Sign in Buddha's palm 182 นำเหรียญตรานี้ไป
Sign in Buddha's palm 182 นำเหรียญตรานี้ไป
“มีตำนานยุทธถือกำเนิดขึ้นอีกแล้ว?”
ส่วนลึกในดวงตาของซูฉินกลายเป็นลึกซึ้งราวกับมีวังวนลึกลับที่คอยหมุนวนไม่หยุด และมีดวงอาทิตย์ทั้งเก้าส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดภายในดวงตา
ในตอนนี้ซูฉินเป็นถึงอรหันต์ระดับนภาชั้นที่เจ็ดแล้ว ด้วยดวงตาแห่งสัจจะควบคู่กันกับวิชาปราณฉีฟ้ากำหนด เขาสามารถเห็นได้ทั่วทั้งอาณาจักรถังอย่างรวดเร็ว
ส่วนนอกอาณาจักรถัง แม้ว่าจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของซูฉิน แต่ก็ยังพอสัมผัสได้จางๆ
และในตอนนี้ ซูฉินก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าร่องรอยของตำนานยุทธหายวับไปในบริเวณแนวขอบของแผ่นดินใหญ่
“ไม่ใช่”
“ลมหายใจคงที่ ไม่ใช่ตำนานยุทธที่เพิ่งกำเนิดขึ้นใหม่ ควรจะเป็นตำนานยุทธที่มาจากต่างแดน”
ซูฉินจับความรู้สึกครู่หนึ่ง แล้วจึงคิดกับตนเอง
“ต่างดินแดน?”
ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายออก
แม้ว่าตำนานยุทธจากต่างแดนจะกลับมาในที่แห่งนี้ หากทำตัวดี ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักที่หนึ่ง ซูฉินก็คร้านจะสนใจเข้าไปยุ่มย่ามแทรกแซง
แต่ถ้าอีกฝ่ายคิดจะสร้างปัญหาให้กับทวีปนี้หรือยั่วยุซูฉินล่ะก็...
ซูฉินก็ทำได้เพียงสังหารทิ้ง
…
ในเวลาเดียวกัน
ภายในโถงชีวิตนิรันดร์
จักรพรรดิหลี่เชิงแห่งราชวงศ์ถังนั่งบนบัลลังก์มังกร มองลงไปที่รองเสนาบดีประจำกรมพิธีการด้านล่างและกล่าวว่า “มีอะไรก็พูดมา”
“ตามพระบัญชา”
รองเสนาบดีกรมพิธีการโค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท บัดนี้อาณาจักรเล็กๆ หลายแห่งได้ส่งจดหมายมาคนละฉบับสองฉบับ แต่ว่า...”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้รองเสนาบดีประจำกรมพิธีการก็ลังเลที่จะพูด มิกล้าเอ่ยกล่าวต่อ
ตั้งแต่ที่ซูฉินลงมือสังหารกองทัพเหมิ่งหยวนนอกเมืองฉางอัน เผาทหารไปห้าล้านนาย ทั้งโลกก็สั่นสะเทือน นานาชาติต่างตื่นตระหนก ส่งผลให้อาณาจักรเล็กๆ จำนวนหนึ่งส่งหนังสือยอมศิโรราบมาในช่วงก่อนหน้านี้
เป็นธรรมดาที่สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิถังมีความสุข
“แต่อะไร?”
จักรพรรดิถังเอ่ยถาม
รองเสนาบดีประจำกรมพิธีการกล่าวอย่างระมัดระวัง “ทว่ามีหกอาณาจักร ที่ว่ามานั้นรวมถึงหนานหมิง ซ่งเหนือและถูโปด้วย ได้เสนอเงื่อนไขมา...”
“เงื่อนไขอะไร?”
จักรพรรดิเอ่ยถาม ไม่แปลกใจเมื่อได้ฟังเรื่องดังกล่าว
ในบรรดาอาณาจักรทั้งหลาย มีเพียงหกอาณาจักรที่สามารถเรียกว่าเป็นอาณาจักรใหญ่ เหมือนเช่นอาณาจักรถัง
ทั้งเจ็ดอาณาจักรยืนเคียงข้างกัน บ้างก็เผชิญหน้ากัน บางทีก็ร่วมมือกัน แบ่งแยกดินแดนไปตามส่วนต่างๆ ของทวีป
สำหรับอาณาจักรเล็กๆ พวกเขาจะล่มสลายลงหลังจากนี้อีกไม่นาน และไม่ได้อยู่ในสายตาของจักรพรรดิถังเลย
ส่วนทั้งหกอาณาจักรที่ไม่ได้ยื่นหนังสือยอมศิโรราบมาเหมือนอาณาจักรเล็กๆ แต่เสนอเงื่อนไขมาแทน จักรพรรดิถังเองก็คาดหวังกับเงื่อนไขพวกนี้เช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุดด้วยฐานะที่เป็นอาณาจักรยักษ์ใหญ่ แม้ว่าจะยอมจำนนแล้วก็ตาม จักรพรรดิถังก็ยังต้องเอาใจใส่พวกเขาอยู่ดี
สำหรับจักรพรรดิถัง ตราบใดที่ทั้งหกอาณาจักรเหล่านี้ยอมจำนน เชื่อฟัง ไม่ขัดขวางกัน จักรพรรดิถังย่อมยอมตกลงในเงื่อนไขทั่วไปที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง
“ทั้งหกอาณาจักรต้องการคำสัญญา แม้อาณาจักรถังจะได้ครองทวีปในอนาคต แต่ลูกหลานของทั้งหกอาณาจักรจะต้องสามารถมีชีวิตอยู่อย่างเพลิดเพลินไปบนกองเงินกองทองได้ตลอดไป...”
“และหากทายาทของทั้งหกอาณาจักรประสบปัญหา ก็หวังว่าอาณาจักรถังจะยื่นมือช่วยเหลือ...”
รองเสนาบดีประจำกรมพิธีการโค้งคำนับ
“ของข้างั้นรึ นี่มันเงื่อนไขอะไรกัน...” เมื่อจักรพรรดิถังได้ฟังก็แย้มสรวล “เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งและเกียรติยศตลอดไป? ยื่นมือเข้าช่วยยามเมื่อมีภัยงั้นหรือ? ได้ข้าตกลง”
ถ้าจักรพรรดิถังต้องการจะยึดครองทุกภูมิภาคจริง มันไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรที่จะดูแลลูกหลานของทั้งหกอาณาจักร ส่วนช่วยเหลือยามลำบากนั้น...
ตราบใดที่อาณาจักรถังเอ่ยปาก ในโลกนี้ยังจะมีใครกล้าทำให้ลูกหลานของทั้งหกอาณาจักรต้องอับอายอีก?
“ฝ่าบาท...”
รองเสนาบดีประจำกรมพิธีการกัดฟันพร้อมทั้งกล่าวคำว่า “คำสัญญาที่ทั้งหกอาณาจักรต้องการ ไม่ใช่คำสัญญาจากพระองค์...”
“ไม่ใช่สัญญาจากข้างั้นหรือ?”
จักรพรรดิถังขมวดคิ้ว สงสัยว่ารองเสนาบดีประจำกรมพิธีการกำลังจะพูดถึงอะไร
เมื่อรองเสนาบดีประจำกรมพิธีการตั้งสติได้ ก็กล่าวต่อไปว่า “คำสัญญาที่ทั้งหกอาณาจักรต้องการ คือคำสัญญาจากพระมาตุลาแห่งอาณาจักรพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อรองเสนาบดีประจำกรมพิธีการกล่าวคำว่า 'พระมาตุลาแห่งอาณาจักร' เสียงของเขาก็สั่นเครือเล็กน้อย
“อยากได้คำสัญญาของพี่สามงั้นหรือ?”
ทันใดนั้นจักรพรรดิถังก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมา
หลังจากนั้นจักรพรรดิถังก็แสดงสีหน้าเย้ยหยัน “หกอาณาจักรนี้คำนวณมาเป็นอย่างดี...”
จักรพรรดิถังรู้ถึงแผนการของทั้งหกก๊ก
พูดง่ายๆ ก็คือจักรพรรดิจากทุกอาณาจักรไม่เชื่อถือในคำสัญญาของจักรพรรดิถัง ทุกคนต่างก็เป็นจักรพรรดิเหมือนกัน พวกเขาต่างเข้าใจความคิดของกันและกันเป็นอย่างดี
บางทีจักรพรรดิถังทรงให้คำมั่นสัญญาในวันนี้ แต่หลังจากควบคุมดินแดนทั้งหกอาณาจักรได้โดยแท้จริงแล้ว อาจจะค้นพบเหตุผลใหม่ๆ ที่จะทำให้ทายาทของทั้งหกอาณาจักรถึงแก่ความตายไปก็เป็นได้
แต่ถ้าซูฉินเป็นผู้ให้คำสัญญานี้ มันก็คงจะต่างออกไป
ไม่ว่าใครจะเป็นจักรพรรดิถังในอนาคต ซูฉินก็จะยังคงมีชีวิตอยู่ และคงไม่มีจักรพรรดิถังคนใดกล้าเหิมเกริมกับซูฉิน
คำพูดของซูฉินนั้นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ทายาทของทั้งหกอาณาจักรมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายไปอีกหลายร้อยปีโดยไม่ต้องกังวลอันตรายใดๆ
“ข้าทราบความแล้ว”
จักรพรรดิถังคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกลับไปนั่งบนบัลลังก์มังกร “เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“รับพระบัญชา”
รองเสนาบดีประจำกรมพิธีการกราบทูลลา
หลังจากรองเสนาบดีประจำกรมพิธีการออกไป จักรพรรดิถังก็เสด็จมายังพระราชวังตะวันออกเพียงลำพัง
ทันทีที่จักรพรรดิถังเข้าสู่พระราชวังตะวันออก เขาก็รู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งกาย รู้สึกสดชื่นสบายตัวมากยิ่งขึ้นหลังจากสูดลมหายใจเข้าไป
“วิธีการของพี่สามช่างเหนือจินตนาการจริงๆ...”
จักรพรรดิถังเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
เขาเคยอาศัยอยู่ภายในพระราชวังตะวันออกมาเป็นเวลาหลายปี แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าพระราชวังตะวันออกเป็นเช่นไร และด้วยวิธีการของซูฉิน พระราชวังตะวันออกเดิมก็กลับลายเป็นสวรรค์บนดิน
ช่างน่าเหลือเชื่อ
“เมื่อใดที่หยวนเอ๋อขึ้นครองบัลลังก์ ข้าจะมาอาศัยอยู่ที่นี่กับหยุนเหนียงตลอดทั้งปี”
จักรพรรดิถังคิดอยู่ภายในใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะอาณาจักรถัง เขาก็อยากจะมาอยู่ในพระราชวังตะวันออกตลอดทั้งวันไปเสียเลย
เพราะก่อนหน้านี้จักรพรรดิถังค้นพบว่า ซูชื่อหมินซึ่งเริ่มโรยราแล้ว กลับมีผมสีดำแซมขึ้นมาอีกครั้ง...
ในไม่ช้าจักรพรรดิถังก็มาหยุดอยู่หน้าตำหนักชุนฝั่งขวา
ตอนนี้พลังฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ได้แพร่กระจายไปทั่วพระราชวังตะวันออกแล้ว ตระกูลซูได้หาสถานที่ใหม่ภายในพระราชวังตะวันออกเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะ
ส่วนตำหนักชุนฝั่งขวา
ในฐานะที่มันเป็นที่พำนักเดิมของซูฉิน จึงไม่มีใครกล้าถือว่าตนเองครอบครองพื้นที่ตรงส่วนนี้
“พี่สาม”
จักรพรรดิถังโบกมือไปมาบริเวณหน้าตำหนักชุนฝั่งขวา พร้อมกระซิบคำแผ่วเบา
ในเวลาต่อมา
เสียงหนึ่งก็ล่องลอยมา
“เจ้ากำลังมองหาข้าอยู่งั้นรึ?”
เห็นเป็นซูฉินที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหน อยู่ด้านข้างของจักรพรรดิถัง
“พี่สาม”
จักรพรรดิถังใจหายวูบ และรีบเล่าให้ฟังถึงเงื่อนไขของอาณาจักรทั้งหก
“ต้องการคำสัญญาจากข้างั้นหรือ?”
ซูฉินยิ้มให้กับความเขลา “ดูเหมือนว่าทั้งหกอาณาจักรจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตนว่าเป็นเช่นไร”
ซูฉินไม่คาดคิดมาก่อนว่าหกอาณาจักรจะหาญกล้า ต้องการที่จะสร้างเงื่อนไขกับตำนานยุทธ
“พี่สาม ตอนนี้ควรทำเช่นไรดี?” จักรพรรดิถังกล่าวถาม “หรือต้องระดมกำลังพล ไปจัดการกับหกอาณาจักร?”
“อย่าทำอะไรให้มันลำบากนักสิ”
ซูฉินส่ายหัว จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กระจายออกไปทั่วตำหนักชุนฝั่งขวาแบ่งออกเป็นหกส่วน กลายมาเป็นเหรียญตราหกเหรียญ
“ส่งคนไปยังอาณาจักรทั้งหก ให้ทางเลือกพวกเขาสองทาง”
เมื่อซูฉินกล่าวเช่นนั้นก็หยุดไปชั่วขณะแล้วจึงกล่าวต่อ “ยอมจำนนเสีย หรือไม่ก็ตาย”
ยอมจำนน
หรือไม่ก็ตาย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใจของจักรพรรดิก็สั่นสะท้าน
“พี่สาม อาณาจักรทั้งหกจะยินยอมหรือ?” จักรพรรดิถังกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
หากไม่มีการร่วมมือกันของทั้งหกอาณาจักร ก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปีกว่าอาณาจักรถังจะครองใต้หล้าได้
“ยินยอม?”
ซูฉินมอบเหรียญทั้งหกให้แก่จักรพรรดิแล้วกล่าวว่า “ถ้าพวกเขาไม่ยินยอม เพียงนำเหรียญตราอันนี้ออกมา”
“ขอรับ”
จักรพรรดิถังยื่นมือออกไปรับเหรียญตรามา เหรียญตราเหล่านี้รวมๆ กันหนักเพียงครึ่งเหลี่ยง[1]เท่านั้น แต่ในมือของจักรพรรดิถังกลับรู้สึกเหมือนว่ามันหนักนับพันชั่งเลยทีเดียว
------------------------------------------------------------
[1] 1 เหลี่ยง เท่ากับ 50 กรัม