ตอนที่แล้วChapter 9: เหมือนเขามาอยู่ที่นี่เองเลย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 11: ถ้าเอาชนะพวกเขาไม่ได้

Chapter 10: ตู้เย็น


หานเฟยละอายต่อคำชื่นชมใหญ่โตของผู้กำกับเจียง เขาคิดว่าจะบอกความจริงออกไปแต่ก็พบว่ามันดูไม่น่าเชื่อมากขนาดไหน

“นายเป็นอัญมณีชิ้นหนึ่งเลย มีนายอยู่ในหนังเรื่องนี้ ฉากนี้ในหนังก็ไม่ต้องกังวลแล้ว” ผู้กำกับเจียงยิ้มกว้างให้หานเฟย “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนายถึงไม่ดังเสียทีในเมื่อนายแสดงเก่งขนาดนี้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเป็นเพราะนายไปอยู่ผิดที่ผิดทางมาตลอด ต่อไปนายควรจะถ่ายหนังสยองขวัญให้มากขึ้น”

“เป็นนักแสดงตลกเป็นความฝันของผมครับ ผมชอบให้คนหัวเราะ ผมมีความสุขกับความรู้สึกแบบนั้น”

“ถนนสู่กรุงโรมมีหลายสาย นายสามารถสร้างชื่อให้กับตัวเองในฐานะนักแสดงหนังสยองขวัญที่เก่งกาจและจากนั้นนายก็จะมีอิสระในการเลือกบทที่นายต้องการ” ผู้กำกับเจียงพอใจในตัวหานเฟยมาก “ไม่ต้องพูดถึงว่า นายผ่านการทดสอบบท กลับบ้านไปพักผ่อนนะ นายค่อยเข้าร่วมกองถ่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันพรุ่งนี้”

“ผม...” หานเฟยไม่รู้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ถึงวันถัดไปหรือเปล่า ตามกฏของเกม เขาต้องเข้าเกมทุกวัน

“ฉันจะจัดการเรื่องค่าตัวของนายให้ดีที่สุด ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น” ผู้กำกับเจียงทำหน้าเข้าใจและบอกว่าหานเฟยทำให้เขาได้มีเวลาพักกอง ตั้งแต่หานเฟยมาถึงกองถ่ายเพิ่งผ่านไปแค่สิบนาทีเท่านั้น หานเฟยคว้ากล่องอาหารกลางวันของกองถ่ายมากล่องหนึ่งและกำลังจะกลับออกไปตอนที่โทรศัพท์ของเขาสั่น คราวนี้เป็นหลี่เซว่โทรมา “คุณเจออะไรไหม?”

“เมืองเก่า ถนนเหนือ เขตยี่สิบเอ็ด ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่ ฉันเจอเมิ่งซื่อแล้ว”

“ครับ ผมจะไปที่นั่นทันที!” กองถ่ายบุปผาบาปนั้นตั้งอยู่ที่เขตสิบห้า ไม่ไกลจากเขตยี่สิบเอ็ดนัก หานเฟยดูจีพีเอสแล้วก็วิ่งไปที่นั่นทันที หลังจากผ่านตึกเก่า ๆ หลายแห่ง ในที่สุดหานเฟยก็ไปถึงทางเข้าเขตที่พักอาศัยที่ดูเก่ามากทีเดียว

“ทางนี้!” เสียงหลี่เซว่ก้องมาจากในเขตที่พัก เธอดูเหมือนเดิมเมื่อตอนเช้า มีฮอนด้าเรปโซลคันหนึ่งจอดอยู่ข้าง ๆ เธอ

“เมิ่งซื่ออยู่ที่นี่?”

“ในเมืองนี้มีเมิ่งซื่อสิบสองคน ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้วแต่ไม่มีใครตรงกับคำอธิบายของนาย แต่ว่า นายดูไม่เหมือนว่าจะโกหกฉันโดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นจึงขยายการค้นหาออกไปและในที่สุดฉันก็เจอเมิ่งซื่อของนาย” ถึงตอนนี้ หลี่เซว่ก็หยุดแล้วมองหานเฟยอยู่เป็นนาน

“อ้อ หยุดทำไมครับ? แล้วทำไมถึงมองผมแบบนั้น?”

“ตามฉันมา” หลี่เซว่นำหานเฟยเข้าไปในเขตที่พักอาศัยและพวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ชั้นสาม มีกระปุกขี้เถ้าตั้งอยู่ที่ประตูบ้านทางขวา มีกระดาษเงินกระดาษทองที่เผาทิ้งเอาไว้อยู่ใกล้ ๆ กัน มองเข้าไปในบ้าน มีโต๊ะพิธีทาสีดำ วางรูปขาวดำบานหนึ่งเอาไว้

“เมิ่งซื่อที่นายบรรยายให้ฉันฟังในห้องขังเข้าได้กับหญิงชราที่ตายไปเมื่อสิบปีก่อน”

“เธอตายไปสิบปีแล้ว?” หานเฟยยืนอยู่ตรงประตูและไม่แม้แต่จะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน บอสของร้านสะดวกซื้อตายไปเมื่อหลายวันก่อนและเมิ่งซื่อผู้นี้ก็ตายไปสิบปีแล้ว หานเฟยพบว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเกมนี้ นอกจากตัวเขาเอง ล้วนตายหมดแล้ว

‘ไม่ เดี๋ยวก่อน ยังมีอีกตัวละครหนึ่งในเรื่องนี้’ ด้วยความหวังริบหรี่ หานเฟยหันไปหาหลี่เซว่ ก่อนที่เขาจะทันพูดออกมา หลี่เซว่ก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเขากำลังจะถามอะไร

“เฉินเฉินเป็นหลานของเมิ่งซื่อจริง ๆ ชื่อจริงของเขาคือเมิ่งเฉิน เขาเองก็ตายไปสิบปีแล้ว”

‘งั้นพวกเขาล้วนเป็นคนตาย?’ หานเฟยรู้สึกสันหลังเย็นวาบ เขาไม่คิดเลยว่า NPC แต่ละตัวที่เขาเจอในเกมกลับเป็นคนตายจากโลกจริง เขาคิดว่าเขาได้พบความอบอุ่นและความสบายใจกับ ‘คน’ ในเกมเหล่านั้น พอคิดกลับไปถึงสิ่งที่เขาเจอ เขาก็ขนลุก ‘นี่ฉันเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเกมนรกอะไรกันเนี่ย?’

“ขอโทษนะ แต่ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ ฉันไม่อยากถูกรบกวนไปมากกว่านี้แล้ว” ชายวัยกลางคนที่มีผมขาวโพลนเดินออกมาจากบ้านหลังเล็ก เขาดูอายุราวสี่สิบปีแต่ดูแก่กว่าอายุจริงมาก

“คุณลุง พวกเราไม่ได้ต้องการรบกวนคุณลุงแต่ว่าคดีมีจุดน่าสงสัยหลายจุด ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปมาก หลายคดีที่ค้างอยู่ก็สามารถคลี่คลายไปได้แล้ว คุณลุงไม่อยากเห็นคนร้ายตัวจริงถูกนำตัวมาลงโทษตามกฎหมายเหรอคะ?” หลี่เซว่ที่ดูหยิ่งและทระนงตัวต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้กลับดูใจเย็นและอดทนกับครอบครัวของเหยื่อ

“มันผ่านมาสิบปีแล้วและไม่มีร่องรอยของฆาตกรเลยสักนิด ร่างกายของฉันเองก็อ่อนแอลงทุกที ฉันทนรับความผิดหวังไม่ไหวแล้ว” ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปในครัวและยกชามติ่มซำที่ทำเอาไว้มาวางไว้บนโต๊ะพิธี จากนั้นเขาก็จุดธูป โค้งตัวสามครั้งไปที่รูปขาวดำ

“คุณยายชอบทำติ่มซำในวันแรกของทุกปีใช่ไหมครับ?” หานเฟยมองรูปของหญิงชราที่บนโต๊ะขณะเดินเข้าไปในห้อง “ผมจำได้ว่าเธอดูเหมือนจะบอกว่าติ่มซำหมายถึงเป็นหนึ่งเดียวและยังหมายถึงการเข้าสู่ปีใหม่ กินติ่มซำในวันที่หนึ่งมกราคมจะช่วยขับไล่พลังด้านลบจากปีก่อนหน้าออกไป” ถ้อยคำของหานเฟยดูเหมือนจะปลุกความทรงจำบางอย่างในใจของชายคนนั้น เพราะว่าเขาหันไปมองหานเฟยอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณยายทำอาหารเก่ง น้ำซุปปลาของเธอยังเป็นที่ชื่นชอบมาก น้ำซุปเป็นสีขาวน้ำนม และคุณก็จะได้กลิ่นอาหารที่เธอทำจากไกล ๆ เลย...”

“คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?” ชายวัยกลางคนเดินโซเซเข้าไปหาหานเฟย “คุณเคยเจอแม่ของฉันมาก่อน? แต่ว่าคุณน่าจะอายุแค่สิบปีเท่านั้นตอนที่แม่ฉันตาย”

“ผมเคยเจอเธอมาก่อนจริง ๆ เธอยังเคยเลี้ยงติ่มซำผมถ้วยหนึ่ง” หานเฟยไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้ดูไม่เหมือนคนเสียสติได้อย่างไรดังนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างฉลาด “คุณลุง คุณเล่าเรื่องคุณยายให้พวกเราฟังมากกว่านี้ได้ไหม?”

ความทรงจำบางอย่างก็เจ็บปวดอย่างคาดไม่ถึง ชายวัยกลางคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะต้อนรับหานเฟยและหลี่เซว่เข้าไปในห้องนั่งเล่น

“แม่เป็นคนใจดีมาก เธอไม่ได้แต่งงานแต่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าสามคน เงินทุกเหรียญที่หามาได้ล้วนใช้ในการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ทั้งสามคน” ชายวัยกลางคนนั่งลงหมิ่น ๆ บนโซฟา “ฉันอายุมากที่สุด แต่ว่าเกิดมาร่างกายอ่อนแอ แม่ตั้งชื่อฉันว่าเมิ่งฉางโชว ฉันยังมีพรสวรรค์น้อยที่สุดในหมู่พวกเราสามพี่น้อง”

“น้องชายคนแรกของฉันชื่อเมิ่งฉางซี เขาเป็นเด็กถูกทิ้งเพราะใบหน้าพิการผิดรูป แต่ว่าเขามีจิตใจดีงาม และยังเรียนเก่ง แต่ว่า เพราะรูปลักษณ์ของเขา เขาจึงไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง เขาขี้อายและเก็บตัว

“น้องชายคนที่สองของฉันชื่อเมิ่งฉางอัน เขาเก่งที่สุดในหมู่พวกเราสามพี่น้อง เขาเรียนเก่งและมีเพื่อนเยอะ รางวัลที่เขาได้รับติดเรียงรายเต็มผนังบ้าน เขาได้ทำงานที่อาฟเตอร์ไลฟ์ฟาร์มาซูติคอล และตอนนี้ฉันได้ยินว่าเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายแล้ว”

พูดถึงเมิ่งฉางอัน ดวงตาของชายวัยกลางคนก็เป็นประกายขึ้นมา แต่ไม่ช้าก็ดับไป “เขายังส่งเงินรายเดือนให้ฉันอยู่แต่ว่าพวกเราไม่ได้พบกันเลยตั้งแต่เกิดเรื่องกับแม่ของเรา”

“เมื่อสิบปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกับคุณยายกันแน่?” หานเฟยสงสัยเรื่องนี้ที่สุด

“อันที่จริง ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรนัก จนกระทั่งฉางซีหายตัวไปและตำรวจมาฉันถึงได้รู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง” ดวงตาของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด “หลังจากแม่เกษียนจากงาน เธอก็เปิดร้านขายขนม ตำรวจพบซากสัตว์มากมายและศพคนอยู่ในตู้เย็นที่ร้านของเธอ”

“อะไรนะ? เธอเกี่ยวข้องกับคดีศพแช่แข็งที่โด่งดังนั่นเหรอ?”

“แพทย์นิติเวชประมาณเวลาเสียชีวิตของเหยื่อว่าเป็นหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่แม่จะไม่รู้ว่ามีศพอยู่ในตู้เย็นของเธอตั้งเจ็ดวัน แต่ว่าไม่มีรายงานว่าเธอเรียกตำรวจเพราะเรื่องนั้น” ชายวัยกลางคนยกแขนขึ้นกอดอก

“คุณยายไม่ได้เป็นคนฆ่าใช่ไหม?” นิสัยของหญิงชราสำคัญกับหานเฟย นี่อาจจะเป็นจุดที่ทำให้เขามีชีวิตรอดในเกม

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด