ตอนที่แล้วบทที่ 5 อุบัติเหตุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 คำถามจากสังคม

บทที่ 6 ต้องห้าม


บทที่ 6 ต้องห้าม

การเสียชีวิตของหลิวเจียซิ่ง ทำให้เบาะแสเดียวของคดีถูกตัดตอน คดีที่ไม่คืบหน้าแต่เดิมเลยหยุดอยู่กับที่

หลังจากออกจากโรงพยาบาลกลับไปที่สถานีตำรวจ พวกเย่ปินทั้งสามคนกลับไปนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองโดยไม่พูดอะไรกัน

“หัวหน้าเย่ รายงานชันสูตรออกมาแล้ว” ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของเย่ปินอย่างรวดเร็ว แล้วส่งเอกสารปึกหนึ่งให้เย่ปิน

แต่ตอนนี้เย่ปินกำลังนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะอยู่ด้วยสภาพสับสนงุนงง จนไม่ทันสังเกตว่ามีตำรวจเข้ามาในห้องทำงาน

“หัวหน้าเย่!” ตำรวจคนนั้นส่งเสียงเรียกดังขึ้นอีกเล็กน้อย

“หือ?” พอตำรวจคนนั้นส่งเสียงดังขึ้น ในที่สุดเย่ปินก็สังเกตเห็นเขา เย่ปินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย “ว่าไง? มีอะไรเหรอ?”

“หัวหน้าเย่ นี่คือรายงานชันสูตรศพของเด็กเมื่อเช้า” ตำรวจคนนั้นพูดพร้อมกับยื่นปึกเอกสารให้กับเย่ปินอีกครั้ง

เย่ปินพยักหน้า พร้อมกับรับเอกสารรายงานการชันสูตร แล้วเปิดออกตรวจสอบอย่างละเอียด “เวลาตายคือ 24 นาฬิกา สาเหตุการตายคือถูกเชือกรัดคอจนขาดอากาศหายใจ” เย่ปินพึมพำและมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

จากผลการตรวจสอบในรายงานการชันสูตร สาเหตุการเสียชีวิตของเด็กหนุ่มไม่มีปัจจัยอื่นเจือปนอยู่เลย มีเพียงการขาดอากาศหายใจจากการถูกเชือกรัดคอเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากการชันสูตร ก็ยิ่งยืนยันได้ว่าเวลาตายของเด็กหนุ่มอยู่ที่ประมาณ 24 นาฬิกา ซึ่งทำให้คดีนี้กลายเป็นคดีที่ประหลาดมาก

เย่ปินวางรายงานการชันสูตรลงบนโต๊ะ แล้วเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะเอาสองมือกุมหัวตกอยู่ในสภาวะครุ่นคิด

“จากเวลา 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน มีเวลาเพียง 1 ชั่วโมง คนร้ายรีบออกจากบ้านของเด็กไปยังสวนสนุกร้าง แล้วฆ่าเด็กอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็แขวนศพไว้ใต้กระเช้าที่อยู่บนสุดของชิงช้าสวรรค์ เรื่องแบบนี้มนุษย์สามารถทำได้จริงๆหรือ?”

เย่ปินกำลังคิดถึงวิธีการที่ ‘ฆาตกร’ ใช้ก่ออาชญากรรม แต่ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะสามารถกระทำได้

“คุณช่วยไปตามจางหลานกับเฉินฮุ่ยให้มาที่ห้องทำงานของผมที”

“ครับ”

หลังจากตำรวจคนนั้นออกไปไม่นาน จางหลานกับเฉินฮุ่ยก็เข้ามาในห้องทำงานของเย่ปิน

“มีอะไร? นายพบเบาะแสแล้วเหรอ?” เมื่อได้ยินว่าเย่ปินตามตนเองมาพบ จางหลานก็คิดว่าเย่ปินได้ค้นพบเบาะแสบางอย่างแล้ว

เย่ปินส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่รายงานการชันสูตรบนโต๊ะ “ดูรายงานการชันสูตรนั่นก่อนเถอะ”

พอได้ยินดังนั้น จางหลานกับเฉินฮุ่ยก็ไม่ถามอะไรมาก หยิบรายงานการชันสูตรขึ้นมาตรวจสอบด้วยตัวเอง

“มันสอดคล้องกับสิ่งที่เราคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้” หลังจากทั้งคู่อ่านรายงานการชันสูตรแล้ว จางหลานก็มองเย่ปินแล้วพูดขึ้น

“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ต้องเผชิญกับคำถามใหญ่ ว่าใครคือคนร้าย แล้วมันใช้วิธีไหนในการฆ่าแล้วนำศพไปแขวนไว้ใต้กระเช้าด้านบนสุดของชิงช้าสวรรค์ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้?” เฉินฮุ่ยกล่าวปมปัญหาสำคัญของคดี

“คดีนี้ไม่สามารถสืบสวนตามสามัญสำนึกได้อีกต่อไป การเสียชีวิตโดยบังเอิญของหัวหน้าเหล่าหวังกับการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุของหลิวเจียซิ่ง ควบคู่ไปกับวิธีการตายที่แปลกประหลาดของเด็กคนนี้ ฉันเกรงว่าเบื้องหลังของคดีนี้คงจะเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่อยู่นอกเหนือความรู้และความเข้าใจของเรา”

แต่เดิมเย่ปินไม่เชื่อในทฤษฎีเรื่องผี อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆที่เขาได้พบ มันก็ยากจะอธิบายด้วยสามัญสำนึก จนกระทั่งเย่ปินสงสัยว่าในโลกนี้มีการดำรงอยู่ของสิ่งที่น่ากลัวและไม่เป็นที่รู้จักจริงๆด้วยหรือ?

จางหลานกับเฉินฮุ่ยเห็นด้วยกับคำพูดของเย่ปิน

“แล้วตอนนี้เราควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี? เด็กที่หายไปก่อนหน้าก็ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความตื่นตระหนก ตอนนี้เด็กอีกคนยังถูกฆ่าด้วยวิธีการที่น่าประหลาด หากข่าวแพร่ออกไป สังคมจะต้องตื่นตระหนกเป็นแน่!”

“การตายของเด็กคนนี้รู้เฉพาะพ่อแม่ของเด็กกับพยานผู้พบศพเท่านั้น นอกนั้นก็เป็นคนของเรา ก่อนหน้านี้ผมมีคำสั่งให้ปิดข่าวแล้ว แม้ตอนนี้จะปิดข่าวได้ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะปิดเรื่องนี้ได้ตลอดไป”

สำหรับความกังวลของเฉินฮุ่ยนั้น เย่ปินได้วางแผนรับมือไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

“ไม่ว่าคนร้ายในคดีนี้จะเป็นคนหรือผี เราก็ต้องสืบให้รู้ให้ได้ ไม่ใช่เฉพาะเพื่อพ่อแม่ของเด็กสองคนนั้น แต่เพื่อตัวเราเองด้วย คดีนี้มีผลกระทบที่หนักหนาสาหัสเกินไป หากเราหาตัวคนร้ายไม่เจอ สถานีตำรวจของเราจะต้องเผชิญกับการสอบสวนจากสังคม” จางหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด แล้วครุ่นคิดถึงวิธีแก้ปัญหา

เย่ปินกับเฉินฮุ่ยก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน ทั้งคู่กำลังคิดหาวิธีไขคดี เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ขัดต่อสามัญสำนึกและเกินกว่าความเข้าใจ จนคนทั้งสามไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน

ทั้งสามคนยืนหันหน้าเข้าหากัน แล้วมองหน้ากัน หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน จางหลานก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ

“เราต้องจ้างนักพรต(นักบวชลัทธิเต๋า)!”

“นักพรต? จะไปหาจากไหน? เขาเอ่อเหม่ย (สำนักง่อไป๋)? เขาหวู่ตัง (สำนักบู๊ตึ้ง)? หรือว่าเขาคุนหลุน (สำนักคุนหลุน)?” เฉินฮุ่ยยิ้มขื่น

“นี่…” จางหลานอ้าปากพูดแล้วนิ่งเงียบไป โตมาถึงป่านนี้เขายังไม่เคยรู้จักนักพรตคนไหนมาก่อนเลย “คงต้องไปที่วัด แล้วมองหาเจ้าอาวาสที่ดูน่านับถือก่อนล่ะมั๊ง?” จางหลานให้คำแนะนำอีกครั้ง

“เจ้าอาวาส…” บนหัวของเฉินฮุ่ยมีเส้นดำ ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

“ไม่ดี คดีคราวนี้เป็นเหมือนเรื่องต้องห้าม ดูจากการตายของหัวหน้าเหล่าหวัง กับหลิวเจียซิ่ง ถ้าไปยุ่งกับคนอื่นๆอีก อาจจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น” สองวันที่ผ่านมา เย่ปินรู้สึกว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จะต้องประสบกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะสืบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์

“ถ้าเราไม่เอาคนอื่นมาเกี่ยวข้อง แล้วเราจะไขคดีได้ยังไง?” จางหลานผายมือออกอย่างหมดหนทาง

เย่ปินเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกสมองพองโต นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ปินรู้สึกว่า คดีนี้ยุ่งยากมาก และที่สำคัญที่สุดก็คือ ระดับความยุ่งยากของคดี เกินกว่าความสามารถของเขา

อย่างไรก็ตาม พวกเย่ปินทั้งสามคนยังคงไม่ยอมแพ้ในการสืบสวนคดีเหนือธรรมชาตินี้ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ได้รับก่อนหน้า ทำให้ทั้งสามคนระวังตัวมากยิ่งขึ้น

เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นได้รับความเดือดร้อน พวกเย่ปินทั้งสามคนจึงหยุดสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง แต่ถึงกระนั้นคนที่อ้างว่าเคยเห็นรถเมล์ผี ‘สาย 18’ ก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการถูกโคมไฟบนเพดานตกลงมาใส่ ขณะกำลังบอกเล่าเรื่อง รถเมล์ ‘สาย 18’ ให้พวกเย่ปินฟัง

“น่ารังเกียจจริงๆ!”

หลังจากกลับมาที่สถานี เย่ปินก็กระแทกกำปั้นลงกับโต๊ะ แม้คนทั้งสามจะพยายามสืบสวนอย่างระมัดระวังแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็คาดไม่ถึงว่า คนบริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีจะมาถูกฆ่าตายด้วย

“หัวหน้าเย่ หรือว่านี่จะเป็นคดีที่ไม่ควรสืบสวนต่อจริงๆ!” เมื่อเห็นความโกรธเกรี้ยวของเย่ปิน ในใจของจางหลานก็เศร้ามากเช่นกัน

“ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับรถเมล์ ‘สาย 18’ จะตายโดยไม่ตั้งใจราวกับว่าพวกเขาถูกสาป รถเมล์ ‘สาย 18’ นี้มีเบื้องหลังอย่างไรกันแน่” เฉินฮุ่ยถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า

เย่ปินกัดฟันแน่น แม้ว่าในใจจะยังมีไฟในการสืบคดี แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยมันออกมาได้

“ไอ้คนที่ซ่อนอยู่ในความมืด! ไม่ว่าแกจะเป็นคนหรือผี! ถ้าแกมีปัญหาก็ให้มาหาฉันนี่! บ้าเอ๊ย!” นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เย่ปินกลายเป็นตำรวจที่เขาโกรธจัดจนเสียศูนย์

“หัวหน้าเย่!” จางหลานกับเฉินฮุ่ยรีบก้าวออกไปหยุดการกระทำของเย่ปิน ก่อนที่เขาจะทำอะไรมากไปกว่านี้ เพราะทั้งคู่กลัวว่าเย่ปินจะพบกับอุบัติเหตุไม่คาดคิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด