ตอนที่แล้วผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 5

ผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 4


ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 4

ร็อดเช็คสภาพดาบในมือ คุณสมบัติของดาบเล่มนี้คือ พลังโจมตี+4 และมีค่าความทนทาน 5/10 ดาบเล่มนี้ยังดีกว่าดาบเดิมเล็กน้อย แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นของดี

ร็อดมุ่งหน้าต่อไป และเขาก็พบเจอทหารโครงกระดูกอีกตัว ครั้งนี้ร็อดสามารถบดขยี้ทหารโครงกระดูกที่พึ่งพาแต่สัญชาตญาณในการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อไม่มีเนโครแมนเซอร์คอยควบคุม ทักษะต่อสู้ของทหารโครงกระดูกก็นับว่าย่ำแย่เข้าขั้นเลวร้ายเลยทีเดียว ร็อดอาศัยเพียงทักษะการใช้ดาบก็สามารถเอาชนะได้โดยไร้ซึ่งบาดแผลและได้รับค่าประสบการณ์มา 10 หน่วย

จากนั้นร็อดก็เผชิญหน้ากับซอมบี้สองตัวในเวลาเดียวกันบนทางที่ค่อนข้างกว้าง ร็อดไม่ได้เลือกสู้กับพวกมันพร้อมกันในพื้นที่เปิดโล่งแต่ล่อพวกมันไปยังเส้นทางแคบๆก่อนหน้านี้ เขาจะสู้กับพวกมันทีละตัว สำหรับซอมบี้นั้น ร็อดพึ่งพาทักษะดาบเอาชนะมาได้ไม่ยากและได้รับค่าประสบการณ์มาอีก 30 หน่วย

ร็อดพบว่าหลังจากที่เรียนรู้สกิลชำนาญดาบแล้ว เขาก็สามารถมองหาโอกาสในการโจมตีศัตรูได้ง่ายกว่าเดิม การโจมตีของศัตรูในสายตาของเขาเต็มไปด้วยช่องโหว่ นี่ก็อาจจะเป็นประโยชน์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในสกิลชำนาญดาบก็ได้ ในชีวิตก่อนของเขานั้น ร็อดเลือกที่จะเล่นอาชีพสายนักเวท และเขาก็ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับประโยชน์ซ่อนเร้นของสกิลสายต่อสู้มากนัก

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นสายเวทอย่างเต็มตัว แต่ทักษะและสัญชาติญาณในการต่อสู้ของเขาก็จัดว่าอยู่ในระดับสูง อย่างไรเสีย นักเวทในช่วงเริ่มต้นก็มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง ดังนั้นร็อดจึงทำได้เพียงใช้สัญชาติญาณในการต่อสู้มาเติมเต็มช่องว่างในตอนที่ยังไม่ได้เรียนรู้สกิลพิเศษ และลงแต้มไปที่สายนักสู้ในเวลาต่อมา

ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว การที่ร็อดจะเก็บแต้มสกิลเอาไว้ใช้ทีหลังนั้นเป็นไปไม่ได้ เพื่อที่จะไว้ใช้รับมือกับเรื่องที่ไม่อาจคาดเดา เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันลงแต้มไปที่สกิลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด

ร็อดค่อยๆเดินต่อไปช้าๆ เส้นทางด้านหน้าเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเดินมาได้พักหนึ่งร็อดก็มาถึงสถานที่ที่คล้ายกับห้องโถง

ในเวลานี้เองรูม่านตาของร็อดก็หดตัวลง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา มีนักรบโครงกระดูกที่สวมใส่เกราะเหล็กพร้อมดาบและโล่อยู่ที่เบื้องหน้า ใกล้ๆกับเขายังมีทหารโครงกระดูกอยู่อีกสองตัว และไกลออกไปก็ยังมีทหารโครงกระดูกอีกสอง แต่ละกลุ่มห่างกันราวห้าเมตร ทหารโครงกระดูกสี่ตัวนั้นร้อดสามารถจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ที่ทำให้เขารู้สึกปวดหัวที่สุดย่อมเป็นนักรบโครงกระดูกตัวนั้น

นักรบโครงกระดูกจัดเป็นอันเดดที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของอันเดดระดับต่ำ เทียบกับพวกทหารโครงกระดูกแล้ว ความแข็งแกร่งและความเร็วของนักรบโครงกระดูกเหนือกว่าอยู่มาก ในขณะเดียวกันทักษะการต่อสู้ของพวกมันก็สูงกว่า แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนก้คือ ค่าพลังชีวิต

ทหารโครงกระดูกสามารถพัฒนากลายเป็นนักรบโครงกระดูกได้โดยการดูดซับพลังแห่งความตาย ตอนที่สิ่งมีชีวิตตายลง พลังแห่งความตายส่วนหนึ่งก็จะถูกปล่อยออกมา กล่าวก็คือ ทหารโครงกระดูกธรรมดาจะกลายเป็นนักรบโครงกระดูกได้ก็ด้วยการฆ่าสิ่งมีชีวิต

เนโครแมนเซอร์ที่ทรงพลังจะสามารถมอบพลังความตายให้กับทหารโครงกระดูกและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นนักรบโครงกระดูกได้โดยตรง ส่วนอีกกรณีคือการกลายสภาพโดยตรง นั่นก็เพราะภายในร่างของผู้แข็งแกร่งนั้นจะมีพลังที่กักเก็บไว้ตอนที่ยังมีชีวิต และเมื่อพวกเขาตายลง พลังที่ว่าก็จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นนักรบโครงกระดูกเลยโดยตรง

ร็อดปวดหัวกับการคิดหาวิธีจัดการนักรบโครงกระดูก ไม่ใช่เพราะทักษะต่อสู้ของเขานั้นไม่ดี ปัญหาอยู่ที่สำหรับเขาในตอนนี้แล้ว นักรบโครงกระดูกมีค่าความสามารถสูงเกินไป

นักรบโครงกระดูกมีค่าความแข็งแกร่งและค่าความเร็วสูงกว่าร็อดมาก ต้องทราบว่าแม้กระทั่งทหารโครงกระดูกทั่วไปก็ยังมีค่าความสามารถสูงกว่าเขา ในการพึ่งพาทักษะต่อสู้จัดการกับศัตรู ความแตกต่างอย่างมหาศาลระหว่างค่าความแข็งแกร่งและค่าความเร็วที่ร็อดและศัตรูมีนั้นทำให้การต่อสู้เป็นไปได้ยาก เพราะหากว่าเขาเกิดพลาดพลั้งแม้สักครั้ง เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก

ร็อดตัดสินใจว่าจะใช้ค่าประสบการณ์เพิ่มเลเวลให้ตัวละครก่อน จากนั้นจึงค่อยคิดหาวิธี

"คุณใช้ค่าประสบการณ์จำนวน 30 หน่วย ค่าประสบการณ์ที่เหลืออยู่คือ 15 เลเวลตัวละครของท่านเพิ่มจาก 3 เป็น 4...."

"ได้รับแต้มคุณสมบัติจำนวน 1 แต้ม ได้รับแต้มสกิลจำนวน 1 แต้ม...."

"ค่าประสบการณ์จำนวน 10 หน่วยถูกใช้ [เบิร์ส ระดับ 1] เลื่อนระดับเป็น [เบิร์ส ระดับ 2] ค่าประสบการณ์ที่เหลืออยู่คือ 5"

-----------------------------------------

[เบิร์ส ระดับ 2]: การโจมตีครั้งต่อไปจะใช้ค่าความอึดครึ่งหนึ่ง และทำให้สร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น 40% ค่าประสบการณ์ที่ใช้ในการเลื่อนระดับคือ 30

-----------------------------------------

"ค่าประสบการณ์จำนวน 5 หน่วยถูกใช้ [เฮฟวี่สแลช ระดับ 1] เลื่อนระดับเป็น [เฮฟวี่สแลช ระดับ 2] ค่าประสบการณ์ที่เหลืออยู่คือ 0"

-----------------------------------------

[เฮฟวี่สแลช ระดับ 2]: ใช้ค่าความอึด 10 หน่วย การโจมตีครั้งถัดไปจะสร้างความเสียหาย 125% ของค่าพลังโจมตีพื้นฐาน ค่าความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเป็น 170% สำหรับการโจมตีเข้าใส่จุดตาย ค่าประสบการณ์ที่ใช้ในการเลื่อนระดับคือ 15

-----------------------------------------

ร็อดลงแต้มคุณสมบัติไปที่ค่าความเร็วเพื่อร่นช่องว่างระหว่างเขากับนักรบโครงกระดูก ขณะเดียวกันก็ใส่แต้มสกิลไปที่ชำนาญดาบ

-----------------------------------------

[ชำนาญดาบ ระดับกลาง]: หลังผ่านการฝึกฝนดาบมาหลายปี คุณก็ค้นพบเทคนิคใหม่ ทุกการเคลื่อนไหวของคุณเสมือนออกมาจากสัญชาตญาณ ดาบของคุณจะสร้างความเสียหายได้มากขึ้น ศัตรูจะต้องหวาดเกรงในวิถีดาบของคุณ ความเชี่ยวชาญในวิถีแห่งดาบจะเพิ่มเร็วขึ้น ค่าความเสียหายที่สร้างจากดาบจะเพิ่มขึ้น 20%

-----------------------------------------

หน้าต่างคุณสมบัติของร็อดเป็นดังนี้....

-----------------------------------------

ชื่อ: ร็อด

พลังพิเศษ: ยังไม่ได้ปลุกพลัง

ระดับชั้น: ขั้นที่ 1 ทหารอาสา , เลเวล 4 (0/40)

ค่าความสามารถ: ความแข็งแรง 8, ความเร็ว 7, ร่างกาย 9, สติปัญญา 2, จิตวิญญาณ 2

พลังชีวิต: 37/45

มานา: 0/0

ค่าความอึด: 75/90

ค่าประสบการณ์: 0

สกิล: [เบิร์ส ระดับ 2], [เฮฟวี่สแลช ระดับ 2]

สกิลพิเศษ: [ชำนาญดาบ ระดับกลาง], [ต้านทาน ระดับต่ำ]

เวทมนตร์: ไม่มี

-----------------------------------------

มองดูแล้ว ร็อดก็ถอนหายใจเบาๆ

"สู้ไม่ง่ายเลย เกิดฉันพลาดขึ้นมาคงได้ไปสวรรค์จริงๆแน่ คงเอาวิธีที่จัดการกับศัตรูก่อนหน้านี้มาใช้ไม่ได้ด้วย ความเร็วของนักรบโครงกระดูกสูงกว่าฉันมาก"

"มีอันเดดทั้งหมดห้าตัว คงได้แต่พึ่งพาสภาพแวดล้อมล่ะนะ....เดี๋ยวนะ...."

ทันใดนั้นร็อดก็นึกอะไรได้ แม้ว่าวิธีนี้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่จะจัดการนักรบโครงกระดูกได้

ร็อดรอให้ค่าความอึดฟื้นฟูไปถึง 80 หน่วย จากนั้นจึงใช้มุมอับสายตาของทหารโครงกระดูกค่อยๆร่นระยะห่างเข้าไปใกล้และเขาก็พุ่งตัววิ่ง

ในขั้นตอนนี้ เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นของร็อดได้ดึงดูดความสนใจของพวกอันเดด ทหารโครงกระดูกสองตัวขยับเคลื่อนไหว ร็อดพุ่งตัวไปที่ด้านข้างของพวกมันก่อนจะฟันไปยังกระดูกต้นคอของทหารโครงกระดูกทั้งสองด้วย [เฮฟวี่สแลช]

เกิดประกายแสงสีเงินสว่างวูบขึ้นสองครั้ง และกะโหลกจำนวนสองหัวก็ร่วงลงพื้น รอยตัดที่กระดูกต้นคอนั้นทั้งเฉียบขาดและเรียบเนียนเสมอกัน ไฟวิญญาณภายในเบ้าตาของหัวกะโหลกค่อยๆมอดดับลง ร็อดไม่ได้หยุดชื่นชมผลงาน เขาพุ่งตัวไปทางนักรบโครงกระดูกต่อทันที

เมื่อเห็นว่ามีศัตรูใกล้เข้ามา สัญชาตญาณการต่อสู้ของนักรบโครงกระดูกก็สั่งให้มันยกโล่ขึ้นป้องกัน ขณะที่แขนอีกข้างตั้งท่าตระเตรียมจะฟันสวนศัตรู

ไฟวิญญาณในเบ้าตาของนักรบโครงกระดูกจับจ้องไปที่ร็อด มันกำลังรอคอยให้ร็อดโจมตีเข้ามาเพื่อที่จะได้มอบการโต้กลับอันแสนร้ายกาจให้กับอีกฝ่าย

ร็อดพุ่งตัวมาถึงด้านหน้าของนักรบโครงกระดูก แต่สิ่งที่นักรบโครงกระดูกคาดคิดไว้กลับไม่บังเกิด ร็อดพุ่งตัวผ่านร่างของนักรบโครงกระดูกไป เป้าหมายของเขาไม่ได้อยู่ที่มันมาตั้งแต่แรก แต่เป็นทหารโครงกระดูกที่อยู่ด้านหลังมัน!!

สัญชาตญาณต่อสู้ของนักรบโครงกระดูกสั่งการอีกครั้ง มันพลันฟันดาบไปที่แผ่นหลังของร็อด ด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ามาก ดาบนี้จึงฟันใส่เกราะหนังตรงแผ่นหลังของร็อดจนเกิดเสียงฉีกขาดดังขึ้นมา

ทว่าโชคยังดีที่ร็อดรวดเร็วพอ หรืออาจจะเป็นเพราะความเคลื่อนไหวอันคาดไม่ถึงของเขา ดาบของนักรบโครงกระดูกจึงฟันได้เพียงถากๆ แผลจึงไม่ลึกนัก

ร็อดอาจจะบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร.....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด