที่ด้านบนของประตูเมือง เมอร์ลินสามารถมองเห็นทหารที่อัดแน่นอยู่นอกเมืองได้อย่างชัดเจน บางคนเป็นอัศวินที่ถือหอกยาว บางคนเป็นทหารราบที่ถือโล่และบางคนเป็นอัศวินที่ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไป เมอร์ลินยังเห็นสิ่งอื่นท่ามกลางกองทหาร นั่นก็คือเครื่องจักรที่ดูน่ากลัว

แม้จะยากต่อการสร้างแต่เครื่องจักรเหล่านี้มีพลังที่น่าเกรงขาม มันสามารถยิงธนูได้สิบนัดแต่ละลูกหนาเท่าแขนเด็ก

เคานต์เซลินหน้าซีดเมื่อเห็นจำนวนทหารของเมืองลาบิส

"การป้องกันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะบุกเข้าเมือง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยเราก็ต้องพยายามโต้กลับ!"

เคานต์เซลินสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วและแม้ว่าเขาจะได้เห็นทหารของเมืองลาบิสมากมายด้านล่าง แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่มีการถอย การป้องกันไม่เคยเป็นคำตอบ มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่จะทำให้มีโอกาสรอด

“เปิดประตูเมือง ส่งอัศวินสองหมื่นคนและโจมตีกองกำลังศัตรู!” เคานต์เซลินสั่งอย่างใจเย็น

หลายคนคงตายในการต่อสู้ขนาดใหญ่นี้ เคานต์เซลินจำเป็นต้องมีความสามารถในการบังคับบัญชาที่แข็งแกร่ง เรื่องนี้แม้แต่เมอร์ลินหรือพ่อมดฮิลล์ก็ไม่สามารถช่วยเขาได้

แผนการของก็คือการป้องกันไม่ให้นักเวทย์ทำลายประตูเมือง เมืองปรากาซจะยังปลอดภัยตราบใดที่ประตูเมืองยังไม่ถูกทำลาย

จากนั้นไม่นาน ประตูเมืองปรากาชก็เปิดออก อัศวินหลายหมื่นรีบออกจากเมืองและในหมู่พวกเขามีอัศวินเกราะสีดำที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย

"ท่านพ่อ!" เมอร์ลินหรี่ตาลง เขาไม่รู้ว่าเลห์แมนจะสั่งการอัศวินของเขาและตัวเองให้รีบวิ่งออกไปที่ประตูเมือง

เคานต์เซลินดูกังวลขณะที่เขาหันไปหาเมอร์ลิน “บารอนเมอร์ลิน ท่านอยากให้ข้าสั่งให้ผู้บัญชาการวิลสันกลับมาไหม”

เมอร์ลินส่ายหัว เขาจ้องมองเลห์แมน ขณะที่เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ไม่จำเป็น บางทีนี่อาจเป็นชีวิตที่ท่านพ่อต้องการ เขาไม่เคยหยุดฝึกฝนในฐานะอัศวิน แน่นอนว่าเขาหวังที่จะกลับไปในสนามรบสักวันหนึ่ง”

เมอร์ลินรู้ดีว่าการอยู่ในกองทัพมาหลายสิบปีส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตของเลห์แมน บางทีการต่อสู้ในสนามรบจนตัวตายอาจเป็นชีวิตที่เลห์แมนต้องการ

"โจมตี!"

ตามคำสั่งของเซลิน อัศวินสองหมื่นคนเริ่มรุกเข้าหากองกำลังของเมืองเลบิส

ทางด้านเมืองเลบิส อัศวินราวหมื่นคนก็วิ่งออกมาจากกองทหารของ เมื่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น

ผู้คนนับหมื่นถูกฆ่าตายในการต่อสู้ หนึ่งหรือสิบคนก็ไม่ต่างกันแต่ละชีวิตดูไม่มีนัยสำคัญนัก

นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินได้เห็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาตั้งข้อสังเกตว่าเมื่ออัศวินฝ่ายตรงข้ามสองคนพบกัน มันเป็นการฆ่าที่โหดร้าย ไม่ว่าคุณจะฆ่าหรือถูกฆ่าก็ตาม

ในบรรดาคู่ต่อสู้ทั้งหมด มีกลุ่มกองอัศวินที่สวมใส่ชุดเกระสีดำ พวกเขาเป็นกองอัศวินในสังกัดเลห์แมนซึ่งพวกเขารับใช้เลห์แมนมานานกว่าสิบปี พวกเขาติดตามมาจากเมืองแบล็กวอเตอร์มายังเมืองปรากาซและตอนนี้พวกเขาสามารถพิสูจน์คุณค่าของพวกเขาในสนามรบ พวกเขาทำงานร่วมกันราวกับกริชที่แหลมคมแทงทะลุหัวใจของศัตรู

ไม่ว่าอัศวินเกราะเหล็ก เหล่านี้จะไปที่ไหนก็ไม่มีใครหยุดพวกเขาได้!

แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขามีจำนวนที่น้อยเกินไป อัศวินเมืองปรากาชเริ่มแสดงสัญญาณที่บ่งบอกว่าต้านทานไม่ไหวแล้ว

ด้านบนของกำแพงเมือง

เคานต์เซลินแสดงสีหน้าผิดหวัง "เราแพ้แล้ว...ออกคำสั่งให้ล่าถอย เมื่อกองทหารของเราเข้าไปในเมืองแล้ว ปิดประตู!"

เคานต์เซลินตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าสงครามครั้งนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่ควรทำให้เสียกองกำลังโดยใช่เหตุเพราะสิ่งที่สัญที่สุดนั่นก็คือการปกป้องเมืองปรกาซ

เหล่าอัศวินแห่งเมืองปรากาซได้ล่าถอยออกไปและกลับเข้ามาในเมือง

เมอร์ลินให้ความสนใจเลห์แมนอย่างใกล้ชิด แม้ว่าอัศวินเกราะเหล็กจะโจมตีและสังการศัตรูจำนวนมาก แต่เลห์แมนก็สามารถถอยกลับเข้าไปในเมืองได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาตระหนักว่าเลห์แมนกลับมาโดยไม่ได้รับอันตราย

เมอร์ลินหันกลับไปมองกองทหารที่แน่นขนัดและขมวดคิ้ว การโจมตีระยะไกลที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือข่ายสายฟ้า มันไม่เพียงพอที่ครอบคลุมพื้นที่สนามรบหลายร้อยเมตรได้ ไม่มีทางที่เขาจะโจมตีพวกเขาทั้งหมดได้ในคราวเดียว

นอกจากนี้ ความสามารถในการโจมตีทหารหลายแสนนาย มันจะต้องใช้คาถาระดับสี่ขึ้นไปถึงจะสามารถจัดการทั้งหมดให้อยู่หมัดได้

“พ่อมดฮิลล์ ตอนที่ท่านต่อสู้ใน ‘โรงเชือด’ ในตอนนั้นไม่ใช่นักวเทย์ทุกคนที่อยู่ในระดับสี่ ดังนั้นพวกนักเวทย์ระดับล่างเหล่านั้นจะมีประโยชน์อะไรในสนามรบ”

เมอร์ลินถามอย่างแผ่วเบาขณะที่เขาหันไปหาชายชรา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด