ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 105 หิมะเดือดเลือดสาดในซอยมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 107 ไพ่ใบสำคัญของตระกูลหม่า

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 106 เด็กไม่ปกติ


ตอนที่ 106 เด็กไม่ปกติ

ฉิงจื่อหาวหันกลับไปมองลูกน้องทั้งสี่ที่วิ่งเข้ามา และถามด้วยเสียงแหบห้าว “ทำไมพวกแกไม่บุกไปข้างหน้า!”

หัวหน้ากลุ่มตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วรวบรวมความกล้าตอบว่า “พวกมันค่อนข้างแข็งแกร่ง และมีปืนไม่น้อย เราต้องปกป้องเสี่ยวฉู่…”

“ปืนของแกอยู่ที่ไหน?” ฉิงจื่อหาวถามอีกครั้ง

หัวหน้านิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งและยกแขนขวาขึ้นให้ดูโดยสัญชาตญาณ “ปืนอยู่นี่!”

“บูมม!”

ทันใดนั้น ฉิงจื่อหาวก็ยกปืนลูกซองขึ้นมาโดยไม่มีการเตือนใดๆ ปากกระบอกปืนใกล้แทบจะแตะข้อมือของหัวหน้ากลุ่มและเหนี่ยวไกปืน

“อ๊าคคคค!!”

เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วซอย ฝ่ามือขวาของหัวหน้ากลุ่มขาดกระเด็นลอยออกไปตกที่พื้นถนนที่เต็มไปด้วยหิมะปนดินสกปรก

ลูกน้องทุกคนอกสั่นขวัญแขวนเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

ฉิงจื่อหาวยืดตัวขึ้นด่าว่าลูกน้องอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมีค่าพอที่จะเป็นมือปืนอาชีพและนำทีมหรือเปล่า? หา! ในระยะใกล้ขนาดนั้น ฉันไม่ได้ต้องการให้แกจับพวกมันทั้งหมดทันที แต่ฉันรู้ว่ามันทำได้ เวลามีมากพอและถ้าพวกแกพยายามมากกว่านี้ ระยำจริงๆ แกคิดว่าเงินที่ฉันให้แกมันปลิวมาตามลมเหรอไงวะ?!”หัวหน้ากลุ่มสี่คุกเข่าลงบนพื้นด้วยร่างกายที่ชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด เขากัดฟันมองดูฉิงจื่อหาวด้วยความโกรธ

ลูกน้องทั้งสามที่อยู่ข้างหลังเขาเต็มไปด้วยความโกรธและกำลังจะพุ่งไปข้างหน้าเพื่อเอาเรื่องฉิงจื่อหาว

“อย่าขยับ…” หัวหน้ากลุ่มสั่งและหยุดสหายของเขาในขณะที่ตนยังคุกเข่าอยู่กับพื้นพลางกุมข้อมือที่ขาดห้ามเลือดไว้แน่น

“จ่ายเงินพวกมันแล้วบอกให้พวกมันไปให้พ้น” ฉิงจื่อหาวพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วหันกลับมาและตะโกนบอกลูกน้องที่เหลือ “คนอื่น ตามฉันมา!”

ลูกน้องฉิงจื่อหาวคนหนึ่ง ก้าวเข้าไปถาม “จะปล่อยเสี่ยวฉู่ไปไหมครับ?”

ฉิงจื่อหาวหยุดเมื่อได้ยินคำถาม ทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปทันที

เสี่ยวฉู่ยืนอยู่กลางกลุ่มลูกน้อง หลังจากเห็นแววตาที่บ้าคลั่งลึกๆ ของฉิงจื่อหาว เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นพูดด้วยเสียงฮึดฮัด “พี่ชาย พี่ใหญ่ คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าฉันช่วยตระกูลหยวนด้วย... เมื่อกี้คุณขอให้ฉันล่อพวกมันมา ฉันก็ทำตามที่บอกแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตฉันเถอะ ได้โปรด…”

“บูมม!”

ฉิงจื่อหาวยิงลูกซองกระจายเข้าที่หน้าอกเสี่ยวฉู่ แรงกระแทกของกระสุนผลักเสี่ยวฉู่หงายหลังกระเด็นออกไปครึ่งเมตร สิ้นใจคาที่

“หมาเหล่าเอ้อรอดไปแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?” ฉิงจื่อหาวโยนปืนลูกซองเปล่าให้ลูกน้องคนหนึ่งของเขา และเดินไปอย่างรวดเร็วไปยังทางแยก “จัดการดูแลในซอยให้เรียบร้อย คนอื่นตามฉันมา”

การแสดงที่บ้าคลั่งและผิดปกติของฉิงจื่อหาว ทำให้เหวินเทามีอาการหวั่นวิตกอย่างหนักทันที เขาตัดสินใจเสี่ยงรีบลุกขึ้นวิ่งหนีไป

เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นอย่างโกลาหล และพวกอันธพาลที่ก้าวเท้าเข้าวงการและต้องการสร้างเนื้อสร้างตัวและชื่อเสียง ในที่สุดก็เข้ามาอยู่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยโอกาสและความเป็นไปได้

ไม่กี่นาทีต่อมา

เหลือลูกน้องไม่กี่คนที่อยู่เก็บกวาดซากความโหดร้ายในซอย พวกเขากำลังลากร่างของเสี่ยวฉู่และคนอื่นๆ เข้าไปในรถ หย่งตงรีบวิ่งหายใจหอบเข้าไปดูร่างเสี่ยวฉู่ที่มีสภาพเละจนจำไม่ได้

“อะไร... เกิดอะไรขึ้น?” หย่งตงชี้ไปที่เสี่ยวฉู่พร้อมถามว่า “เขาตายได้ยังไง?”

ลูกน้องตัวสั่น มองดูหย่งตงด้วยใบหน้าซีดเซียว และพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “นายน้อยฉิงรู้สึกว่า เมื่อหมาเหล่าเอ้อหนีไป เขาจะไร้ประโยชน์ ดังนั้น...จึงยิงเขา”

เมื่อได้ยินเสียงเช่นนั้น หย่งตงก็หันวนไปวนมาอย่างสับสนหลายรอบแล้วตะโกนด่าฉิงจื่อหาวกับท้องฟ้าอย่างอ่อนแรง “ทำไมแกถึงมองหาเสี่ยวฉู่เพื่อทำแบบนี้! เพื่อธุรกิจที่ดีขึ้น เพื่อปกป้องตลาดและรายได้ ไม่ใช่เพื่อตอบสนองอารมณ์นักฆ่า ถ้าเสี่ยวฉู่ยังมีชีวิตอยู่ เฒ่าหม่าจะโผล่ออกมาจากถ้ำ ตอนนี้แกดันบอกว่าแกฆ่าเขาแล้วบอกว่าช่างมันงั้นเหรอ? ไอ้ฉิบหาย!!”

ทุกคนฟังคำพูดของหย่งตงและนิ่งเงียบ

“ฝีมือดีที่แต่เล่นอย่างเหี้ย!” หย่งตงสาปแช่ง แล้วหันหลังกลับแล้วเดินไปที่รถของเขาด้วยท่าทางอ่อนเพลีย

……

ภายในรถ

ฉิงจื่อหาวนั่งอยู่ที่เบาะหลัง สูดหายใจฟืดๆ เข้าจมูกและเหงื่อออกไปทั่วร่างกายซึ่งมีอาการหดหู่สุดขีด เนื่องจากการเสแสร้งเป็นคนดีทั้งที่บ้านและที่บริษัทตลอดเวลา

ลูกน้องหนุ่มฉกรรจ์ที่นั่งข้างคนขับ ชี้ไปทางซ้ายของถนนแล้วตะโกนด้วยเครื่องส่งรับวิทยุว่า “รถทีมสองด้านหลัง แยกไปอีกทางที่ทางแยกข้างหน้า แล้วไปดักพวกมันที่ปลายทาง ในกลุ่มพวกมันได้รับบาดเจ็บคงวิ่งไปไม่ได้ไกล”

“ฟืด ฟืดด…!”

ฉิงจื่อหาวดึงคอเสื้อของลูกน้องอย่างแรง หายใจเข้าสองครั้งใหญ่ และตะโกนด้วยเสียงแหบห้าว “เอา… เอายาให้ฉันเถอะ...ฉันหายใจไม่ออก”

“พี่หาว ปริมาณมันมากเกินไปหน่อยนะครับ” ลูกน้องหนุ่มฉกรรจ์แนะนำ

ทันใดนั้นฉิงจื่อหาวก็ลุกขึ้นยืนคว้าเสื้อชายหนุ่มจากด้านหลังพร้อมตะโกน “ฉันบอกว่า... ฉันหายใจไม่ออก นายต้องการให้ฉันตายใช่ไหม? หา? พวกนายทุกคนกำลังรอที่จะให้ฉันตายอยู่หรือเปล่า?!”

ลูกน้องหนุ่มฉกรรจ์เห็นว่าเขาไม่ฟังคำแนะนำ จึงเปิดกล่องเก็บของหน้ารถ และหยิบขวดยาออกมา ลูกน้องเอาเข็มเจาะเข้าที่จุกขวดยา ดูดยาเข้าเข็มปริมาณหนึ่ง แล้วส่งเข็มที่มีน้ำยาให้ฉิงจื่อหาวพร้อมพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ ฉีดได้เลย เดี๋ยวก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว”

……

บนถนนที่ไม่มีใครรู้จักอันมืดมิด หมาเหล่าเอ้ออุ้มเสี่ยวลิ่วขึ้นมาแล้วตะโกนบอก “น้องชาย อดทนไว้ก่อน อดทนรออีกหน่อย ฉันขอให้ลุงจื่อโทรหาแล้ว เดี๋ยวจะมีคนมารับเราที่นี่เร็วๆ นี้แหละ”

เสี่ยวลิ่วสับสนและก้มศีรษะลงแล้วตอบว่า “อย่า... ทิ้งฉันไว้... ฉันเดินไม่ไหว…หัวฉันหนัก... วางฉันลง วางฉันลง”

ข้างๆ เขา ลุงหลิวตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือด้วยน้ำเสียงและน้ำตาคลอ “พี่หม่า จบแล้ว มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเรา... เสี่ยวฉู่ตกเป็นเป้าหมายของอีกฝ่ายมานานแล้ว ทันทีที่เราลงมือ คนจากบริษัทยาในพื้นที่มา มีรถสี่คัน นำพวกมาเป็นสิบ... เริ่มยิงใส่พวกเรา… และเหมาจื่อถูกพวกมันฆ่าตายแล้ว”

“ใจเย็นๆ แล้วคุยกับฉัน” เสียงของผู้เฒ่าหม่ามั่นคง “คุณอยู่ที่ไหน สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง อีกฝ่ายยังไล่ตามนายอยู่หรือเปล่า?”

“เรากำลังถูกไล่ตาม เสี่ยวลิ่วถูกยิงและเดินไม่ได้ เราไม่คุ้นเคยกับสภาพท้องที่และไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหน... มานี่เร็วๆ ไม่อย่างงั้นเสี่ยวลิ่วจะเดือดร้อน”

“ฉิบหาย! ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครถูกฆ่าหรือยังไม่เคยยิงปืนมาก่อน?!” จู่ๆ ผู้เฒ่าหม่าก็ตะโกน “ใจเย็นๆ ถ้านายไม่บอกสถานที่เฉพาะเจาะจง ฉันจะไปหาพวกนายได้ยังไง?”

ลุงหลิวจื่อเริ่มมีสติมากขึ้นหลังจากถูกดุใส่ เขาหันไปมองถนนทันที สายตาของเขากวาดไปหยุดอยู่ที่สถานที่ก่อสร้างที่กำลังสร้างใหม่แห่งหนึ่ง แล้วตะโกนใส่โทรศัพท์ “เราอยู่ที่จัตุรัสอนุสรณ์เขตเก้า...เป็นสถานที่ก่อสร้าง…”

“ฟังฉันนะ ถ้าถ่วงเวลาพวกมันได้ ก็ทำไป ถ้าหนีด้วยกันได้ก็หนีด้วยกัน ถ้าวิ่งหนีด้วยกันไม่ได้ก็ทิ้งคนที่ไปไม่ได้ไว้ก่อน ฉันอยากให้พวกแกรอดกลับมามีลูกหลานสืบตระกูล แต่ที่ฉันไม่อยากเห็นเลยคือไม่มีใครรอดกลับมาสักคนเดียว ได้ยินไหม” ผู้เฒ่าหม่าตะโกนด้วยน้ำเสียงมั่นคง “อย่าตกใจ ตั้งสติ และโทรหาฉันได้ตลอดเวลา”

“ได้ ได้!”

ทันทีที่พวกเขาพูดจบ ทั้งสองก็วางสาย จากนั้นลุงหลิวจื่อก็คว้าหมาเหล่าเอ้อแล้วตะโกนว่า “วิ่งไปที่ที่ก่อสร้างตรงนั้น! พี่ใหญ่จะมาที่นี่ในไม่ช้า”

“เสี่ยวลิ่ว นายได้ยินไหม คนของเราจะมาช่วยแล้ว” หมาเหล่าเอ้อพยุงลูกน้องของเขาไว้แล้วรีบลากวิ่งไปอีกฟากหนึ่งของถนน

“บรื้นน!”

ในขณะนี้ มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น รถออฟโรดคันหนึ่งก็แล่นมาอย่างเร็วจากทางแยกพร้อมกับเลี้ยวปัดหางควันฉุย ฉิงจื่อหาวที่เพิ่งฉีดยาเข้าไป พูดด้วยดวงตาที่สดใสผิดปกติ “รีบหามันให้เจอ ฉันจะตัดแขนหมาเหล่าเอ้อไว้เป็นที่ระลึก แล้วปล่อยให้เฒ่าหม่ามารับมันกลับไป!”

ลูกน้องหนุ่มฉกรรจ์ตรงที่นั่งข้างคนขับได้ยินดังนั้นจึงเสนอความคิดทันที “ให้พวกของเรามาถึงนี่ครบๆ ก่อน แล้วเราเข้าไปข้างในกันดีไหมครับ?”

“นายคุ้นเคยกับภายในสถานที่ก่อสร้างหรือเปล่า?” ฉิงจื่อหาวถามพร้อมเบิกตากว้าง “เร่งพวกมัน! แค่เลี้ยวไม่กี่มุม มันไม่ได้หายากเย็นอะไรขนาดนั้น”

ลูกน้องหนุ่มฉกรรจ์หันกลับมาตะโกนใส่วิทยุทันที “ขับมาเร็วๆ เข้า!”

……

บนถนน

ผู้เฒ่าหม่าเร่งเร้ากวนฉี “ขับเร็วๆ เด็กๆ ของฉันกำลังเดือดร้อน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กวนฉีเหยียบคันเร่งเพิ่มอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วพลางกดโทรศัพท์ถึงฉินหยู่

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด