ตอนที่แล้วบทที่ 24: โจวไป่หยุน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25: พื้นที่ล่าสัตว์

บทที่ 26: ทักษะปืน


บทที่ 26: ทักษะปืน

หลังจากที่โจวไป่หยุนพูดจบ ผู้คนก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ล่าสัตว์หลังจากแจ้งเพื่อนของพวกเขา

หวังเต็งเองก็รู้สึกสนใจเช่นกัน ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม เขาก้ได้เรียกหน้าต่างค่าคุณสมบัติของเขาออกมา

คามรู้แจ้ง: 82

ร่างกาย: 167

ความแข็งแกร่ง: 2888

ความเร็ว: 1033

เทคนิคการต่อสู้: ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน (ผู้เชี่ยวชาญ), ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน (ผู้เชี่ยวชาญ), ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน (ผู้เชี่ยวชาญ), ทักษะมีดขั้นพื้นฐาน (ผู้เชี่ยวชาญ), ทักษะปืน (ผู้สัมฤทธิ์)

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา คะแนนค่าคุณสมบัติของเขาก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเขาก็ได้เพิ่ม 'ทักษะปืน' เข้ามาให้กับคลังค่าคุณสมบัติของเขาด้วย

ซึ่งตอนนี้มันก็อยู่ในขั้นผู้สัมฤทธิ์แล้วเช่นกัน

มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับความรู้เกี่ยวกับปืนในใจของหวังเต็ง เขารู้สึกว่าการเล็งของเขานั้นแม่นยำมาก และสายตาของเขาก็ค่อนข้างเฉียบขาดและเฉียบคม

เขาเก็บปืนขึ้นมาเมื่อสองวันก่อนในตอนที่เขาฆ่าโจรทั้งห้าเสร็จแล้ว

โจรเหล่านี้เป็นศิษย์นักสู้ทั้งหมด และพวกมันก็มีเพียงทักษะหมัดขั้นพื้นฐานและฟุตเวิร์ค ด้วยเหตุนั้นเองพวกมันจึงดรอปคุณสมบัติออกมาด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่พวกมันใช้ปืนนี้เอง พวกมันจึงดรอปค่าคุณสมบัติทักษะปืนออกมาค่อนข้างมากอีกด้วย

ค่าคุณสมบัติจากโจรทั้งห้าได้ผลักดันทักษะปืนของหวังเต็งให้ไปสู่ระดับขั้นผู้สัมฤทธิ์

พูดกันตามตรง ฟองสบู่ค่าคุณสมบัติจะดรอปออกมามากที่สุดก็ต่อเมื่อเขาได้ไปฆ่าใครสักคน!

แต่แค่คิดก็สยองแล้ว!

นอกจากค่าคุณสมบัติแล้ว หวังเต็งก็ยังได้รับอีกสิ่งหนึ่งในวันนั้น ปืนรูนฟอร์ส!

โจรทั้งห้าคนมีปืนรูนฟอร์สคนละหนึ่งกระบอก อย่างไรก็ตาม หัวหน้าโจรก็ยังมีอีกกระบอกหนึ่งซ่อนอยู่ในร่างกายของมัน และหลังจากที่ตัวประกันวิ่งออกจากอาคารสำนักงานไปหมดแล้ว ตามมารยาทหวังเต็งก็อดไม่ได้ที่จะทำการ...ค้นศพ!

นี่เป็นนิสัยที่ดีที่ฉันได้รับมาจากการเล่นเกม o(╯□╰)o

โชคดีที่กล้องวงจรปิดได้ถูกทำลายไปแล้วโดยโจรเหล่านั้น ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่สะดวกแลเหมาะเจาะที่สุดสำหรับหวังเต็ง

และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้หวังเต็งมีอาวุธซ่อนอยู่บนร่างกายของเขา!

หลังจากที่เขาเก็บฟองสบู่ค่าคุณสมบัติของทักษะปืนได้แล้ว เขาก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลองทดสอบมันดูสักที ด้วยเหตุนั้นเอง เมื่อเขาได้ยินว่าเขาสามารถที่จะใช้ปืนในพื้นที่ล่าสัตว์ได้ ความตื่นเต้นจึงผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา

“พี่หวังเต็ง เรามาร่วมสนุกกันหน่อยไหม?” ซูเจี๋ยถามด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

หยูห่าวและซุนเกาหยานเองก็ดูตื่นเต้นเช่นกัน

หวังเต็งยิ้มในใจ ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความคิดเดียวกัน

“เว่ยน้อย เธอจะไปด้วยไหม” หวังเต็งมองไปที่ไป่เว่ยและถาม

“ไม่ พวกนายเล่นปืนจริงไปเถอะ ส่วนฉันจะไปเล่นปืนฉีดน้ำเล็กๆของฉัน” ไป่เว่ยโบกปืนฉีดน้ำที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ

“อืม… แน่นอน ตราบใดที่เธอมีความสุข” หวังเต็งพยักหน้า เขาพูดกับซูเจี๋ยและชายหนุ่มอีกสองคนว่า  “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

ขณะเดียวกันไป่เว่ยก็ไปเข้าร่วมทีมต่อสู้ปืนฉีดน้ำกับหญิงสาวอีกสองสามคน

หวังเต็งและเพื่อนๆของเขามาถึงทางเข้าพื้นที่ล่าสัตว์ หลังจากเสร็จสิ้นการลงทะเบียนที่เคาน์เตอร์กับเจ้าหน้าที่และรับปืนมาแล้ว พวกเขาก็เข้าไปข้างในพื้นที่ล่าสัตว์

ปืนที่เจ้าหน้าที่ได้จัดมาให้นั้นก็เป็นปืนรูนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พลังของพวกเขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับปืนที่พวกโจรใช้

แม้ว่าพวกมันจะเป็นปืนรูนฟอร์สทั้งคู่ แต่มันก็มีความแตกต่างกันมากในเรื่องของพลังของพวกมัน ปืนรูนฟอร์สที่ทรงพลังนั้นสามารถฆ่านักสู้ได้ ในขณะที่ปืนรูนฟอร์สที่อ่อนแอนั้นสามารถใช้เพื่อฆ่าสัตว์ป่ากลายพันธุ์ระดับต่ำสุดได้เท่านั้น

ตามพลังของปืน ปืนรูนฟอร์สก็สามารถจำแนกได้ตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงเก้าดาว

และปืนล่าสัตว์ที่พวกเขามีนั้นก็ยังไม่ถือว่าเป็นปืนระดับหนึ่งดาวด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อซูเจี๋ยและเพื่อนของเขาได้สัมผัสกับปืน พวกเขาก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังสัมผัสกับสมบัติล้ำค่าบางอย่าง

ท่ามกลางความรู้สึกสับสน กลุ่มก็ได้เดินเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์

พื้นที่ล่าสัตว์ทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยลวดหนามโลหะซึ่งเสริมด้วยอักษรรูนอีกที ดังนั้นความสามารถในการป้องกันของมันจึงดีกว่าลวดหนามโลหะทั่วไป

พื้นดินเต็มไปด้วยใบไม้ที่เน่าเปื่อยและกิ่งก้านที่ซ้อนกันตลอดหลายปี

“ปกติแล้วมันไม่มีเจ้าหน้าที่พิเศษเข้ามาทำความสะอาดพื้นที่นี้หน่อยเลยหรอ?” ซูเจี๋ยบ่น

“การทำความสะอาดนั้นไม่จำเป็น หลายคนหลงใหลในบรรยากาศแบบนี้ ซึ่งหากมันมีกลิ่นอายของมนุษย์มากเกินไป มันก็จะทำให้เสียบรรยากาศในการล่าสัตว์ได้” ซุนเกาหยานอธิบาย

“อืม...” ซูเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “มีเหตุผล”

หยูห่าวกลอกตา เขาต้องยอมรับว่าซูเจี๋ยนั้นเป็นคนที่งี่เง่าและโง่ในบางครั้ง

ปัง

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง เสียงปืนก็ดังขึ้นข้างหูของพวกเขาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า พวกเขาเกือบจะกระโดดออกจากจุดนั้นด้วยความตกใจ

“เชี่ย พี่หวังเต็ง ทำไมพี่ถึงได้ยิงโดยไม่บอกกล่าวกัน?” ซูเจี๋ยลูบหน้าอกของเขาและถาม

หวังเต็งเงยหน้าขึ้น จากนั้นซูเจี๋ยและอีกสามคนก็มองไปในทิศทางที่หวังเต็งกำลังชี้ไป

มันมีกระต่ายสีเทาตัวใหญ่กำลังนอนอยู่!

ไม่สิ มันตายแล้ว

“เอาเรื่องจริงๆ!” ซูเจี๋ยหัวเราะเสียงดัง

หยูห่าวและซุนเกาหยานมองไปที่หวังเต็งด้วยความตกใจ พวกเขาไม่ทันสังเกตเลยว่ามันมีกระต่ายปรากฎตัวขึ้น

นอกจากนี้ การยิงของหวังเต็งก็ยังแม่นยำอีกด้วย หนึ่งนัดต่อหนึ่งชีวิต!

หลังจากที่ซูเจี๋ยหยิบกระต่ายขึ้นมา พวกเขาก็ยังคงเดินลึกเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ล่าสัตว์ ส่วนที่ลึกกว่านั้นเป็นสนามเด็กเล่นที่แท้จริงสำหรับสัตว์ป่า

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปในพริบตา

ซูเจี๋ยและเพื่อนๆของเขาต่างก็ถือสัตว์ป่าอยู่ในมือ มันเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดี

“มีการเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า”

หวังเต็งพูด จากนั้นอีกสามคนก็หยุดเดินและยกปืนขึ้น

พวกเขาฟังเสียงอย่างระมัดระวังและสังเกตเห็นเสียงแผ่วเบาดังออกมาจากระยะไกล พวกเขาคุ้นเคยกับความรู้สึกที่เฉียบแหลมของหวังเต็งแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงดูเฉยๆกับเหตุการณ์นี้

แต่ละคนหาต้นไม้ของตัวเองและซ่อนอยู่ข้างหลัง

“รีบไปไล่มันเร็ว! อย่าให้มันหนีไปได้!” จากนั้นมันก็มีคนตะโกนอยู่ข้างหน้า

ซูเจี๋ยแลกเปลี่ยนสายตากับเพื่อนของเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้มาพบกับกลุ่มนักล่าอีกกลุ่มหนึ่ง

ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมที่จะถอยออกไป พุ่มไม้ที่อยู่ตรงหน้าก็เริ่มสั่นไปมา หวังเต็งและคนอื่นๆหยุดกลางทางและเห็นเงาสีดำที่ว่องไวพุ่งออกมาจากพุ่มไม้

จากนั้นเจ้าของเสียงตะโกนก็วิ่งตามออกมาจากพุ่มไม้

“มันคือพวกเขา!”

ซูเจี๋ยและเพื่อนๆของเขาได้ชำเลืองมองไปและอุทานออกมา มันคือโจวไป่หยุน,หลี่หรงเฉิงและเพื่อนของพวกเขา

หลี่หรงเฉิงกระตือรือร้นที่จะแสดงฝีมือให้โจวไป่หยุนเห็น ดังนั้นเขาจึงยกปืนขึ้นและยิงใส่เหยื่อของเขาขณะวิ่ง

ปัง ปัง ปัง!

อย่างไรก็ตาม ทั้งสามนัดก็ไม่โดนอะไรเลย เงาดำหลบไปทางขวาและซ้าย มันคล่องตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

“หลี่หรงเฉิง ถ้าแกยิงไม่ได้ งั้นก็แกก็หยุดยิงเถอะ แกกำลังทำเสียกระสุนไปโดเปล่าประโยชน์ และที่สำคัญกว่านั้น แกก็เกือบจะพลาดยิงมาโดนเราแล้ว ไอ้โง่” ซูเจี๋ยตะโกนด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“ ไอ้เชี่ยเอ้ย พวกแกมาที่นี่ทำไมกัน? หลี่หรงเฉิงสาปแช่พวกเขาราวกับว่าการได้พบกับพวกเขานั้นเป็นเรื่องอัปมงคล

“ฮ่าฮ่า พื้นที่ล่าสัตว์แห่งนี้ไม่ใช่ของตระกูลแกสักหน่อย อย่างงั้นแล้วแกจะมาไล่เราไดยังไงกัน?” ซูเจี๋ยโต้แย้ง

“แก...”

“รีบไปหยุดมันได้แล้ว มันจะหนีไปแล้ว!”

ก่อนที่หลี่หรงเฉิงจะพูดอะไร โจวไป่หยุนก็ตะโกนออกมาจากด้านหลัง

“เชี่ย พี่หวังเต็ง นั่นมันหมาป่าสีขาว มันกำลังวิ่งไปทางพี่แล้ว” ซูเจี๋ยเหลือบมองสัตว์และตะโกนด้วยน้ำเสียงแปลกๆ

หวังเต็งไม่ต้องการยิง หมาป่าตัวนี้เป็นเหยื่อของโจวไป่หยุน ดังนั้นถ้าเขาเข้าไปยุ่งกับการล่าของเธอ ความแค้นก็อาจจะหยั่งรากลึกในใจของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม หลี่หรงเฉิงก็ยังคงยิงไม่โดนมันสักที

“ถ้าใครสามารถเก็บหมาป่าตัวนั้นได้ ฉันก็จะเติมเต็มความปรารถนาให้เขา 1 อย่าง!” โจวไป่หยุนตะโกนเมื่อเธอเห็นว่าหมาป่าสีขาวกำลังจะหลบหนีไป

หวังเต็งมองไปที่หมาป่าสีขาวที่พุ่งเข้าหาเขาอย่างรู้สึกหมดหนทาง

ทำไมแกต้องวิ่งมาหาฉันนด้วยนะ

ทำไมแกต้องบังคับให้ฉันทำแบบนี้กัน

ปัง!

นัดเดียว!

หวังเต็งทำนายการเคลื่อนไหวของหมาป่า จากนั้นเขาก็จัดการเก็บมันด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว

หมาป่าสีขาวหอนด้วยความเจ็บปวดและไถลไปกับพื้น มันตกลงบนพื้นด้วยเสียงอันดังก้อง

“ฮ่าฮ่า โดน!”

ซูเจี๋ยมีความสุขมากกว่าหวังเต็งเสียอีก เขาเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้และหัวเราะเยาะหลี่หรงเฉิงจนกระทั่งใบหน้าของหลี่หรงเฉิงเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“ก็แค่โชคช่วย!” หลี่หรงเฉิงเย้ยหยัน

หยูห่าวและซุนเกาหยานเองก็เดินเข้ามาเช่นกัน พวกเขารวมตัวกันรอบๆหมาป่าและตรวจดูมัน  พกวเขาเดาะลิ้นเป็นเสียงดียวกัน

“ขนของหมาป่าตัวนี้สวยมากจริงๆ!”

โจวไป่หยุนเดินเข้าไปและก้มลงลูบขนของหมาป่า เธอพูดอย่างร่าเริงว่า “ดีมาก ขนเจ้านี่เหมาะสำหรับการเอาไปทำเป็นผ้าพันคอ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด