ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1411 ภูตราชสีห์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1413 วิญญาณอมตะกลายพันธุ์ (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1412 นางรำหงหยุน (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1412 นางรำหงหยุน (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT  

เมฆสีแดงกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า

“ทะเลทรายผีเขียวอยู่ข้างหน้า” นางรำหงหยุนนอนปิดเปลือกตาอยู่บนก้อนเมฆสีแดงอย่างผ่อนคลาย

นางมีรูปร่างที่ทรงเสน่ห์ นางอยู่ในชุดนางรำสีแดงที่เผยให้เห็นหน้าท้อง

มีกำไลหยกสีทองอยู่ที่ข้อมือและข้อเท้าของนาง

บนนิ้วของนางมีแหวนที่ประดับด้วยเพชรพลอยหลากหลายสีสัน

นางมีดวงตาลึก คิ้วหนาและยาว ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางอยู่ใต้ผ้าคลุมโปรงแสง จมูกและริมฝีปากของนางซ่อนอยู่หลังม่านและทำให้ผู้คนรู้สึกต้องการสำรวจสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังม่านนั้น

นางรำหงหยุนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นปีศาจอมตะที่ท่องเที่ยวไปทั่วทะเลทรายตะวันตก แต่โชคร้ายที่นางล้อเล่นกับผู้อมตะระดับแปดฝ่ายธรรมะและตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ในเวลานั้นบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้ช่วยชีวิตนางไว้

ด้วยวิธีนี้นางรำหงหยุนจึงกลายเป็นหนึ่งในนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

แต่น่าเสียดายที่นางไม่ใช่หญิงประเภทที่เขาชื่นชอบ แม้นางจะงดงามและเย้ายวนใจ แต่สถานะของนางยังต่ำกว่าเทพธิดาซุ้ยป๋อ

ลมพัดผ่านใบหูของนาง เมฆสีแดงเหมือนปุยนุ่นที่สะดวกสบาย

มันคือท่าไม้ตายอมตะที่เป็นเอกลักษณ์ของนาง เมฆาแดงเริงระบำ

แม้นางจะไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเทพธิดาซุ้ยป๋อและยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่ตอนนี้เทพธิดาซุ้ยป๋อกำลังมีปัญหา นางรำหงหยุนยังต้องออกมาช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋ออย่างรวดเร็วที่สุด

แน่นอนว่านางไม่เต็มใจ แต่มันเป็นคำสั่งของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

สิ่งสำคัญก็คือเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงยังเฝ้ามองนางอยู่

ด้วยวิธีนี้นางรำหงหยุนจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋อ

เมฆสีแดงเดินทางไปถึงทะเลทรายผีเขียวขณะที่เมฆสีดำเริ่มปรากฎขึ้น

แสงอาทิตย์แทบไม่สามารถสาดส่องลงมายังทะเลทรายผีเขียว มันดูค่อนข้างมืดครึ้ม

มีต้นไม้มากมายอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้

ต้นภูตผีร่ำไห้มีรูปร่างบิดเบี้ยวและเปลือกไม้ที่ดูคล้ายใบหน้ามนุษย์ที่กำลังร้องไห้

ทุกครั้งที่ลมพัดผ่าน ต้นไม้เหล่านี้จะส่งเสียงโหยหวนออกมา

แม้แต่ตอนกลางวัน สถานที่แห่งนี้ก็ยังหนาวเย็นและมืดมิด เมื่อถึงเวลากลางคืน สายลมอันหนาวเหน็บจะพัดมาราวกับภูตผีจำนวนนับไม่ถ้วน

นางรำหงหยุนที่อยู่บนก้อนเมฆสีแดงเคลื่อนผ่านเมฆสีดำด้วยความรู้สึกกดดัน

นางไม่ผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป

ทะเลทรายผีเขียวเป็นสถานที่อันตรายของทะเลทรายตะวันตก

มันเกี่ยวข้องกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ก่อนที่เทพปีศาจจิตวิญญาณจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า เขาต่อสู้กับกลุ่มผู้อมตะที่นี่และสามารถสังหารผู้อมตะทั้งหมด

ผลพวงของการต่อสู้ทำให้เกิดเป็นทะเลทรายผีเขียว

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธของผู้แพ้ พวกเขารู้สึกโศกเศร้าต่อชะตากรรมอันน่าสยดสยองของตนเอง

มีอสูรวิญญาณจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่ กระทั่งอสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรแรกกำเนิดก็ยังหาได้ไม่ยาก

หลังจากหนึ่งแสนปีมีผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกจำนวนมากเสียชีวิตลงที่นี่

นางรำหงหยุนกล้ามาที่นี่ไม่ใช่เพราะการบ่มเพาะระดับเจ็ดของนาง แต่มันเป็นเพราะเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและวิญญาณอมตะระดับแปดที่อยู่กับนาง

เมฆสีแดงยังบินไปข้างหน้า

“อะวู้...”

เสียงโหยหวนราวเสียงร้องของหมาป่าดังขึ้น อสูรวิญญาณขนาดเท่าเนินเขาปรากฏต่อหน้านางรำหงหยุน

มันคืออสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรบรรพกาล มันคิดว่านางรำหงหยุนเป็นเหยื่อ

รูม่านตาของนางรำหงหยุนหดเล็กลง นางกัดฟันและกำลังจะเข้าสู่การต่อสู้

แต่ในจังหวะนี้เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกลับส่งเสียงออกมา “ให้ข้าจัดการมัน หงหยุนเดินทางต่อไป”

นางรำหงหยุนดีใจมาก นางทำตามอย่างเชื่อฟัง

เมฆสีแดงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยไม่เปลี่ยนทิศทาง

วิญญาณอมตะระดับแปดถูกกระตุ้นใช้งานและส่งคลื่นพลังงานลึกลับไปยังอสูรวิญญาณบรรพกาลตัวนั้น

อสูรวิญญาณบรรพกาลอ้าปากอยู่ด้านหน้านางรำหงหยุน แต่ในช่วงเวลาสำคัญการโจมตีของมันกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน

ต่อมาศีรษะของมันก็ระเบิดและมีวานรตัวหนึ่งกระโดดออกมา กรงเล็บของมันกลายเป็นเถาวัลย์ ขนของมันกลายเป็นหญ้า และยังมีจระเข้จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างกายของมัน

ร่างของอสูรวิญญาณถูกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า

‘น่าประทับใจนัก นี่คือพลังอำนาจของวิญญาณอมตะกลายพันธุ์ระดับแปดงั้นหรือ?’ นางรำหงหยุนตกตะลึง

อสูรวิญญาณบรรพกาลถูกฆ่าเหมือนไก่

มันง่ายเกินไป

นางรำหงหยุนรู้ว่าหากนางต่อสู้กับมัน นางต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อบังคับให้อสูรวิญญาณบรรพกาลตนนี้ล่าถอย หากโชคดี นางอาจสามารถสังหารมัน

เมื่ออสูรวิญญาณบรรพกาลตัวนี้ตาย อสูรวิญญาณบรรพกาลที่อยู่รอบๆก็ตื่นขึ้นและปรากฏตัวออกมา

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก่นเสียงเย้ยหยันก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับแปดออกไป

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้ อสูรวิญญาณบรรพกาลหลายตัวเร่งหลบหนี

แน่นอนว่าอสูรวิญญาณบรรพกาลบางส่วนยังพุ่งเข้าโจมตีนางรำหงหยุน

หลังจากทั้งหมดมันไม่ใช่กลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดแต่เป็นเพียงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับแปด

อสูรวิญญาณมีสติปัญญาไม่สูง ดังนั้นพวกมันจึงถูกสังหารไปในที่สุด

สัตว์ป่ามีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด หลังจากตระหนักถึงภัยคุกคามร้ายแรง พวกมันจึงเลือกที่จะล่าถอย

“โฮก...”

อย่างไรก็ตามเพียงเมื่อนางรำหงหยุนผ่อนคลายจิตใจลง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังเข้าหูของนางอีกครั้ง

สิงโตตัวใหญ่ที่มีปีกสีเทาขาวพุ่งเข้าโจมตีนาง

เห็นสิ่งนี้ หัวใจของนางรำหงหยุนสั่นสะท้านขึ้น นางตะโกน “โอ้ ไม่ นี่คือสัตว์อสูรแรกกำเนิด ภูตราชสีห์!”