ตอนที่แล้วตอนที่ 219 ทาสอสูรเผ่าหนู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 221 ฮาเดรียน่า

ตอนที่ 220 นักล่าจากเผ่าหนอนไฟ


ตอนที่ 220 นักล่าจากเผ่าหนอนไฟ

อสูรหนูลงมือชำแหละร่างของแมงป่องอย่างชำนาญ ซึ่งดูมันจะตื่นเต้นซะด้วยซ้ำไป ไนเรลต้องคอยจ้องมองไม่ให้มันกินเนื้อแมงป่องกลายพันธุ์ในระหว่างทำงาน

“ดึงเข็มพิษนั้นออกแล้วแยกไว้”

“ก้ามใหญ่ทั้งสองอันด้วย”

“ก้ามเล็กที่ปากนั้นก็ดึงออกมา”

ไนเรลสั่งให้อสูรหนูดึงของพวกนี้ออก เพราะเขาต้องการนำมาทำเป็นอาวุธ ขณะที่รออสูรหนูชำแหละร่างแมงป่องไนเรลก็ถือแก่นพลังงานไว้ในมือจากนั้นก็เดินเข้าไปสำรวจภายในโพรงไม้ด้านใน มันไม่มีสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ เหลืออยู่อีก

“พวกสัตว์กลายพันธุ์คงโดนแมงป่องกลายพันธุ์กินหมดแล้ว” ไนเรลก้มลงไปมองตามรังนกร้างที่พื้น รังมันยังใหม่อยู่แสดงว่าเจ้าของรังคงโดนจัดการไปไม่นาน “แมงป่องนั้นคงพึ่งจะย้ายมาที่นี่”

ไนเรลไม่ได้สำรวจต่อไปอีก เขาเก็บรังเก่า ๆ พวกนั้นมากองสุมกัน ดึงไม้ออกมาจากซากต้นไม่นี่และลงมือก่อไฟด้วยวิธีง่าย ๆ

ขณะที่ไฟติดเสร็จเรียบร้อยแล้วอสูรหนูก็เดินเอาของที่เขาต้องการเข้ามาให้ก่อนที่มันจะกลับไปจัดการหน้าที่ตัวเองต่อด้วยสภาพที่น้ำลายไหลออกจากปาก

“แกกินเนื้อส่วนขามันได้ข้างหนึ่ง” ไนเรลบอกกับมันก่อนที่จะไปหยิบของที่อสูรหนส่งมาให้

“ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณ” อสูรหนูคุกเข่าขอบคุณไนเรลจนแทบจะติดพื้นก่อนที่มันจะรีบวิ่งออกไปด้วยความดีใจ

ด้านนอกมืดแล้ว อสูรหนูก็จัดการร่างแมงป่องเสร็จไปนานแล้ว ตอนนี้มันกำลังก่อไฟย่างเนื้อส่วนของตนเองอยู่ พร้อมกับมันยังเฝ้าปากทางเข้าให้ไนเรลไว้ด้วย แม้เขาจะไม่ได้สั่งมันทำก็ตามที

ไนเรลกลืนแก่นพลังงานของแมงป่องลงท้องไปสักพักพลังงานภายในก็ถูกดูดซับเข้าเซลล์ของเขาอย่างช้า ๆ ไนเรลไม่มีเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการคอยช่วยแล้วทำให้การดูดซับพลังงานของเขาไม่ต่างจากมนุษย์ชั้นสูงคนอื่น ๆ ทั่วไปมากนัก

“คงทำได้แต่ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนคนอื่น ๆ” ไนเรลหยุดสนใจสิ่งนี้แล้วหันไปจัดการกับของตรงหน้า

เขาหยิบหนังของอสูรหนูที่เก็บไว้ออกมา เขาเริ่มทำจากเหล็กในพิษของหางแมงป่องก่อนซึ่งมันเหมาะจะใช้มาทำหอกสั้น ส่วนทางก้ามใหญ่ของมันไนเรลจัดการทำมันเป็นดาบโค้งยาวประมาณ 1.5 เมตร และก้ามเล็กที่ได้จากปากของมัน เขาทำเป็นดาบสั้นยาวประมาณ 0.5 เมตร

“เสร็จสักที” ไนเรลมองอาวุธทั้งห้าชิ้นตรงหน้า แม้จะไม่ได้ดีเท่าของที่เมสันทำ แต่มันก็พอใช้งานได้ นอกจากนั้นเขายังทำสายสะพายเพื่อเก็บดาบทั้ง 4 ไว้ที่หลังอีกด้วย ส่วนหอกสั่นไนเรลเก็บไว้ข้างเอว

ทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไนเรลก็ลงมือกินเนื้อบางส่วนก่อนที่จะพักผ่อน ส่วนเจ้าอสูรหนูมันหลับไปนานแล้ว

......

เช้าวันต่อมา ด้านนอกเต็มไปด้วยหยดน้ำค้างจากอากาศที่หนาวเย็นในตอนกลางคืน กองไฟทั้งสองมอดดับลงไปแล้ว อสูรหนูยังคงนอนหลับอยู่ทางเข้าโพรงไม้

ส่วนไนเรลตอนนี้ลุกขึ้นมองจากรอยแตกของไม้ไปยังจุดหนึ่งอยู่...

ด้านนอกกลุ่มคนเดินล้มเข้ามาที่ซากต้นไม้ด้วยความระมัดระวัง คนเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นพวกนักล่า ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 กว่าคนในมือแต่ละคนมีดาบและปืนพลังงานเก่าอยู่อีกหนึ่งกระบอก

“มันอยู่ที่ซากไม้นี่ใช่ไหม”

“ใช่ หลังจากมันกินคนของเผ่าเรา ข้าก็สะกดรอยตามมาจนถึงที่นี่”

“ไม้นั่นเป็นโพรงเราควรสั่งคนไปปิดทางออกทั้งสองฝั่งไหม”

“ไม่ต้อง มันไม่น่าจะหนีเราหลอก มันมีแต่จะเข้ามาฆ่าเรามากกว่า ดังนั้นเราต้องการคนจำนวนมากพอที่จะฆ่ามันให้ได้ คนเผ่าเราต้องไม่ตายฟรี อีกอย่างซากมันน่าจะพอให้เราเอาไปแลกน้ำสะอาดได้จำนวนมาก” ชายที่ถือปืนพูดด้วยความเย็นชา

“เอ๊ะ! มีเลือดที่พื้น...ดูสิ”

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

นักล่าเหล่านี้รีบเข้ามาดูรอยเลือดที่หยดอยู่บนพื้น มันยังมีร่องรอยของการต่อสู้และเปลือกของแมงป่องที่โดนชำแหละแล้วกองอยู่ด้านนอกโพรงไม้

ในตอนนั้นเองก็มีชายหนุ่มเดินออกมาจากโพรงต้นไม่ ทุกคนรีบยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาทันที

“พวกนายเป็นใคร?” ไนเรลถามคนพวกนั้น

นักล่าทุกคนดูจะตกใจ เมื่อเห็นไนเรลอย่างชัดเจน โดยเฉพาะที่หน้าผากของไนเรลที่มีคริสตัลสีม่วงแวววาวอยู่ มันแสดงให้เห็นถึงระดับพลังของไนเรล

“พวกเจ้าทำอะไรรีบลดอาวุธเร็วเข้า” ชายที่เหมือนจะเป็นผู้นำรีบบอกทุกคนให้ลดอาวุธลงทันที พร้อมกับเดินเข้ามาหาไนเรลด้วยความนอบน้อม

“พวกข้าต้องขออภัยด้วย เราไม่รู้ว่าท่านพักอยู่ที่นี่” ชายคนนั้นขอโทษด้วยความจริงใจ สายตาของมันมองไปที่พื้นดินไม่กล้าสบตาไนเรลแม้แต่น้อย ในใจได้แต่คิดว่า ‘ทำไมผู้ที่ทรงพลังระดับสีม่วงถึงมาที่นี่กัน หรือว่ามีสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 6 ออกอาละวาดแถวนี้’

แต่พอคิดว่ามีสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 6 ชายผู้เป็นหัวหน้าก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

‘ดูเหมือนคนพวกนี้จะเป็นมนุษย์ชั้นสูงกันหมด แต่ก็ยังเคารพคนที่แข็งแกร่งกว่าสินะ’ ไนเรลคิดในใจตนเอง

“ไม่เป็นไร ว่าแต่พวกคุณมาทำอะไรที่นี่กัน” ไนเรลถามด้วยท่าทีเป็นมิตร เพราะมนุษ

“เออ...พวกเราเป็นคนจากเผ่าหนอนไฟมาตามไล่ล่าแมงป่องดำ มันฆ่าคนของเราไปหลายคนก่อนจะหนีมาทางนี้ แต่ดูแล้วมันคงไม่จำเป็นในเมื่อท่านฆ่ามันไปแล้วพวกเราก็ขอขอบคุณที่แก้แค้นให้คนของเรา”

“ไม่เป็นไร”

ไนเรลสังเกตพวกเขา คนเหล่านี้กำลังมองซากแมงป่องอยู่พร้อมกับกลืนน้ำลายไปด้วย แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะกลัวไนเรล แต่ละคนลอบมองไปที่คริสตัลสีม่วงกลางบนหน้าผากไนเรลด้วยความหวาดหวั่น

“พวกคุณกินอะไรมาหรือยัง ถ้ายังเอาเนื้อนี้ไปกินได้” ไนเรลเดินไปแบ่งแมงป่องเนื้อมาท่อนหนึ่งจากนั้นก็ส่งให้กับนักล่าเหล่านั้น

พวกนี้ตกใจกับการกระทำของไนเรล แต่ไม่มีใครกล้ารับสักคน ยิ่งกว่านั้นพวกเรามีท่าทางระวังมากขึ้น ไนเรลขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทีของคนเหล่านี้ แต่ดูเหมือนนึกอะไรออกเขาจึงกล่าวต่อว่า “แลกกับน้ำครึ่งหนึ่งที่พวกคุณมีก็แล้วกัน”

“น้ำเปล่าแลกกับเนื้อนั้น”

“หรือว่าไม่พอ” ไนเรลถามกลับไป นักล่าพวกนั้นถึงกับพยักหน้ารีบกล่าวตอบตกลงทันที

“พอ ๆ แค่นี้ถือว่าท่านเมตตาพวกเรามากแล้ว”

“เรียกผมว่าไนเรลก็พอ” ไนเรลพูดจบก็หันกลับไปปลุกอสูรหนูขึ้นมา อันที่ไนเรลรู้ว่าไอ้บ้านี่แกล้งหลับ อันที่จริงมันตื่นมานานแล้ว

“ลุกขึ้นไปก่อไฟย่างเนื้อ”

“ย่างเนื้อ ได้ ๆ นายท่านจี๊ด ๆ” อสูรหนูลุกขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น มันรีบไปจัดการเนื้อส่วนที่ดีที่สุดมาและย่างให้ไนเรล แน่นอนว่ามันไม่ลืมของตัวเองอย่างแน่นอน

‘อสูรนี่ได้กินของดี ๆ มันสามารถฝื้นฟูเรี่ยวแรงได้ภายในวันเดียว สมแล้วกับที่เป็นพวกอสูร ฉันควรจะตั้งชื่อให้มันสักหน่อย ถ้าจะเรียกแต่อสูรก็ดูจะยังไงอยู่’

“แกมีชื่อไหม” ไนเรลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถามอสูรหนู

“ไม่มี” มันตอบพร้อมกับส่ายหัวขณะที่พลิกกลับเนื้อไปมา

“ถ้างั้นต่อไป แกจะชื่อว่า กัส”

“กัส...กัส” อสูรหนูพึมพำออกมาดูเหมือนว่ามันจะชื่นชอบชื่อนี้พอสมควร

ไนเรลและกลุ่มนักล่าก็นั่งย่างเนื้อด้วยกัน แน่นอนว่าคนพวกนี้เกรงใจไนเรลเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจะไม่พูดอะไรมากมาย ยกเว้นก็แต่ไนเรลถาม ซึ่งหลังจากสอบถามเขาก็พอจะรู้ว่านักล่าเหล่านี้เป็นคนที่มาจากเผ่าหนอนไฟ และคนที่ถือปืนใหญ่พลังงานรุ่นที่แม้แต่ไนเรลก็ไม่เคยเห็น คือหัวหน้าของคนพวกนี้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้าเผ่า มีชื่อว่าเฮกเตอร์

ยิ่งเขาพูดคุยกันมากเท่าไหร่ ไนเรลก็ยิ่งเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น ที่นี่มนุษย์แบ่งออกเป็นเผ่าอาศัยอยู่ตามจุดที่มีแหล่งน้ำแน่นอนว่า เผ่าหนอนไฟนั้นเล็กเกินไปจึงไม่มีแหล่งน้ำเป็นของตัวเอง พวกเขาต้องอาศัยออกล่าสัตว์กลายพันธุ์หรือหาของที่มีค่าไปแลกน้ำ

ไนเรลไม่ได้ถามไปมากกว่านี้เพราะดูเหมือนนคนพวกนี้ยังคงระวังเขาพอสมควร และไนเรลเองก็ไม่ได้รีบถามอะไรมากนัก เขายังมีเวลาอีกพอสมควร

“ว่าแต่ท่านไนเรลมาทำอะไรแถวนี้อย่างนั้นหรือ? หรือว่าท่านมาตามล่าสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 6” เฮกเตอร์ถาม

ไนเรลหันไปมองเฮกเตอร์ด้วยสายตาที่หรี่ลง เฮกเตอร์แก้ตัวทันที

“ท่านไนเรลอย่าพึ่งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดจะสอดรู้เรื่องของท่าน ข้าเพียงแต่ระวังตัวไว้ ถ้าท่านมาล่าสัตว์ระดับ 6 พวกข้าก็จะได้เตรียมตัวหนี เพราะถ้าเกิดการต่อสู้ระดับนั้นเผ่าเล็ก ๆ ของข้าคงยากที่จะรอดพ้นความตาย”

“คุณไม่ต้องกลัวไป ผมก็แค่คนเร่ร่อนที่เดินทางไปเรื่อย แล้วก็ไม่ได้มาตามล่าอะไรทั้งนั้น” ไนเรลตอบแบบยิ้ม ๆ

“ท่านเป็นคนเร่ร่อนอย่างนั้นเหรอ” เฮกเตอร์ดูจะไม่ค่อยเชื่อ แต่พอสังเกตดี ๆ เมื่อเห็นสภาพและการแต่งตัวนั้นอาจจะแย่กว่าเผ่าของตนเองซะอีก ทันใดนั้นก็เหมือนมีฟ้าผ่ามากลางใจเมื่อเฮกเตอร์คิดขึ้นได้

‘เขาบอกว่าตัวเองเป็นพวกเร่ร่อน อย่างนั้นก็ไม่ใช่คนของเผ่าไหน ถ้าเกิดว่าข้าสามารถชักชวนเขาเข้าร่วมกับเผ่าหนอนไฟได้ เผ่าหนอนไฟก็จะแข็งแกร่งขึ้นมาก และอาจจะสามารถยึดครองแหล่งน้ำสักแห่งสองแห่งก็ได้’ เฮกเตอร์ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งตื่นเต้น โอกาสของเผ่าหนอนไฟมาถึงแล้ว ขอแค่ไนเรลเข้าร่วมเผ่าของเขา แม้แต่ตำแหน่งผู้นำเผ่าเข้าก็สละให้ไนเรล

“ท่านไนเรล ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักที่เผ่าของพวกข้าก่อนเป็นยังไง มันเดินทางไม่ไกล แค่สิบกว่าชั่วโมงก็ไปถึงแล้ว” เฮกเตอร์ไม่ได้บอกไปตรง ๆ แต่เลือกเชิญไนเรลไปพักที่เผ่าแทน การที่เฮกเตอร์เป็นหัวหน้าเผ่าได้เขาไม่ไม่ได้โง่อย่างแน่นอน ถ้าคิดจะให้คนระดับไนเรลเข้าร่วมมันต้องมีผลตอบแทนที่คุ้มค่ากัน

ไนเรลยิ้มมุมปากและคิดในใจตัวเอง ‘ฉันต้องการข้อมูลมากกว่านี้ไปที่เผ่าของคนพวกนี้ก็ไม่เลว’

“ก็ได้อยู่ ตอนนี้ข้าไม่มีที่พักพอดี อาจจะต้องรบกวนคุณสักสองสามวัน”

“ไม่ ๆ ไม่รบกวนอะไรเลย”

“ถ้างั้นเราออกเดินทางกันเลยเถอะ” ไนเรลกล่าวจบก็ลุกขึ้นทันที

เฮกเตอร์เห็นดังนั้นเขาก็รู้สึกแปลก ๆ มันราวกับว่าไนเรลรอให้เขาชักชวนเขาไปที่เผ่าอยู่แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด