ตอนที่แล้วตอนที่ 232 ไฮดราเจ็ดเศียร ระดับ 7
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 234 วินาผู้น่ากลัว

ตอนที่ 233 จุดสัญญาณ


ตอนที่ 233 จุดสัญญาณ

หลังจากออกจากป่ามืดมาถึงระยะที่พวกเขาคิดว่าปลอดภัยแล้ว ไนเรลก็หยุดวิ่ง เขาโยนกัสทิ้งไปด้านข้าง ในตอนนั้นเองเมสันก็ถามมาถึงพอดี แต่เขากลับไม่เห็นอลัน แต่ไนเรลเชื่อว่าอีกไม่นานอลันคงตามมา

“ที่บอกมันหัวเดียวหมายความว่ายังไง” ไนเรลถามเมสันที่ตอนนี้กำลังหายใจเหนื่อยหอบ

“ไอ้หนูแกวิ่งเร็วไปแล้ว แฮก ๆ ที่ว่ามันแค่หัวเดียว เพราะมันมีถึง 7 หัว แล้วก็เกาะที่ฉันอยู่ในตอนแรกมันไม่ใช่เกาะมันคือตัวของไฮดราเจ็ดเศียร ลองดูภาพนี้เอา” เมสันฉายภาพที่ดูเหมือนจะถ่ายใต้น้ำให้กับไนเรลดู

ตอนแรกมันก็มีแต่โคลน แต่ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่ามีหัวที่เหมือนกับหัวงูที่ออกมาบนผิวน้ำต่างกันก็แค่มันมีดวงตาและทั้ง 6 หัวกำลังนอนหลับอยู่

“หัวที่พวกเราเห็นล่าสุดเป็นหัวที่มันพึ่งงอกมันจึงไม่มีตา ส่วนหัวอื่น ๆ มันนอนหลับอยู่ ดังนั้นหัวที่งอกออกมาใหม่จึงไม่ได้ตามเรามาเพราะมันควบคุมร่างกายไม่ได้นอกจากหัวตัวเอง”

“แล้วคุณไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง”

“ตาแก่จะไปรู้ได้ยังไง ตอนที่ถูกส่งข้ามประตูมาก็มาโผล่อยู่ที่นี่แล้ว ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่”

“เด็กนั้นเก็บของสิ่งนี่ได้จากที่นี่” ไนเรลชี้ไปยังอลันที่วิ่งมาถึงพอดี

อลันเหมือนกับคนหายใจไม่ทัน เขาเร่งความเร็วสุดขีดจนใบหน้านั้นซีดขาวกล้ามเนื้อสั่นกระตุกกึ่งเป็นผลมาจากการใช้พลังที่มากเกินไป

ตอนนี้กัสเองก็ตื่นแล้ว จึงเดินเช้าไปดูอลันที่นอนไม่มีแรงอยู่กับพื้น แม้กัสจะรู้ว่าอลันไม่ชอบมัน แต่มันก็ควรจะแสดงความมีน้ำใจเพราะมันคิดว่าอลันอาจจะกลายมาเป็นผู้ติดตามของไนเรลเหมือนที่มันเป็นอยู่ แต่แน่นอนว่าไนเรลไม่คิดเรื่องดึงอลันมาเป็นผู้ติดตามเพราะทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง

“ถ้างั้นเครื่องติดตามที่ฉันสร้างก็สามารถใช้งานได้ดี” หยิบอุปกรณ์ที่รูปร่างเหมือนลูกบอลออกมา มันมีสัญญาณไฟกะพริบอยู่หลายจุดในหน้าจอ

“เครื่องติดตาม”

“ใช่จุดพวกนี้คือสัญญาณที่มันสัมผัสได้จากอุปกรณ์สื่อสารของสมาพันธ์นักล่า มันยังไม่สมบูรณ์มากนักคงต้องหาจูเรียให้เจอแล้วให้เธอช่วย” เมสันอธิบายให้ไนเรลฟัง

ก่อนจะถามต่อ “ไอ้หนู นายสังเกตไหม ว่าโลกใบนี้มันไม่เหมือนกับที่เราจากมา”

ไนเรลได้ยินดังนั้นก็เงียบไป ก่อนจะกล่าว “อาจจะจากมา หรือคือโลกใบเดิมก็ได้”

เมสันมองไปที่ไนเรล ชายแก่ไม่รู้ว่าที่ไนเรลพูดหมายความว่ายังไง แต่มันต้องไม่ใช่ความหมายเดียวกับของเขาอย่างแน่นอน ตอนนี้เมสันมั่นใจว่าโลกใบนี้คืออีกโลก และก็รู้ว่าไนเรลก็รู้เช่นกัน

“ผมว่าเราควรจะไปหาคนอื่น ๆ ให้ครบ คุณบอกว่าเครื่องนี่ตามหาคนอื่น ๆ ได้ใช่ไหม”

“ทั้งใช่และไม่ใช่ ใช่คือหาได้เฉพาะคนที่มีอุปกรณ์สื่อสารกับตัว และระยะทางมันก็จำกัด ส่วนที่ไม่ใช่คือมันอาจจะไปเจอกับอุปกรณ์สื่อสารที่บังเอิญไปตกอยู่แถวนั้นแทน”

“เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เราก็หามันทีละจุดไป”

“งั้นก็ตามนั้น”

พวกเขาเริ่มออกเดินทางกันทันทีที่ทุกอย่างพร้อมแล้ว จุดแรกที่ไนเรลต้องไปห่างออกไปถึง 10,000 กิโลเมตรทางเหนือของดินแดนไร้ขอบเขตโรเลน่า มันอยู่เยื้องออกไปพอสมควรจากทิศทางของเผ่าสิงโตทองคำ จากความทรงจำของเขาทั้งสองชีวิต ไม่เคยมาที่ทวีปแห่งนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันมากนัก โชคยังดีที่เมสันนั้นเป็นพวกที่มักจะเดินทางบ่อย ๆ เพราะเขาต้องหนีการจับกุมในหลาย ๆ ประเทศของทวีปเทียลันน่า

“ฉันต้องตามหาเครื่องส่งสัญญาณระยะไกลของทวีปนี้ให้เจอ”

“คุณมีวิธีค้นหามันใช่ไหม”

“พอทำได้จากอุปกรณ์สื่อสารของเด็กคนนั้น” เมสันชี้ไปที่อุปกรณ์สื่อสารบนแขนของอลัน

อุปกรณ์สื่อสารของสมาพันธ์นักล่าและของอลันนั้นมีความแตกต่างกันใบบางจุด เนื่องจากอุปกรณ์ของสมาพันธ์นักล่าส่วนใหญ่สร้างขึ้นมาจากคำบอกของไนเรล และเมสันกับจูเรียทั้งสองช่วยกันออกแบบขึ้นมาใหม่ แต่ของอลันนั้นจะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาอย่างยาวนานทำให้หลาย ๆ อย่างไม่ตรงกับของเมสันและรวมทั้งตัวรับและส่งสัญญาณ

หลังจากดินทางกันทั้งวัน มันก็ถึงเวลาหยุดพัก เพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจจะฝืนร่างกายเหมือนกับเครื่องจักรได้ ไนเรลและแมสันนั้นยังพอว่า แต่กับกัสและอลันนั้นทั้งสองเหนื่อยกันเป็นอย่างยิ่ง

ไนเรลเรียกอลันเข้ามาคุยกับเมสันเรื่องจะขอยืมอุปกรณ์สื่อสารของเด็กหนุ่มซึ่งอลันก็ตกลงให้ยืม อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่ของมีค่าอะไร ส่วนใหญ่แล้วมันแทบจะหาได้อย่างง่ายดายตามแหล่งที่คนไปรวมตัวกันด้วยซ้ำ

และที่ของเหล่านี้ไม่ได้มีค่ามากนักก็เพราะมันมีจำนวนมากกว่าที่คนจะใช้ ในช่วง 100 ปีก่อนของพวกนี้ถือว่ามีกันทุกคน และพอซอมบี้เข้าโจมตีทีก็มคนตายมากกว่าพวกที่รอด พอหลังจากนั้นพวกเขาฆ่าซอมบี้ได้ก็มีอุปกรณ์สื่อสารแบบนี้จำนวนมากถูกเก็บมาด้วย ถ้าอันไหนเข้ารหัสไว้เงิน G ก็จะหายไปด้วย

ส่วนในเรื่องของเครื่องส่งสัญญาณอลันไม่รู้ แต่เท่าที่เด็กหนุ่มรู้ในทุก ๆ ที่ของดินแดนไร้ขอบเขตโรเลน่ามีสัญญาณเกินกว่า 50% ทั่วทั้งทวีปโดยเฉพาะดินแดนทางเหนือ

“คุณลองย้อนสัญญาณเป็นยังไงบ้าง”

“ฉันสามารถอาศัยสัญญาณพวกนี้ในการตามหาอุปกรณ์ของสมาพันธ์ได้เท่านั้น แต่ทำได้เพียงระบุตำแหน่งของมันแบบคร่าว ๆ ถ้าทำมากกว่านี้สิ่งที่ควบคุมพวกนี้จะตัดสัญญาณของพวกเราออก แต่ยังมีข่าวดี”

“ข่าวดี?”

“ใช่จุดสัญญาณที่เรากำลังมุ่งหน้าไปหานั้นกำลังเคลื่อนที่มาหาเราเช่นกัน ซึ่งระบุได้ว่ามีใครสักคนถือมันอยู่”

ไนเรลรู้ว่าที่เมสันหมายถึงนั้นคืออะไร มันอาจจะเป็นใครก็ได้ “ติดต่อไปได้ไหม”

เมสันส่ายหัว...

............

พวกเขายังคงมุ่งหน้าไปต่อมันใช้เวลามากพอสมควรในระหว่างนั้น ไนเรลก็จัดการฆ่าสัตว์กลายพันธุ์อย่างกิ้งก่าทะเลทรายระดับ 5 ไปสามตัวหนึ่งในสามให้คริสตัลพลังงานระดับ 4 ไนเรลยกมันให้กับเมสัน เพราะด้วยระดับของเขามันไม่มีผลอะไรมากนัก

ซึ่งหลังจากเมสันกินเข้าไปพลังงานในร่างของเขาก็เติมเต็มอย่างรวดเร็ว

แต่ที่พวกเขาต้องแปลกใจมากขึ้น ก็เพราะมีซอมบี้จำนวนมากเดินเพ่นพ่านทั่วไปหมด

และแล้วในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาจนถึงที่สัญญาณจับได้ มันอยู่ห่างไม่เกิน 100 กิโลเมตร เบื้องหน้าของไนเรลตอนนี้มันคือซากเมืองร้างที่บางส่วนจนลงในทราย

“ที่นี่คือเขตของเผ่าใหญ่ศิลาทองคำ หนึ่งในเจ็ดเผ่าที่มีแหล่งน้ำและกลุ่มคนรวมตัวกันมากที่สุด” อลันบอกกับไนเรล

“แบบนี้ไม่ดีแน่”

“หมายความว่ายังไง” เมสันถามด้วยความสงสัย

“ครั้งก่อนที่ไปเผ่าใหญ่พวกมันถูกควบคุมโดยซอมบี้ซึ่งถ้าเดาไม่ผลิตเผ่าศิลาทองคำหรือเผ่าใหญ่อื่น ๆ พวกนั้นก็ร่วมมือกับพวกซอมบี้สติปัญญา และจากที่สังเกตดูระหว่างทางที่เราเจอซอมบี้ในระหว่างทางจำนวนมาก นั้นหมายความว่าเผ่าศิลาทองคำคงเกิดการปะทุของซอมบี้แล้ว” ไนเรลอธิบายให้เมสันฟัง

“ถ้างั้นก็ไม่ดีแน่ ๆ เพราะสัญญาณของคนที่ถืออุปกรณ์สื่อสารของสมาพันธ์นักล่าหยุดเคลื่อนที่มาสักพักแล้ว”

“ไปดูก่อนว่าใช่คนของเราหรือเปล่า” ไนเรล เมสัน กัสและอลันมุ่งหน้าไปยังจุดที่สัญญาณหยุดนิ่งกันทันที

............

ภายในเมืองร้าง ตึกขนาดใหญ่สูง 200 ชั้นที่เคยเป็นความภาคภูมิใจของมนุษย์มาก่อนตอนนี้มันจมตอนนี้มันจมลงอยู่ในทะเลทราย ทำให้ด้านในเป็นเหมือนกับชั้นใต้ดินขนาดใหญ่

ภายในตึกมีกลุ่มคนที่วิ่งหนีซอมบี้ด้วยความกลัว ด้านหลังของพวกเขามีซอมบี้ทุกรูปแบบตั้งแต่ยังไม่กลายพันธุ์ไปจนถึงพวกระดับ 5

“แบบนี้เราตายแน่ ๆ เราต้องหาทางกลับขึ้นไปยังจุดที่ตกลงมา”

“จะให้ขึ้นไปยังไงวะ ด้านบนมีแต่ซอมบี้”

กลุ่มชายฉกรรจ์พูดออกมาด้วยความสิ้นหวัง ด้านหลังเขามีกลุ่มทาสที่ถูกจับตัวไว้กำลังนั่งลงด้วยความสั่นกลัวอยู่มุมห้อง

“บัดซบเอ๊ยถ้าไม่เพราะอีผู้หญิงนั้นเราคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้” ชายชุดสีเขียวพูดจบก็เดินเข้าไปตบใบหน้าของหญิงสาวด้วยความเดือดดาล แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกอะไร แววตาของเธอมองคนพวกนี้ราวกับคนที่ตายไปแล้ว

“เจ้าอยากให้ข้าควักลูกกระตาออกมาใช่ไหม” ชายชุดเขียวกำผมของหญิงสาวขึ้นมา แต่ในตอนนั้นเองก็มีมือเข้ามาจับแขนของชายชุดเขียวเอาไว้

“พอแล้ว แกไปเฝ้าทางเข้าไว้เดี๋ยวข้าคุยกับนางเอง”

“หึ ถือว่าหัวหน้าขอไว้ ไม่งั้นข้าจะขยี้มึงให้แหลกเลย” ชายชุดเขียวพูดจบก็เดินออกไป

ในตอนนั้นเองหญิงสาวก็พูดขึ้นมาว่า “นายจะตายกันหมด”

คนพวกนั้นพอได้ยินก็พากันขนลุกขึ้นมา คำพูดของหญิงสาวนั้นเป็นจริงเสมอ นั้นทำให้พวกเขากลัวและต่างก็โทษที่พวกเขาหนีซอมบี้เขามาติดอยู่ในนี้

หัวหน้าที่ชายชุดเขียวเรียกยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ กับหญิงสาวเผยให้เห็นคริสตัลสีน้ำเงินบนหน้าผาก ชายที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าจับไปที่ผมของหญิงสาวก่อนจะสูดดมมันด้วยความหื่นกระหายก่อนจะถามว่า

“ถึงเจ้าจะเห็นอนาคตได้แต่อย่าลืมว่าข้าก็ฆ่าเจ้าทิ้งได้ และไม่มีใครจะมาช่วยเจ้าได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเลิกเล่นลิ้นแล้วบอกมาได้แล้วว่าทางออกที่ปลอดภัยอยู่ทางไหน”

“ข้างบน” หญิงสาวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ปกติ แม้ว่าคนพวกนี้จะโหดร้าย แต่อันที่จริงมันก็ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่เธอเคยเจอมา ดังนั้นยิ่งคนพวกนี้ขู่เธอเท่าไหร่เธอก็ยิ่งมองพวกเขาเหมือนคนปัญญาอ่อน

ถ้าไม่ใช้เพราะว่าหลังจากเคลื่อนย้ายผ่านประตูมาแล้ว เธอมาโผล่อยู่ที่กรงขังของคนพวกนี้ วินาไม่มีทางที่จะถูกจับได้ เธอมีความสามารถในการพยากรณ์ แต่บางสิ่งมันก็หลีกหนีไม่ได้ เพราะเธอเห็นแต่ไม่ได้ควบคุมมัน แต่เธอยังสามารถไปอยู่ในจุด ๆ ที่ต้องการได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด