ตอนที่แล้วตอนที่ 235 ช่วยคนได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 237 ชารอน วิลด้าและวิลม่า

ตอนที่ 236 เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการบ้าคลั่งครั้งแรก


ตอนที่ 236 เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการบ้าคลั่งครั้งแรก

หลังจากไนเรลและวินาเดินออกมาด้านบน เมสัน กัสและอลันก็จัดการไล่ฆ่าซอมบี้ทั้งหมดไปแล้ว แม้จะมีตัวที่แตกแถวหนีออกไป ซึ่งเป็นพวกซอมบี้ระดับสูงขึ้นมาหน่อยแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของพวกเขาแล้ว

“มีระเบิดอยู่ไหม”

ไนเรลเดินไปถามเมสัน เมสันหยิบระเบิดแก่นพลังงานออกส่งให้กับเขา นี่คือระเบิดแก่นพลังระดับ 3 แม้จะไม่ได้ทรงพลังเหมือนพวกระดับสูง แต่ก็เพียงพอจัดการฝังซอมบี้ในตึกแล้ว

คนอื่น ๆ ออกไปจากพื้นที่นี้กันหมดแล้ว เหลือเพียงไนเรลที่อยู่เหนือโดมกระจก เขาหย่อนระเบิดลงไปจากนั้นก็เดินออกไปเช่นกัน

บึม!!!!!!!!!

ระเบิดแก่นพลังงานทำงานได้ตามเป้าหมายของมัน ชั้น 200 ลงไปจนถึงชั้น 180 ถูกระเบิดอัดอย่างรุนแรง แม้พลังบางส่วนจะพุ่งขึ้นมาจากทางโดมกระจกด้านบนออกมาด้านนอก มันก็ยังเพียงพ่อให้ชั้นที่เหลือพังลงเป็นลูกโซ่

เนื่องจากตึกพวกนี้อยู่มานานกว่า 200 ปีแล้ว มันควรที่จะพังไปนานแล้วด้วยซ้ำ ตอนนี้พอมีการกระตุ้นผนังทั้งหมดก็พังลง ทรายและดินที่อัดอยู่รอบข้างไม่ต่างจากน้ำที่มีแรงดันมหาศาล ยิงลึกก็ยิงมีแรงบีบอัดที่น่ากลัว

ชั้นแต่ละชั้นของตึกถูกทำลายลงอย่างต่อเรื่อง ต่อให้เป็นซอมบี้ระดับ 5 แม้ไม่ตาย แต่มันก็จะถูกฟังลืมไว้อยู่ที่นี่ตลอดไป

ไนเรลที่มารวมกับทุกคนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไกล พื้นทรายรอบข้างทางเข้ากลายเป็นหลุมทรายดูด ทรายและดินรอบ ๆ ถูกดูดเข้าไปตรงกลาง

ไนเรลไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเดินนำคนอื่น ๆ ออกไปจากบริเวณนี้

ท้องฟ้าตอนนี้กลายเป็นสีส้มแดงของยามเย็น อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ไนเรลแหงนหน้ามองอยู่สักพัก เขาคิดว่าทำไมโลกใบนี้ไม่มีชั้นเมฆหนา ๆ เหมือนกับโลกนั้น หรือเพราะพลังงานมันหมดไปแล้วพวกเมฆประหลาดก็หายไปด้วย

“เปิดได้แล้ว” เสียงของอลัน

บานเหล็กซึ่งตอนนี้แทบจะผุไปหมดแล้วถูกยกเปิดขึ้น มันคือโกดังขนาดใหญ่ พวกเขาต้องหาที่พักกัน และพอดีเจอกับที่นี่ได้ถูกจังหวะมาก

“วินาที่นี่จะปลอดภัยจนถึงเช้าใช่ไหม” ไนเรลหันไปถามหญิงสาว

เธอพยักหน้าและยังพูดต่อ “ที่นี่จะไม่มีซอมบี้มาจนถึงบ่ายของวันพรุ่งนี้”

คนอื่น ๆ ได้ฟังก็รู้สึกโล่งใจ พวกเขาไม่ได้อยากจะนอน ๆ อยู่ แล้วตื่นมาเจอว่ามีซอมบี้จำนวนมหาศาลล้อมพวกเขาไว้ อลันและกัสสองคนคือคนที่สนใจในตัวของวินามากที่สุด กัสรู้สึกว่ามนุษย์ผู้หญิงคนนี้ไม่มีพลังต่อสู้อะไรเลย แต่มันกลับรู้สึกอึดอัดมากกว่า ราวกับมันโดนจับตามองอยู่ตลอดเวลา

ส่วนอลันกลับรู้สึกอาย ๆ วินาตามภาษาของเด็กหนุ่มที่เจอกับเพศตรงข้าม วินาหันมายิ้มให้อลัน ซึ่งทำเอาอลันเขินไปสักพักใหญ่ ๆ

ในโลกที่ล่มสลายนี้ การจะเจอกับใครสักคนมันยาก แถมการไว้ใจใครนั้นยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แม้อลันจะใช้ชีวิตและผ่านเรื่องราวมามาก แต่เรื่องระหว่างชายหญิงเด็กหนุ่มนั้นไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

อลันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ เอาจะหันไปถามกัสก็คงไม่ได้ สำหรับเผ่าอสูรแล้ว ใครแข็งแกร่งกว่าก็ได้ครอง จะมาเสียเวลาจีบกันไปทำไม ไม่ว่าเพศผู้หรือเมียใช้หลักการนี้หมด ดังนั้นอลันจึงตัดกัสออกไปได้เลย

แต่จะหันไปถามไนเรล อลันไม่เคยแม้แต่จะคิด เขารู้สึกกลัว ๆ ไนเรลด้วยซ้ำ เหลือเพียงคนเดียวคือชายชราที่ดูท่าทางหงุดหงิดคนนั้น แต่พอเห็นว่าเมสันมองรถยนต์ที่จอดอยู่อย่างหลงใหล อลันก็คิดว่ามันคงไม่ต่างกัน

อลันคงได้ใช้วิธีที่พ่อของเขาเคยบอก ผู้หญิงมักชอบคนที่เอาใจใส่

“น้ำ...” อลันยื่นส่งน้ำให้กับวินา เธอรับมาอย่างขอบคุณ ก่อนจะดินไปนั่งลง ไม่ได้สนใจจะพูดกับอลันต่อ อลันยื่นอึ้งไปสักพักก่อนจะให้กำลังใจตัวเองว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน

ไนเรลเดินเข้ามาหาเมสันที่กำลังสำรวจดูรถยนต์อยู่

“มันยังขับได้ไหม”

“น่าจะได้ แต่ความเร็วมันแค่ 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปรับแต่งหน่อยก็น่าจะสัก 6-700 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถ้าเร่งสูงสุด แต่ยังมีปัญหาอีกอย่างเรามีแก่นพลังงานไม่พอ”

เมสันเปิดให้ดูตรงส่วนเชื้อเพลิง มันมีเซลล์เชื้อเพลิง 3 ลูกที่เก็บพลังที่แปลงมาจากแก่นพลัง ซึ่งนั้นก็หมายความว่ารถคันนี้สร้างมาหลังจากเกิดวันโลกาวินาศ แต่มันคงถูกทิ้งไว้หลังจากเมืองพวกนี้ล่มสลายลง

“ถ้าถอดออกมาจากชุดสูทรบ4 เอามาใส่แทนก่อนน่าจะวิ่งได้สัก 4 ชั่วโมง เพราะพลังงานในแก่นพลังงานเหลือแค่ 20% รวมกับแก่นพลังงานที่ถอดออกจากระเบิดแก่นพลังงาน 2 ชิ้นที่เป็นระดับ 3 คงวิ่งได้ 5 ชั่วโมง รวม ๆ แล้วก็ 9 ชั่วโมงติดต่อกัน” เมสันอธิบาย

“อืม งั้นก็ใช้มันไปก่อน หลังจากนี้ค่อยล่าพวกสัตว์กลายพันธุ์เอา ว่าแต่จับสัญญาณคนอื่น ๆ ได้อีกไหม”

“สัญญาณที่เจอล่าสุดคือตรงนี้มีกันอยู่สามคน แต่ว่ามันขาด ๆ หาย ๆ นอกนั้นก็ไม่เจออีก เหมือนพวกที่เหลือจะไกลเกินกว่าที่เครื่องจะจับสัญญาณได้”

“อืมงั้นก็ไปที่นั่น ตอนนี้เราต้องรวมคนให้เร็วที่สุด และหาทางกลับไปที่ประตูเคลื่อนย้าย หาทางกลับไปที่สมาพันธ์นักล่า”

“ไอ้หนู แกว่ากุญแจจะอยู่ที่ใคร”

ไนเรลส่ายหัว ตอนนี้เขาไม่รู้จริง ๆ ว่ากุญแจจะอยู่ที่ใคร เพราะจากที่เขารู้ใครก็ตามที่เป็นคนใส่กุญแจทำให้มันทำงาน พอเคลื่อนย้ายผ่านประตูไปแล้วกุญแจก็จะตามไปด้วยเหมือนกับตอนที่เขาผ่านประตูที่สถาบันวิจัยนานาชาติ แต่ว่าครั้งนี้จะเหมือนกันหรือเปล่าอันนี้ก็พูดยาก แล้วถ้าเหมือนกัน ใครคือคนที่เปิดใช้งานประตู

กลางคืนแถวนี้เงียบมาก มีแต่เสียงสายลมที่พัดรุนแรงจนน่ากลัว อากาศด้านนอกอาจจะลดลงจนถึง 10 องศาหรือมากกว่านั้นคนทั้งหมดหลบอยู่ภายในโกดัง วินานอนไปแล้ว เธอเหนื่อยมาก จากการใช้ความสามารถ [พยากรณ์]

อลันและกัสทั้งสองดุเหมือนจะผ่านอะไรมาวันนี้ทั้งสองไม่ได้มีท่าทีไม่เป็นมิตต่อกันแล้ว พวกเขานั่งอยู่รอบ ๆ กองไฟขณะที่เมสันยังคงทำการดัดแปลงรถอยู่

แม้เมสันจะดูเหมือนชายแก่ แต่อันที่จริงแล้วตั้งแต่วิวัฒนาการมาจนถึงระดับสีน้ำเงิน เมสันก็ดูดีขึ้นมาไม่ต่างจากคนหนุ่ม ๆ ยิ่งความสามารถของเขานั้นเกี่ยวกับการเสริมพละกำลังอีกมันจึงทำให้เมสันแข็งแรงมาก

.............

เช้ามาวันต่อมาอุณหภูมิร้อนแรงกว่าปกติ

รถยนต์ที่ถูกปรับแต่งแล้ววิ่งตัดผ่านทางเหนือของทะเลทรายไร้ขอบเขตโรเลน่า ไปอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างทางพวกเขาเจอกับกลุ่มคนและซอมบี้หลายครั้ง ดุเหมือนจะเป็นอย่างที่ไนเรลคาดการณ์ไว้ เผ่าใหญ่ทั้ง 7 โดนซอมบี้ทำลายไปแล้ว คนในดินแดนนี้ต่างก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่นรอดตายมาได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ที่น่ากังวลมากกว่าคือแหล่งนี้มันหายากมาก

ตอนนี้กลุ่มของไนเรลก็เจอกับปัญหานี้เช่นกัน

เผ่าใหญ่ทั้ง 7 ทำหน้าที่เป็นจุดแลกเปลี่ยนน้ำ ให้กับคนในดินแดนแห่งนี้ แต่ตอนนี้มันเป็นดินแดนแห่งความตายไปแล้ว ส่วนแหล่งน้ำที่อยู่นอกเนื้อเผ่าพวกนี้เท่าที่เขารู้มามันถูกซอมบี้บุกโจมตีไปหมดแล้ว

ดูเหมือนอีกไม่นานดินแดนไร้ขอบเขตโรเลน่าจะตายอย่างแท้จริง

“หยุดก่อน” ไนเรลสั่งให้เมสันหยุดรถ เขาเห็นบางอย่าง

เมสันหยุดรถทันที ก่อนที่ไนเรลจะกระโดดลงไป คนอื่น ๆ นั่งรอไนเรลอยู่ในรถ กัสที่นั่งนาน ๆ มันก็ถามขึ้นมาว่า “นายท่านไปเข้าห้องน้ำเหรอ จี๊ด ๆ”

ทั้งสามคนนิ่งไปทันที ไม่คิดว่ากัสจะพูดออกมาแบบนี้ อันที่จริงแล้วด้วยระดับสูงแบบไนเรล การจะย่อยอาหารจนแทบไม่เหลืออะไรนั้นมันถือเป็นเรื่องปกติอีกทั้งพวกเขายังควบคุมของเสียในร่างกายได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ใครเขาจะมาเข้าห้องน้ำตอนนี้

ในตอนนั้นเองก็มีกิ้งก่าระดับ 4 สองตัวถูกไนเรลลากกลับมาที่รถ ที่หัวของมันมีแผลขนาดใหญ่ ดูแล้วเหมือนใครเอากำปั้นต่อยเข้าไป

ไนเรลส่งแก่นพลังงานระดับ 4 ให้กับเมสัน

เมสันรับมาจากนั้นก็โยนไว้หน้ารถ ก่อนที่ไนเรลจะเอาซากทั้งสองโยนขึ้นไปไว้บนหลังคารถหาอะไรผูกมันก่อนเสียงรถยนต์วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งพื้นที่ด้านหลังเนินที่เต็มไปด้วยหลุมขนาดใหญ่จากการต่อสู้ไว้เบื้องหลัง

“แถวนี่น่าจะเป็นเมืองหลวงของประเทศเอริกปา ฉันจำภูเขาลุกนั้นได้ ประเทศนี้มันติดทะเลถ้าขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ พวกเราอาจจะไปถึงทะเล ฉันน่าจะสามารถกรองน้ำทะเลเป็นน้ำเปล่าได้” เมสันเล่าเรื่องของตัวเองสมัยเดินทางทำการค้าในตอนหนุ่ม ๆ

แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่มันก็มีหลายแห่งที่อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก อย่างเช่นภูเขาที่เมสันชี้ให้ทุกคนดู อลันและกัสทั้งสองต่างงงกับที่คนพวกนี้พูด ซึ่งก็ไม่แปลก พวกเขาไม่อาจจะจินตนาการถึงโลกก่อนเกิดภัยพิบัติได้อยู่แล้ว แม้จะได้ฟังจากการบอกเล่าแค่ไหนก็ไม่เท่าเห็นด้วยตาตัวเอง

ในขณะเดียวกัน วินากำลังนั่งมองนอกหน้าต่างมาสักพักแล้ว ดวงตาของเธอมองดูทุกสิ่งทั้งที่พวกเขาผ่านมาและพวกเขากำลังจะผ่านไป ไนเรลที่นั่งอยู่เบาะหลังข้าง ๆ วินาถามเธอขึ้นมา

“ตอนนั้นที่เธอเห็นภาพสามสิ่ง ฉันเจอกับพวกมันสองอย่างแล้ว แต่อย่างที่สามเธอเห็นอะไรมากกว่านี้ไหม”

วินาส่ายหัว แม้เธอจะอยากเห็นมากกว่านี้ แต่มันก็ทำไมได้ การพยากรณ์ตอนนั้นเธอเคยบอกไนเรลไว้สามอย่าง อย่างแรกคือ หญิงสาวผมสีน้ำเงิน ไนเรลเจอแล้ว เธอคือลูน่า อย่างที่สองตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญมันอยู่ ดินแดนที่มีแต่ทะเลทรายและความแห้งแล้ง แต่สุดท้ายนั้นคือศพที่เหมือนกับไนเรลและชายที่ยืนมองดูศพ

“ท่านจะต้องเปลี่ยนมันได้ ข้าจะยอมตายเพื่อช่วยท่านให้ได้” วินาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เธอตัดสินใจแล้ว เมื่อถึงเวลาเธอจะมองดูมันแม้ต้องตายก็ตาม

ไนเรลมองไปที่วินา ในตอนที่เขาช่วยพวกเธอ พวกเธอเลือกจะมีชีวิตอยู่ ตอนนี้วินากลับเลือกจะตายเพื่อให้เขารอด แม้คำสัญญาของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ แบบเธออาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่มันกลับทำให้ไนเรลตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขาไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขามีเพื่อน เขามีสมาพันธ์นักล่า คนที่คอยติดตามและฝากชีวิตไว้กับเขา

นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาก่อตั้งสมาพันธ์นักล่าขึ้นมาเพื่อต้องการพลังของทุกคนสู้ไปด้วยกันหรือยังไง

“ขอบใจนะ แต่ฉันจะไม่ตาย” ในตอนที่เขาพูดคำนี้ออกมาอยู่ ๆ เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการก็สั่นไหว มันเหมือนมีเข็มแหลมนับฟัน ๆ วิ่งผ่านหน้าอกของไนเรล

“อั๊ก!!” ไนเรลกระอักเลือดออกมา ผนึกที่ปิดกั้นเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการไว้เริ่มขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว

“ท่านไนเรล” วินาจับตัวไนเรลไว้ กัสที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจ ทั้งอลันและเมสันที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ตกใจรีบหยุดรถทันที

ไนเรลรู้สึกเจ็บมาก มันไม่ได้มาจากร่างกาย แต่มาจากวิญญาณของเขา ภาพของเขาตัดไปมา ตอนที่นอนป่วยใกล้ตาย ตอนที่ข้ามโลกมา ตอนที่เขาเกิดใหม่ครั้งที่สาม

ทั้งสามเหมือนจะแยกออกจากกัน แต่ก็ไม่สามารถแยกออกจากกัน ผลึกเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ไนเรลทนไม่ไหวกระโดดลงไปจากรถก่อนที่เขาจะเผลอทำรถที่นั่งพังลงก่อน

ไนเรลกลิ้งไปตามพื้นก่อนที่จะทุบมันเต็มแรง

ตูม!

เขาต่อเข้าไปที่เนินหินและซากต้นไม้ หวังจะใช้การปลดปล่อยพลังเพื่อให้มันความเจ็บน้อยลง “แกต้องการอะไร แกมีจิตวิญญาณ? บอกมา? เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการบัดซบ ผนึกของระบบบัดซบ อ๊ากกก!!!!!” ไนเรลร้องมาด้วยความเจ็บปวด เมสันรีบขับรถถอยหนีออกมาจอดอยู่ไกล ๆ

“นายท่านเกิดอะไรขึ้นจี๊ด ๆ” กัสพูดด้วยความตกใจ อยู่ ๆ นายของมันก็ร้องออกมาและกระโดดลงไปอาละวาดแบบนั้น

“เราควรจะเข้าไปช่วยเขาไหม” อลันก็ไม่ต่างจากกัส เขาสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก

“ไม่ ไอ้หนูนั้นกระโดดลงไปจากรถเพราะไม่ต้องการทำร้ายพวกเรา รอดูไปก่อนไป” เมสันห้ามคนอื่น ๆ ไว้ จะมีคนที่รู้เรื่องก็คงจะเป็นวินาเธอยืนอึ้งอยู่ด้านข้าง แต่เธอก็ไม่ยอมพูดออกมา

ในตอนนั้นเองเสียงแจ้งเตือนของเครื่องติดตามก็ดังขึ้น จุดสัญญาณที่พวกเขาขับตามมาอยู่ห่างจากพวกเขาไม่เกิน 20 กิโลเมตรนี่เอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด