ตอนที่แล้วChapter 7: หลี่เซว่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 9: เหมือนเขามาอยู่ที่นี่เองเลย

Chapter 8: ระบบบอกว่าเป็นคนดี


หานเฟยคิดว่าหลี่เซว่เป็นผู้ต้องสงสัยเหมือนตัวเองดังนั้นจึงพูดคุยเปิดอกกับเธอ แต่กลายเป็นว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงอย่างไร ตอนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องขังมองหลี่เซว่เดินจากไป หานเฟยก็ไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังเหมือนก่อนหน้า เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งยินดีรับฟังเรื่องราวของเขา

“เฮ้! อย่าถูกหน้าตาของเธอหลอกเอาล่ะ ถ้านายบริสุทธิ์ สำหรับพวกเราแล้วอย่างมากนายก็อยู่ที่นี่แค่แป๊บเดียว แต่ถ้านายตกไปอยู่ในมือเธอละก็ นายจะอยากเข้าคุกมากกว่า” จางเสี่ยวเทียนส่งสัญญาณให้หานเฟยตามเขาไปที่อีกห้อง ในห้องเล็ก ๆ เจ้าหน้าที่ชายวัยกลางคนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่อย่างเกรี้ยวกราด นี่น่าจะเป็นผู้ชายคนที่ออกปากสั่งสอนหลี่เซว่เมื่อครู่นี้ เขาดูเข้มงวดและจริงจัง แต่เพราะอะไรไม่รู้ เขาสั่งให้หลี่เซว่ทำตามคำสั่งของเขาไม่ได้

“หัวหน้าหวัง ใจเย็นครับ อย่างไรเธอก็เป็นนักสืบที่ได้รับรางวัลมาตั้งหลายครั้ง เธอมาที่นี่ก็เพื่อสัมผัสกับชีวิตที่นี่ ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดกับเธอมากนักหรอกครับ” จ้าวหมิงเทน้ำแก้วหนึ่งมาวางไว้บนโต๊ะ

“เธอเป็นนักสืบหลายรางวัลแล้วยังไงฮะ? มันไม่มีประโยชน์ถ้าเธอทำตัวไม่เหมือนแบบนั้น! ถ้าเธอไม่ยอมทำตามกฏกติกา อย่างนั้นพรุ่งนี้ก็ให้เธอเลิกมาทำงานได้เลย!” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนพูดอย่างโมโห

“ท่านครับ ถ้าท่านไล่เธอออกจริง ๆ พ่อกับแม่ของเธอคงจะรีบมาขอบคุณท่านด้วยตนเอง ผมได้ยินมาว่าเธอมาจากตระกูลเศรษฐี และพ่อแม่ของเธอก็ไม่ยินดีกับอาชีพของเธอด้วย” หลังจากให้ความเห็นแล้ว จ้าวหมิงก็พบว่ามีแต่จะทำให้เจ้านายของเขาโกรธมากกว่าเดิม ดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “หัวหน้าหวัง นี่คือหานเฟยครับ”

ได้ยินชื่อหานเฟย ในที่สุดหัวหน้าหวังก็สงบลงและกลับเข้าเรื่องงาน “พ่อหนุ่ม ขอโทษที่ให้เธอรอเสียนาน พวกเราแค่มีคำถามอยากจะถามเธอ หวังว่าเธอจะไม่ปิดบังอะไรจากพวกเรานะ”

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หานเฟยถูกเชิญมายังสถานีตำรวจ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ “แน่นอนครับ ผมยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไป งานของตำรวจก็เรียบง่ายกว่าที่เคย พลเมืองทุกคนนั้นถูกเก็บข้อมูลส่วนตัวเอาไว้สร้างเป็นรูปแบบ คอมพิวเตอร์จะสามารถคาดเดาถึงความเป็นอาชญากรของแต่ละบุคคลได้จากการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเขา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ยังมีแอพพลิเคชั่นตรวจจับการโกหกและแอพพลิเคชั่นในการวิเคราะห์คดีอยู่ในโทรศัพท์ส่วนตัว เมื่อมีคอมพิวเตอร์คอยช่วย โอกาสที่จะเกิดการตัดสินคดีอย่างไม่เป็นธรรมก็ลดลงเหลือน้อยมาก ๆ

พวกเขาคุยกันเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยหานเฟยกลับ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ของคอมพิวเตอร์หรือว่าความน่าจะเป็นที่ได้จากรูปแบบข้อมูลส่วนตัวของเขา หานเฟยนั้นแทบจะไม่น่าสงสัยว่าจะก่อคดีอาญาได้ การวิเคราะห์ความเสี่ยงในตัวหานเฟยจากระบบนั้นเป็น 0 อย่างหาได้ยาก หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง หานเฟยจะไม่ก่ออาชญากรรมภายใต้สถานการณ์ใด ๆ ถ้าให้พูดก็คือ เขาเป็นพลเมืองที่เคารพกฎหมาย หรืออย่างน้อยที่สุดนั่นก็เป็นสิ่งที่คอมพิวเตอร์คิด

“หัวหน้าหวัง พวกเราจะปล่อยเขาไปอย่างนี้เหรอครับ?”

“พวกเราทำอะไรไม่ได้ สถานีตำรวจไม่มีสิทธิ์กักขังผู้ต้องสงสัยโดยไม่มีหลักฐาน” หัวหน้าหวังดูข้อมูลพลเมืองของหานเฟยแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น “เขตของพวกเราได้รับเลือกให้เป็นเขตที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองซินลู่มาตลอดห้าปี คดีวางเพลิงคราวนี้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง จนถึงตอนนี้ ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานก็ยังไม่สามารถหาต้นเพลิงได้ นี่เป็นหนึ่งในเคสที่ยากเป็นบ้า”

“ท่านอยากให้จางเสี่ยวเทียนกับผมคอยตามดูเขาไหมครับ?” จ้าวหมิงอ่านใจหัวหน้าของเขาได้หลังจากทำงานร่วมกันมาหลายปี

“ดี แต่ระวังอย่าให้เขารู้ตัว” หัวหน้าหวังเก็บข้อมูลทั้งหมดของหานเฟย “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตการทำงานของฉันที่เจอกับผู้ใหญ่ที่ได้รับการประเมินความเสี่ยงเป็น 0 เจ้านายคนก่อนของฉันเคยบอกฉันว่ามีคนเพียงสองแบบที่จะมีคะแนนพิเศษอย่างนี้ หนึ่งคือคนที่เกิดมาเป็นนักบุญ มองโลกอย่างไร้เดียงสา แต่อย่างไรคนแบบนั้นก็น้อยนักที่จะรักษาคะแนน 0 เอาไว้ได้ตลอดชีวิต”

“อย่างนั้นคนอีกแบบล่ะครับ?” จางเสี่ยวเทียนกับจ้าวหมิงชะโงกเข้าไป

“เป็นอาชญากรตัวเป้งที่อันตรายและเหี้ยมโหดที่สุด พวกเขาฉลาดมาก และยังคุ้นเคยกับการโกงเทคโนโลยีหรือรู้ซึ้งถึงจิตใจมนุษย์เป็นอย่างดีจนสามารถหลอกตัวเองได้ หลอกระบบคอมพิวเตอร์ได้” หัวหน้าหวังสูดลมหายใจลึก “ไม่ว่าอย่างไร คนพวกนี้ล้วนเป็นอัจฉริยะในการจัดการกับจิตใจของคน พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อกดบุคลิกภาพของอาชญากรเอาไว้ ฉากหน้าพวกเขาดูไร้พิษภัย แต่ข้างในนั้นเป็นความบิดเบี้ยวที่สุดเท่าที่มนุษย์จะเป็นได้”

“และท่านคิดว่าหานเฟยเป็นคนแบบนั้น?”

“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่พวกเราระมัดระวังเอาไว้จะดีที่สุด”

ยืนอยู่นอกสถานีตำรวจ หานเฟย ‘อาชญากรตัวเป้ง’ ถือขนมปังที่เขาเพิ่งซื้อจากเครื่องขายของอัตโนมัติเอาไว้ “เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกวันนี้ไม่ต้องกินอาหารหรือไง?” เกือบสิบเอ็ดโมงแล้วแต่ว่ายังไม่มีการตอบกลับจากหลี่เซว่ หานเฟยตัดสินใจมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวโทรศัพท์ของเขาก็ดัง ตอนที่เขาเห็นชื่อคนโทรเข้า เขาก็ประหลาดใจทีเดียว

“ผู้กำกับเจียง มีอะไรให้ผมช่วยครับ?”

“ฉันอยากให้นายมาที่ถนนเหนือของเขตเมืองเก่าตอนบ่ายโมงวันนี้ ฉันกำลังถ่ายหนังเรื่องใหม่ นายมาลองดู” หานเฟยกำลังจะปฏิเสธเพราะปัญหาที่เขาเข้าไปพัวพันอยู่ตอนนี้ แต่ว่าก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็วางสายไปแล้ว

“ฮัลโหล ผู้กำกับเจียง?” หานเฟยเม้มริมฝีปากแห้งผากขณะฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์

‘ฉันคงเป็นนักแสดงตลกที่ดีไม่ได้ถ้าไม่สามารถกระทั่งทำให้ตัวเองมีความสุขได้...’ นี่เป็นสิ่งที่หานเฟยเชื่อแต่สุดท้ายแล้วเขาก็กล่อมตัวเองเป็นอย่างอื่น ผู้กำกับเจียงนั้นใจดีพอที่จะหยิบยื่นโอกาสให้เขาตอนที่ไม่มีใครทำ การปฏิเสธเขาอาจจะเป็นการไร้มารยาทเกินไป ดังนั้น หานเฟยจึงกลับบ้านไปอาบน้ำเร็ว ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมุ่งหน้าไปถนนเหนือ

ซินลู่นั้นเป็นมหานครแห่งหนึ่ง มีพื้นที่กว้างใหญ่ ใจกลางเมืองนั้นถูกจำลองให้เป็นเมืองอัจฉริยะมีเทคโนโลยีขั้นสูง เต็มไปด้วยตึกระฟ้าและบริษัททางเทคโนโลยี และยังเป็นที่อยู่อาศัยของอัจฉริยะระดับท็อปเทนจากทั่วโลก เทียบกันแล้ว ส่วนเมืองเก่านั้นเสื่อมโทรมมาก ที่นั่นยังมีสภาพเหมือนเมื่อสิบปีก่อน

“ขอโทษนะครับแต่ว่าผู้กำกับเจียงอยู่แถวนี้ไหม?” ตอนที่หานเฟยไปถึง เขาก็ประหลาดใจที่เห็นกองถ่ายสองกองอยู่ที่นี่ หนึ่งนั้นกำลังถ่ายละครโรแมนติกคอมเมดี้สมัยใหม่ ส่วนอีกกองนั้นถ่ายละครแนวสืบสวนสอบสวน งานก่อนหน้าของหานเฟยนั้นเป็นแนวตลกทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงเดินไปทางกองละครแรก

“หานเฟย?” คนในกองที่กำลังตรวจดูรายชื่อนักแสดงมองเห็นหานเฟย “นายถูกไล่ออกจากบริษัทแล้วนี่? นายมาที่นี่ทำไม?”

“นี่เป็นหนังของบริษัทเราเหรอ?” หานเฟยก็งงเหมือนกัน “ผู้กำกับเจียงบอกให้ฉันมา”

“ฮึ? แต่ว่าผู้กำกับละครเรื่องนี้ไม่ใช่เจียงอี้ นายมาผิดที่หรือเปล่า?” พนักงานคนนี้เป็นพนักงานตัวเล็ก ๆ ของบริษัท เขาสงสารหานเฟยดังนั้นจึงอธิบายให้เขาฟังอย่างอดทน

“ผู้กำกับไม่ใช่เจียงอี้?” หานเฟยแน่ใจว่าเขามาถูกที่ ในเมื่อผู้กำกับละครสมัยใหม่นี้ไม่ใช่เจียงอี้ อย่างนั้นก็ต้องเป็นอีกกองถ่ายหนึ่งที่อีกฝ่ายรับผิดชอบดูแล

หานเฟยหันกลับไปช้า ๆ แล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าอพาร์ทเม้นท์โทรม ๆ ที่ฝั่งตรงข้ามถนน ประตูอพาร์ทเม้น์ปิดอยู่ มีโปสเตอร์ติดเอาไว้ มันเขียนด้วยหมึกสีแดงเลือด-- บุปผาบาป

“เดี๋ยวก่อนนะ... เขาอยากให้ฉันมาเล่นหนังสยองขวัญเหรอ?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด