ตอนที่แล้ว271 - ลูกศรสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป273 - มากันแล้ว

272 - ช่วยชีวิต


272 - ช่วยชีวิต

ศิษย์ชายจากนิกายนิกายปราชญ์ดูเหมือนจะตระหนักว่าเขาถูกลากโดยเอี้ยนลี่เฉียง เขาลืมตาขึ้นเหลือบมองเอี้ยนลี่เฉียงแล้วพูดตะกุกตะกักด้วยเสียงแหบแห้ง

“เจ้าช่วยข้าไม่ได้พิษแล่นถึงหัวใจแล้ว… ศิษย์น้องของข้ายังคงมีโอกาสรอดอยู่… มียาอยู่ในขวดสีขาวอยู่ในอกเสื้อของข้าเจ้าโปรดช่วยเหลือนางด้วย…”

หลังจากที่เขาพูดจบ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ร่างกายของเขาแข็งทื่อทันที

ชีวิตนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็เปราะบางเช่นกัน เมื่อมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญหนุ่มที่ทำให้เขาประหลาดใจก่อนหน้านี้ได้ตายไปต่อหน้าต่อตา เอี้ยนลี่เฉียงก็อดที่จะเศร้าโศกไม่ได้

จนถึงเวลานี้เอี้ยนลี่เฉียงไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของศิษย์ผู้นี้จากนิกายปราชญ์ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของเขาจะเหนือกว่าเอี้ยนลี่เฉียงมาก

เขาอาจจะเป็นปรมาจารย์นักรบหรือเหนือกว่านั้นด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่สามารถรับคำว่าอัจฉริยะที่บิดเบือนสวรรค์ได้อย่างไม่เคอะเขิน

ถึงกระนั้นคนที่มีอนาคตรุ่งโรจน์ถึงขนาดนี้กลับมาตายอยู่ในทะเลทรายอันรกร้าง เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกเสียใจอย่างแท้จริงกับการสูญเสียของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่

เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกขัดแย้งเพราะฉากนี้ทำให้เขานึกถึง 'ความตาย' ก่อนหน้านี้ของเขา มันมาอย่างกระทันหันเกินไป ชีวิตและความตายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างพวกเขาคือเอี้ยนลี่เฉียงมีโอกาสอีกครั้งที่จะ 'เริ่มต้นใหม่' อย่างไรก็ตามศิษย์ผู้นี้จากนิกายนิกายปราชญ์ได้หายไปแล้วจริงๆ

ทว่าสถานการณ์ก่อนหน้าเขาในตอนนี้บ่งบอกว่าไม่ใช่เวลาและสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับแสดงความเศร้าโศก ถิ่นทุรกันดารไม่มีร่องรอยของการอยู่อาศัยของมนุษย์และกลุ่มชนสามารถมาถึงได้ตลอดเวลา

ตามคำแนะนำของศิษย์ชายจากนิกายปราชญ์ เอี้ยนลี่เฉียงคลำไปรอบๆลำตัวท่อนบนและเอวของเขาครู่หนึ่ง ตามที่คาดไว้เขาพบถุงยาอยู่ที่เอวมีขวดสองสามขวดอยู่ในถุงใบนั้น

เอี้ยนลี่เฉียงจับขวดยาขึ้นมา มองกลุ่มควันสีเขียวสีเขียวที่อยู่ด้านข้างอีกครั้ง แม้ว่ากลุ่มควันจะเบาบางลงแล้ว แต่ก็ยังไม่กระจายไปจนหมด

เอี้ยนลี่เฉียงมองดูอย่างระมัดระวังมากขึ้น และตระหนักว่ากลุ่มควันพวกนั้นกำลังลอยอยู่เหนืออากาศสองจ้าง หากเขาใช้ความระมัดระวังเขาสามารถช่วยเหลือหญิงสาวคนนั้นได้

เมื่อเห็นเช่นนี้เอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่เสียเวลาและรีบวิ่งไปที่ศพของนักรบชาตูที่อยู่ข้างๆ เอี้ยนลี่เฉียงเฉือนเศษผ้าออกจากแขนเสื้อของเขา

จากนั้นเขาหยิบถุงน้ำที่ห้อยอยู่บนเอวของศพนั้น เขาเทน้ำลงบนผ้าเพื่อให้เปียกแล้วใช้เป็นหน้ากาก เขาคลุมใบหน้าของเขาด้วยผ้าก่อนจะคลานไปที่พื้นเพื่อไปให้ถึงตัวของหญิงสาวนิกายปราชญ์

เอี้ยนลี่เฉียงใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการคลานไปข้างหน้าโดยให้ใบหน้าแนบกับพื้นในขณะที่เขาหายใจอย่างระมัดระวังพร้อมกับตรวจดูสภาพร่างกายของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

เขาจะหยุดการช่วยเหลือทันทีหากพบความผิดปกติขึ้นกับตัวเอง เพราะมันคงจะเลวร้ายมากหากเขาถูกพิษในเวลาเช่นนี้

มันจะไม่มีบุคคลที่สี่มาช่วยเขา โอกาสที่ชาวชาตูจะมาที่นี่อีกครั้งมีโอกาสสูงมาก

อากาศที่เขาสูดเข้าไปผ่านผ้าเปียกนั้นมีกลิ่นที่หอมหวานไม่ชัดเจนแต่น่าขยะแขยง อย่างไรก็ตามเขาสามารถทนกลิ่นพวกนี้ได้

กลิ่นทำให้ลิ้นของเอี้ยนลี่เฉียงเริ่มชาเล็กน้อยราวกับว่าเขาเพิ่งเคี้ยวพริกไทยระหว่างมื้ออาหาร หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเอี้ยนลี่เฉียงจึงหยุดความเคลื่อนไหวทันที

หลังจากนั้นสักครู่อาการชาของเขาก็ค่อยๆหมดไป เมื่อร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้วเขาก็คลานเข้าไปต่อเพื่อช่วยเหลือศิษย์หญิงของนิกายปราชญ์

เมื่อเขาไปถึงหญิงสาวคนนั้นดวงตาของนางก็ปิดสนิทแล้วใบหน้าที่งดงามของนางค่อนข้างซีดและมีเส้นสีเขียวปรากฏขึ้นระหว่างคิ้ว

เส้นสีเขียวดูเหมือนมีชีวิต มันค่อยๆเติบโตและกระจายออกไป ราวกับว่ามันจะแบ่งตัวเองออกเป็นสองส่วน...

เอี้ยนลี่เฉียงไม่กล้าที่จะเสียเวลาใดๆ เขาคว้าแขนของหญิงสาวและเริ่มคลานขณะลากนางไปตามพื้นจนออกห่างไกลจากกลุ่มควัน

โชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ตัวหนักขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงสามารถลากนางออกจากกลุ่มควันได้อย่างรวดเร็ว

เอี้ยนลี่เฉียงพยุงหญิงสาวคนนั้นให้นอนอยู่ที่ต้นขาของเขา เขาเปิดขวดยาสีขาว ก่อนจะยัดเม็ดยาสองเม็ดเข้าไปในปากของหญิงสาว จากนั้นเขาก็ยกคางของนางขึ้นเพื่อให้ยาสามารถเลื่อนลงมาที่ท้องของนางได้

หลังจากทำทุกอย่างแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็วางนางลงบนพื้นอีกครั้งและตรวจดูนางอย่างจริงจังครู่หนึ่ง

มีบางสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ไม่นานหลังจากที่เม็ดยาไปถึงท้องของหญิงสาวคนนั้น เอี้ยนลี่เฉียงก็สังเกตเห็นว่าเส้นเขียวๆที่อยู่หว่างคิ้วของหญิงสาวเริ่มหายไป

เอี้ยนลี่เฉียงหยุดกังวลทันที

“ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครเคลื่อนไหวได้ ข้าก็ต้องจัดการสนามรบด้วยตัวเอง! จากที่ดูแล้วชายชราชาตูไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นนักบวชบางประเภท เขาต้องซุกซ่อนสมบัติล้ำค่าไว้แน่นอน!”

เอี้ยนลี่เฉียงยืนขึ้นและพึมพำกับตัวเอง โดยปราศจากภาระทางจิตใจ เขาวิ่งไปหาชายชราชาตูที่เขาฆ่าไปก่อนหน้านี้

ในช่วงเวลาเช่นนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาคือการทำความสะอาดสนามรบ เขาไม่ได้คิดที่จะเก็บทุกอย่างไว้ด้วยตัวคนเดียวเช่นกัน ในตอนที่หญิงสาวตื่นขึ้นพวกเขาจะแบ่งสินสงครามออกเป็นสองส่วน

ชายชราชาตูไม่สามารถตายได้มากกว่านี้ ไม่เพียงเท่านั้น เขาเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง ลูกธนูลูกแรกของเอี้ยนลี่เฉียงพุ่งทะลุศีรษะของเขา ลูกศรที่สองของเขาแทงหัวใจของเขา ตอกศพของเขาลงกับพื้น

ความตายอันน่าสยดสยองของชายชราที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพอันยิ่งใหญ่ ในเวลานี้สภาพของเขาไม่แตกต่างจากมูลโคกองหนึ่ง

เมื่อรู้ว่าชายชราคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย เอี้ยนลี่เฉียงก็ละเว้นตัวเองจากการค้นหาศพของชายชราโดยตรงด้วแต่เขาหยิบดาบยาวขึ้นมาจากพื้น ผ่าเสื้อผ้าของชายชราออกอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่าชายชรามีสมบัติล้ำค่าอะไร

สิ่งที่ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงพูดไม่ออกก็คือชายชราคนนี้ไม่ได้พกอะไรติดตัวเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงถอดเสื้อชั้นในของชายชราด้วยดาบยาวเขาก็เห็นวัตถุกลมๆแปลกๆห้อยลงมาจากคอของชายชรา

วัตถุนั้นมีขนาดประมาณฝ่ามือ ดูเหมือนกระจกโบราณสีทองแดงทรงกลม เรียบง่าย แวววาว บนวัตถุมีวงแหวนจารึกที่งดงามแต่ลึกลับ ตรงกลางเป็นแกนสัตว์อสูรที่หายาก มีขนาดประมาณไข่นกกระทา

มันแตกต่างจากผลึกที่เอี้ยนลี่เฉียงเคยเห็นมาก่อน แกนอสูรหายากบนกระจกสีทองแดงได้ทื่อและสูญเสียความแวววาวไปแล้ว

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีรอยร้าวเล็กๆ บนวงแหวนและสูญเสียพลังปราณทางจิตวิญญาณไปนานแล้ว

เพียงแต่ว่าวัตถุที่พังไปแล้วชิ้นนี้สามารถอยู่กับชายชราชาตูที่มีฐานะสูงส่งมันคงไม่ใช่วัตถุธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงไม่ลังเลที่จะเอามันไปด้วย

ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงถือมันไว้ในมือ เขาก็ตระหนักว่าผลึกแกนอสูรที่หายากนั้นอุ่นขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มันก็เย็นลงอย่างรวดเร็ว

เป็นไปได้ไหมว่าวัตถุนี้เป็นยันต์วิญญาณที่ศิษย์จากนิกายปราชญ์กล่าวถึงก่อนหน้านี้?

เอี้ยนลี่เฉียงมองดูวัตถุนั้น ผลึกแกนกลางที่แตกร้าวและหมองคล้ำบนนั้นทำให้เอี้ยนลี่เฉียงนึกถึงบางสิ่งในทันที

ณ จุดนี้ กลุ่มควันพิษที่อยู่ไกลออกไปก็สลายไปหมดแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงรีบวิ่งไปที่ตะขาบขนาดใหญ่ที่ถูกแบ่งออกเป็นสองท่อนและแทงมันด้วยลูกศรอีกสองลูกเพื่อระงับความกลัวที่เขารู้สึกในใจ

หลังจากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ใช้ดาบของตัวเองสับร่างกายของตะขาบออกเป็นชิ้นชิ้น ก่อนที่ในที่สุดเขาจะค้นพบแกนอสูรของมันจริงๆ

เอี้ยนลี่เฉียงนำแกนอสูรนั้นติดตัวมาด้วย เมื่อเขากำลังจะไปปล้นต่อ เขาก็ได้ยินเสียงเบาๆจากด้านข้าง ทันทีที่เขาหันศีรษะไปเขาก็เห็นว่าหญิงสาวคนนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว

“ศิษย์พี่…!”

สาวกหญิงจากนิกายนิกายปราชญ์ร้องออกมาด้วยความเศร้าโศกขณะที่นางพยายามลุกขึ้นนั่ง นางเอนกายลงบนร่างของศิษย์ชายและเริ่มร้องไห้

เอี้ยนลี่เฉียงถอนหายใจและเดินไปหานาง

“แม่นางข้าเสียใจกับท่านด้วยแต่เราต้องไปแล้ว...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด