ตอนที่แล้ว256 - เอี้ยนลี่เฉียงธนูมรณะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป258 - ปีศาจ

257 - ทำลายล้างทั้งหมด


257 - ทำลายล้างทั้งหมด

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด มันช่างโหดร้าย รุนแรง และตรงไปตรงมา...

เอี้ยนลี่เฉียงเห็นเหลียงอี้เจี๋ยขี่ม้าเข้ามาไกล้ ดาบยาวในมือของเขาราวกับมังกรที่ไม่มีใครหยุดยั้ง โจรวายุทมิฬทุกคนที่อยู่ใกล้ๆต่างถูกตัดศีรษะ เลือดสาดกระเซ็นไปทุกที่

เสียงร้องจากคนและม้าก็ดังก้องไปทั่วถิ่นทุรกันดาร แสงอาทิตย์อัสดงย้อมทุกอย่างเป็นสีแดงสดราวกับทะเลโลหิต

ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็เห็นเย่เทียนเฉิงและซุนปิงเฉิน ในขณะนี้เย่เทียนเฉิงอยู่ข้างซุนปิงเฉิน

พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนของผู้คุ้มกันที่ถือโล่ปกป้องพวกเขาและเหลียงอี้เจี๋ยทำหน้าที่สังหารพวกโจรที่อยู่บริเวณใกล้เคียง

ซุนปิงเฉินมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่เขามองดูสนามรบอย่างสงบ

เย่เทียนเฉิงดูเหมือนจะค่อนข้างหงุดหงิด เขากำลังดูสนามรบและดูเหมือนว่าเขาจะบอกซุนปิงเฉินบางอย่าง แต่ซุนปิงเฉินเพียงหันกลับมาและมองเขาอย่างเงียบๆ

โจรวายุทมิฬยังคงตกลงจากหลังมาอย่างต่อเนื่อง

ในทำนองเดียวกันทหารของซุนปิงเฉินก็เช่นเดียวกัน

ภายในกองทหารของซุนปิงเฉินนอกจากเอี้ยนลี่เฉียงและเหลียงอี้เจี๋ยที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษแล้ว ความแข็งแกร่งระหว่างทหารกับโจรวายุทมิฬนั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย

จำนวนของกลุ่มโจรวายุทมิฬที่เริ่มโจมตีนั้นมีมากกว่าสองร้อยคน แม้ว่าคันธนูงูเหลือมเขาในมือของเอี้ยนลี่เฉียงจะสังหารผู้คนไปมากมาย แต่ดาบในมือของเหลียงอี้เจี๋ยก็ดูจะไม่ด้อยกว่า

เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าซุนปิงเฉินจ้องมองมาที่เขา อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถถูกรบกวนได้ในขณะนี้ หากนี่ไม่ใช่เวลาที่จะใช้ความแข็งแกร่งของเขาให้ถึงขีดสุด แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่สมควร?

เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้เข้าสู่สนามรบโดยตรง เขาขี่ม้าอ้อมไปด้านนอกของสนามรบพร้อมกับยิงลูกศรใส่โจรอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เมื่อเขาเห็นโจรที่ยังไม่เสียชีวิตอยู่ใกล้ๆเขาก็จะไสม้าเข้าเหยียบพวกมันทันที

เอี้ยนลี่เฉียงถือได้ว่าสังหารผู้คนมากที่สุดในสนามรบวันนี้แล้ว ในใจของเขาไม่มีความรู้สึกผิดน่าจะน้อยมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระหายเลือดอย่างไม่หยุดยั้ง

โจรวายุทมิฬประมาณสิบคนพุ่งเข้าหาเอี้ยนลี่เฉียงพร้อมกันเพราะสัมผัสได้ถึงความอันตรายของเขา

เอี้ยนลี่เฉียงกระตุ้นม้าแรดของเขาออกไปด้านนอกเพื่อเว้นระยะห่างจากโจร จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เริ่มยิงธนูเข้าใส่กันอย่างรุนแรง

สัญชาตญาณอันเฉียบแหลมที่เขาพัฒนาขึ้นจากการฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นถูกยกระดับขึ้นอีกครั้งในสนามรบนี้ การปรับปรุงนี้ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงสัมผัสได้ว่าใครที่อยู่ในกลุ่มโจรกำลังเล็งลูกศรมาที่เขา

เขาขี่ม้าหลบลูกศรไปเรื่อยๆพร้อมกับยิงธนูออกไปสังหารภัยคุกคามทั้งหมด

ระหว่างการยิงกันไปกันมาอยู่ชั่วครู่ในที่สุดโจรที่ไล่ตามเอี้ยนลี่เฉียงก็ลดลงจนใกล้จะหมดแล้ว ทุกครั้งที่เอี้ยนลี่เฉียงยกคันธนู ขึ้นหนึ่งในผู้ไล่ตามของเขาจะตกลงจากหลังมาทันที

แน่นอนว่าด้วยการต่อสู้อันยาวนานขนาดนี้เขายังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย พละกำลังของเขายังไม่ลดลงซึ่งมันทำให้เขาสามารถสังหารได้อย่างต่อเนื่อง

เอี้ยนลี่เฉียงจมอยู่ในความสุขจากการสังหาร ในเวลานี้สมาธิและความจดจ่อของเขามุ่งไปที่ศัตรูอย่างเดียว เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าซุนปิงเฉินจะเป็นหรือตาย สิ่งที่เขาทำตอนนี้คือมุ่งหน้าสังหารศัตรูอยู่ถ่ายเดียวเท่านั้น

เอี้ยนลี่เฉียงเคลื่อนม้าแรดควบไปทางซ้ายและขวา เร่งความเร็วและช้าลงในบางครั้ง เมื่อรวมท่วงท่าเหล่านี้เข้าด้วยกัน ดูเหมือนว่าเขากำลังเต้นรำกับม้าแรดของเขา แสดงการร่ายรำแห่งความตายอันงดงาม

ในการเต้นรำแบบนี้ เอี้ยนลี่เฉียงสามารถหลบเลี่ยงลูกศรทั้งหมดที่พุ่งเข้าหาเขาได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับการเดินเล่นในสวน

เขาหมุนตัวไปรอบๆยกคันธนูขึ้นในมือ และยิงกลุ่มโจรวายุทมิฬที่ไล่ตามเขาทีละคน

เขามีความสามารถในการโจมตีเป้าหมายโดยที่เป้าหมายไม่สามารถแม้แต่จะไล่จับชายเสื้อของเขาได้ มันทำให้เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าที่ลงมาเยือนสนามรบแห่งนี้

ด้วยการยิงธนูของเอี้ยนลี่เฉียงและการรับรู้อันยอดเยี่ยมของเขาที่พัฒนาขึ้นย่อมไม่มีใครในหมู่โจรวายุทมิฬสามารถไล่ตามความเคลื่อนไหวของเขาได้

หลังจากขี่ม้าไปรอบสนามรบประมาณครึ่งรอบในที่สุดก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงหมุนไปรอบๆ และปล่อยลูกธนูสุดท้ายลูกศรนั้นก็แทงทะลุศีรษะของโจรวายุทมิฬที่ไล่ตามเขามาโดยตรง ศีรษะของโจรคนนั้นถูกยิงหลุดออกจากร่างร่างกายของเขาตกม้ากระแทกพื้นเสียงดัง

ยังมีโจรอีกคนหนึ่งที่ยังคงไล่ตามเอี้ยนลี่เฉียงอยู่ เมื่อเขามองเห็นลูกศรสุดท้ายของเอี้ยนลี่เฉียงหมดลงไปแล้วดวงตาของเขาก็ฉายแววความตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เอี้ยนลี่เฉียงหยุดม้าและหันหลังกลับ เขาชักดาบยาวบนหลังม้าของเขาออกมาก่อนจะขับม้ามุ่งหน้าเข้าหาโจรวายุทมิฬคนนั้นด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม

เมื่อโจรวายุทมิฬเห็นเอี้ยนลี่เฉียงขี่ม้ากลับมา ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดเขารีบหันหัวมากลับก่อนจะวิ่งเข้าหากองทัพของตัวเองด้วยความเร็วสุดชีวิต

เมื่อเห็นโจรคนนั้นหันหลังและควบม้าออกไป เอี้ยนลี่เฉียงก็ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ โจรวายุทมิฬคนนั้นหนีไปไกลแล้ว!

เอี้ยนลี่เฉียงคิดว่ากลุ่มโจรวายุทมิฬจะมีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ ท้ายที่สุดแล้วชื่อเสียงด้านความกล้าหาญของพวกเขานั้นก็ขจรกระจายมาเป็นเวลานาน

ไม่คิดว่าเมื่อเผชิญหน้ากับความตายพวกเขาจะหันหลังหลบนี้โดยไม่คิดชีวิต

เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะดังลั่นขณะเก็บดาบยาวเข้าไปในฝัก จากนั้นเขาก็เร่งม้าแรดของเขาและไล่ตามโจรวายุทมิฬที่หนีไป

เมื่อเขาไปถึงศพของโจรที่เขายิงไปก่อนหน้านี้ และเห็นม้าที่ไร้คนขับยืนเฝ้าศพของเจ้านายมันอยู่ เอี้ยนลี่เฉียงไม่รอช้าเขาขี่ม้าของตัวเองไปคว้าเอาซองลูกศรนั้นมาทันที

ยังมีลูกศรเหลืออยู่ประมาณยี่สิบลูกในกระบอก

เอี้ยนลี่เฉียงดึงลูกธนูออกมาอีกครั้ง เขาเคาะลงบนสายธนูแล้วปล่อยลูกศร โจรวายุทมิฬที่กำลังหลบหนีเป็นคนที่ฉลาดไม่น้อย เขาก้มศีรษะลงกับหลังม้าเพราะว่าเขาคำนวณเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว

เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าขำเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เขาจึงพุ่งกลับเข้าสู่สนามรบ เคาะลูกศรอีกอันบนสายธนูก่อนจะปล่อยมันออกไป ลูกธนูพุ่งทะลุหน้าอกของโจรวายุทมิฬที่กำลังพุ่งเข้าหาเหลียงอี้เจี๋ยจากด้านหลัง

โจรคนนั้นอยู่ห่างจากม้าของเหลียงอี้เจี๋ยไม่ถึงสิบก้าว ก่อนที่เขาจะล้มลงจากหลังม้าและแน่นิ่งอยู่กับพื้นทันที

เมื่อได้ยินใครบางคนล้มลงกับพื้นจากด้านหลังเหลียงอี้เจี๋ยหันศีรษะไปรอบๆก่อนจะมองเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นคนยิงธนูเข้ามา

เขากวาดดาบยาวของเขาข้ามไปราวกับสายฟ้า ส่งหัวของโจรวายุทมิฬอีกคนขึ้นไปทันที เลือดของโจรพุ่งออกมาจากร่างกายที่ไร้ศีรษะราวกับน้ำพุท่ามกลางทะเลทราย

เอี้ยนลี่เฉียงเคาะลูกศรอีกอันหนึ่งแล้วยิงทะลุลำคอของโจรที่อยู่ห่างไกลประมาณสิบวา

ลูกศรที่สามถูกปล่อยออกไปอีกครั้ง โจรวายุทมิฬคนหนึ่งซึ่งกำลังนำขบวนของเขาโจมตีกองทหารยามของซุนปิงเฉินก็ตกลงจากหลังม้าโดยที่ไม่มีทางต่อต้าน

เอี้ยนลี่เฉียงยิงลูกธนูออกไปอย่างต่อเนื่องและโจรที่เข้าล้อมซุนปิงเฉินอยู่ก็ตกลงจากหลังม้าทุกครั้งที่เสียงธนูดังขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานสถานการณ์ในสนามรบก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โจรวายุทมิฬพวกนั้นเริ่มหวาดกลัวแล้ว เมื่อมีใครบางคนขับมาหลบหนีคนจำนวนมากก็ตามไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อคนจำนวนมากทยอยออกจากสนามรบพวกที่เหลืออยู่ก็หมดสิ้นกำลังใจพวกเขารีบตามเพื่อนของพวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

"พวกเจ้าคิดว่าจะหนีไปไหนรอด...!?"

เอี้ยนลี่เฉียงตะโกนลั่นความบ้าคลั่งของเขาปะทุถึงขีดสุด เขารีบกระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะหยิบเอาซองลูกศรที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวม้าไร้เจ้าของมาสองซอง

ด้วยเหตุนี้ภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ขี่ม้าเพียงลำพัง ไล่ตามโจรวายุทมิฬผู้โหดร้ายห้าสิบหรือหกสิบคนก็ตกอยู่ในสายตาของทุกคน

ชายหนุ่มเพียงคนเดียวสามารถทำลายล้างกลุ่มโจรขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย

ในยามพลบค่ำเอี้ยนลี่เฉียงยังคงไล่ตามฆ่าโจรพวกนั้นอย่างเมามันไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด