ตอนที่แล้วChapter 5: นี่จะเป็นเกมอิยาชิเคอิได้ยังไง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 7: หลี่เซว่

Chapter 6: เปลี่ยนความหวาดกลัวการเข้าสังคมไปเป็นความบ้าคลั่ง


หลังจากหานเฟยเสียงานไป เขาก็แสวงหาการปลอบใจชั่วคราวจากเกมต่าง ๆ เป้าหมายหลักของเขาก็คือระบายอารมณ์และปรับสภาพตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไปกลับคืนมาโดยเร็ว เอาละ เป้าหมายของเขาตอนนี้สำเร็จแล้ว หลังจากเล่นเกม Perfect Life นี่ เขาก็เกิดความซาบซึ้งในความดีงามของการมีชีวิตอยู่ขึ้นมาใหม่ ความอยุติธรรมที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้เทียบไม่ได้กับผีในโลกเสมือนและการพยายามฆ่า ถ้ามองแบบนี้ เขาก็ถือว่าได้รับการรักษา แต่ว่าวิธีการรักษานั้นรุนแรงไปสักนิด อาจจะเปรียบเทียบเหมือนศัลยแพทย์ตัดสินใจตัดมือเขาออกเพราะนิ้วก้อยของเขาถูกเสี้ยนตำ

หานเฟยนอนแผ่อยู่บนพื้นอย่างไร้ชีวิตชีวา ความเจ็บปวดและอ่อนล้าทรมานจิตวิญญาณของเขา เขาไม่รู้ว่าในที่สุดตัวเองก็หลับไปหรือว่าหมดสติไปกันแน่

...

ปัง! ปัง! ปัง!

ตอนเจ็ดโมงเช้า หานเฟยถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงเคาะประตูห้อง เขาคลานขึ้นจากพื้น สมองพร่าเบลอ จนกระทั่งเห็นหมวกเล่นเกมที่บนโต๊ะและรอยเลือดเปื้อนด้านในเขาถึงได้จำได้ว่าเกมเมื่อวานนั้นไม่ใช่ความฝัน ‘ภารกิจผู้เล่นใหม่ยากเป็นบ้า และมันก็มีแต่จะยากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้านี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายแล้วจะเป็นอะไรได้? ฉันเป็นแค่นักแสดงตลกคนหนึ่งเท่านั้น ฉันไม่รู้วิธีการต่อสู้ด้วยซ้ำ แล้วฉันจะสู้กับเพื่อนบ้านเสียสติทั้งตึกได้ยังไง?’

ปัง! ปัง! ปัง! เสียงเคาะประตูยังดังไม่เลิก ถ้านี่เป็นก่อนที่หานเฟยจะได้สัมผัสกับ Perfect Life ชายหนุ่มที่เป็นโรคกลัวสังคมอย่างรุนแรงย่อมทำแกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้านแล้วรออยู่เงียบ ๆ จนกว่าคนจะกลับไป แต่ตอนนี้น่ะเหรอ? เขาก้าวยาว ๆ ไปทางประตูหน้าและเปิดมันออกอย่างไม่คิดมาก

“อรุณสวัสดิ์ครับ พวกเราเป็นตำรวจจากสถานีตำรวจถนนซินฝู” ถนนซินฝูนั้นอยู่ส่วนเมืองเก่า และบังเอิญว่าเป็นที่ตั้งของร้านสะดวกซื้อที่หานเฟยซื้อหมวกเล่นเกมมาด้วย “ผมชื่อจ้าวหมิง และนี่คือเพื่อนร่วมงานของผม จางเสี่ยวเทียน”

“ตำรวจ?” เห็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบทั้งสองคนที่ประตูบ้านแล้วดวงตาของหานเฟยก็เป็นประกายขึ้น สิ่งที่เรียกว่ากล่องดำในสมองของเขาขู่เขาด้วยความตายหากรายงานสถานการณ์ของเขากับตำรวจแต่ว่ามันก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อตำรวจเป็นฝ่ายมาหาเขาด้วยตัวเองใช่ไหมล่ะ...

“เข้ามาก่อนครับ!” หานเฟยไม่เคยดีใจที่ได้เห็นคนอื่นขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาเชิญเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเข้าไปในบ้านอย่างดีใจและวิ่งไปที่ตู้เย็นเอาเครื่องดื่มมาให้

“พวกเรามาที่นี่เพราะมีคำถามอยากจะถามคุณเล็กน้อย เมื่อวานนี้เกิดไฟไหม้ขึ้นในเขตของพวกเราและในกล้องวงจรปิดมีภาพคุณอยู่ใกล้ ๆ กับสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้” เจ้าหน้าที่ทั้งสองงุนงงกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่พวกตนได้รับ จ้าวหมิงกระทั่งดึงโทรศัพท์ของตัวเองออกมายืนยันสถานการณ์ เขาพบว่าหานเฟยนั้นมีท่าทีต่างไปจากในประวัติของเขาที่ตำรวจรวบรวมมาได้

“อันที่จริง ผมมีบางอย่างอยากจะบอกพวกคุณ” หานเฟยนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าหน้าที่

“โอ้?” เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนสบตากัน สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขณะมองหานเฟย “คุณอยากจะบอกอะไรพวกเราล่ะครับ?”

“เมื่อคืนวาน ผม...”

“คำเตือน! คำเตือน ผู้เล่น 0000! ห้ามเปิดเผยการมีอยู่ของ Perfect Life รุ่นแรกให้กับบุคคลอื่น! หลังจากการเตือนครั้งที่สาม กล่องดำที่ในศีรษะของคุณจะระเบิด!” มันเหมือนกับมีคนกำมือรอบหัวใจของเฉินเกอ การสั่นเทิ้มที่มาจากส่วนลึกของสมองทำให้หายเฟยตัวแข็งทื่อ ริมฝีปากของเขาเปิดออกแต่กลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนมองหายเฟยเปิดปากแต่ไม่พูดอะไรและทั้งสามคนก็เงียบอย่างกระอักกระอ่วนไปหลายวินาที

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณเมื่อคืนวานเหรอครับ?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามซ้ำ พวกเขาไม่รู้เลยว่าหานเฟยตกอยู่ภายใต้ความกดดันแบบไหนอยู่ เหงื่อเป็นหยดไหลลงมาตามแก้มของหานเฟย การตายอย่างสยดสยองนั้นคืบคลานไปทั่วเส้นประสาทของเขา เส้นเลือดที่หน้าผากโป่งนูนออกมา หานเฟยกัดฟัน กำหมัดทุบเบาะ สุดท้ายแล้ว เขาก็เก็บเรื่องเกมเอาไว้กับตัวเอง

เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนตกใจกับการกระทำกะทันหันของเขา “คุณครับ ได้โปรดใจเย็นก่อน พวกเราค่อย ๆ คุยกัน การใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องไม่สมควร”

หานเฟยสมองปั่นป่วนพยายามหาทางอธิบายปัญหาของเขาออกไปโดยไม่พูดถึงเกม เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้กล่องดำระเบิด เขาเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง “ประมาณเที่ยงคืนเมื่อคืนนี้ คุณตำรวจ กรุณาให้ความสังเกตเรื่องเวลาเอาไว้ หญิงชราคนหนึ่งมาเชิญผมไปกินติ่มซำที่บ้านของเธอ ตอนที่ผมไปถึงที่นั่น หลานชายของเธอก็ขว้างถ้วยน้ำซุปปลาทิ้งและบอกว่าเธอปรุงน้ำซุปด้วยวัตถุดิบจากโลงศพ แต่ว่าผมเห็นชัด ๆ ว่าเธอหยิบวัตถุดิบออกมาจากตู้เย็น นั่นไม่ได้หมายความว่าเคยมีศพอยู่ในตู้เย็นของเธอหรอกหรือ ไม่อย่างนั้นทำไมหลานชายของเธอถึงพูดแบบนั้น?”

“ผมสงสัยมากกว่าว่าทำไมคุณถึงสันนิษฐานอย่างนั้น” เจ้าหน้าที่ตำรวจมองสีหน้าจริงจังของหานเฟยแล้วก็ไม่อยากกดดันต่อ จ้าวหมิงกดปุ่มเครื่องบันทึกเสียงในกระเป๋าเงียบ ๆ ขณะที่จางเสี่ยวเทียนขยับแขนข้างซ้ายไปด้านหลังด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ “แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ เกิดอะไรขึ้น?”

“ผมกลับมาที่บ้านแล้วพยายามนอนให้หลับ แต่ว่าประตูห้องน้ำเริ่มเปิดออกด้วยตัวเองและมีบางอย่างออกมาจากในนั้น แล้วก็ พวกคุณเชื่อเรื่องผีไหม?”

“ยังไงนะครับ?”

“ผี! แบบที่นั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นแล้วก็เทเลพอร์ต*ได้ มันหน้าซีดมาก ๆ และยังสามารถบิดตัวได้เหมือนไม่มีกระดูก!” หานเฟยเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เขากลัวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะกลับไปก่อนเพราะเรื่องเล่าไร้สาระของเขา และเขาก็จะพลาดโอกาสขอความช่วยเหลือดังนั้นจึงออกท่าออกทางตอนบรรยาย ทักษะการแสดงถูกเขาดึงออกมาใช้อย่างเต็มที่

“ผมควรจะบันทึกเรื่องผีนี่เอาไว้งั้นเหรอ?” จ้าวหมิงสูดลมหายใจลึกและพยายามรักษาน้ำเสียงให้คงที่ “ถ้านี่เป็นทุกอย่างที่คุณจะเล่าให้พวกเราฟัง อย่างนั้นให้พวกเราช่วยประหยัดเวลาของทั้งสองฝ่าย ฟังนะครับคุณ พวกเราจะถามคำถามคุณและต้องการให้คุณตอบตามความจริง”

“แต่ผมสาบานกับพระเจ้าเลยว่าที่ผมกำลังพูดความจริงกับพวกคุณนะ!” หานเฟยไม่ได้แสดงละครแล้ว เขากะพริบตาถี่ ๆ เหมือนตัวเองเป็นตัวประกันที่ถูกจับตัวเอาไว้ แต่คนที่จับเขาเป็นตัวประกันไม่ใช่คน เป็นเกมเกมหนึ่ง

“อย่างแรกเลย ทำไมคุณถึงไปที่ถนนเก่าแก่ตอนประมาณบ่ายโมงครึ่งเมื่อวานนี้ครับ?” จ้าวหมิงไม่คล้อยตามหานเฟยและพุ่งตรงสู่จุดประสงค์ของพวกเขา

“ผมไปซื้อเกมมือสอง โอ้ ใช่แล้ว! พวกเราควรไปหาเจ้าของร้านนะ! คุณตำรวจ คุณต้องช่วยผมหาเจ้าของร้าน!”

“เจ้าของร้านอะไรครับ? ตึกส่วนใหญ่ที่ถนนเก่าน่ะเก่าเกินกว่าจะใช้การได้แล้ว อันที่จริง ร้านทั้งหมดถูกย้ายออกไปตั้งแต่สามเดือนก่อน”

“เป็นไปไม่ได้สิ! ผมเพิ่งซื้อเกมจากร้านสะดวกซื้อเก่า ๆ เมื่อสามวันก่อนเอง! พวกเราไปที่นั่นกันเดี๋ยวนี้เลย! อันที่จริง ผมจะพาพวกคุณไปเดี๋ยวนี้เลย!” หานเฟยกระเด้งขึ้นจากโซฟา

“คุณกำลังล้อเล่นกับพวกเราเหรอครับ? คุณคิดว่ามันตลกหรือยังไง? เมื่อวานตอนบ่ายเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ถนนเก่า ร้านรวงว่างเปล่าพวกนั้นถูกเผาหมดแล้ว โชคดีที่ที่นั่นร้างเลยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ” ตอนนี้จ้าวหมิงและจางเสี่ยวเทียนมองหานเฟยอย่างสงสัยออกนอกหน้า

“ร้านถูกเผาหมดแล้ว?” หานเฟยมองเจ้าหน้าที่อย่างงงงวย แต่แล้วดวงตาของเขาก็กลับมามีประกายมุ่งมั่นอีกครั้ง “เป็นไปไม่ได้! มันต้องมีอะไรสักอย่างผิดปกติ! ผมจำหน้าตาของเจ้าของร้านได้ชัดเจน! ตราบใดที่คุณหาคนมาได้ คุณก็จะรู้ว่าผมไม่ได้โกหก!” หานเฟยนั้นเป็นนักแสดงมืออาชีพ ดังนั้นเขาจึงมีความทรงจำที่ดี เขาดึงเอาปากกากับกระดาษออกมาแล้ววาดใบหน้าของชายชราเจ้าของร้านลงไป “เน้นเครื่องหน้าแบบนี้! ผมแน่ใจว่าคุณจะหาตัวเขาได้ในไม่ช้า!”

“ผมจะบอกคุณอีกครั้ง ไม่มีร้านไหนที่ยังเปิดทำการอยู่...” จ้าวหมิงอยากจะพูดอะไรต่อตอนที่โทรศัพท์ของเขาสั่นขึ้น เขาให้จางเสี่ยวเทียนจับตามองหานเฟยขณะที่เขาออกจากห้องไปรับสาย

“สวัสดีครับ หัวหน้าหวัง?”

“นายไปถึงบ้านของผู้ต้องสงสัยวางเพลิงหรือยัง? เจออะไรไหม?” เสียงของชายวัยกลางคนดังมาจากในสาย

“พวกเรามาถึงแล้วครับ และก็เจอผู้ต้องสงสัยหลังจากพูดคุยและสอบถามสั้น ๆ” จ้าวหมิงมองเข้าไปในห้องแล้วลดเสียงลง

“นายหมายความว่ายังไง?”

“จากข้อมูลที่พวกเรามี ผู้ต้องสงสัยนั้นเป็นนักแสดงตลกที่ทำงานหนักและเก็บตัว พวกเราตรวจดูข้อมูลเกี่ยวกับเขาและพบว่าเขาเข้ารับคำปรึกษาทางจิตเวชมาหลายครั้ง ตามที่บันทึกในประวัติ เขามีภาวะหวาดกลัวสังคมอย่างรุนแรง”

“นักแสดงที่หวาดกลัวสังคมอย่างรุนแรง?”

“ในประวัติบอกอย่างนั้นครับ แต่หลังจากได้พูดคุยจริงจังกับผู้ต้องสงสัย พวกเราก็พบว่าเขากระตือรือร้นและตื่นเต้นง่าย ท่าทางของเขาประหลาดมาก ผมเชื่อว่าภาวะหวาดกลัวสังคมของเขารักษาหายแล้วแต่ว่า...”

“แต่อะไร?”

“แต่ว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเสียสติไปในระหว่างกระบวนการรักษานั่นครับ”

เทเลพอร์ต* การเคลื่อนที่ในพริบตา

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด