ตอนที่แล้วตอนที่ 19 เสียงทะเลาะในบ้านยามเช้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 คำท้าสู้และการเลือกด้วยตนเอง

ตอนที่ 20 ดาบเล่มแรก


ตอนที่ 20 ดาบเล่มแรก

กายหยิบหมอนปิดหูทั้งสองนอนต่อโดยไม่สนใจอะไร เขานอนจนเย็นก็แอบออกจากบ้านไปเดินเล่นนอกบ้านหาอะไรกิน เพราะทั้งวันเขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

ยามเย็นในบริเวณบ้านของเขานั้นมันเต็มไปด้วยเสียงที่ดังออกมาจากบ้านของผู้อยู่อาศัยรอบ ๆ ในยานที่กายอยู่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาเป็นชนชั้นแรงงาน อยู่ในเขตอุตสาหกรรม

บ้านบางหลังกายก็รู้จักอย่างบ้านที่กายเดินผ่านนี้เป็นบ้านของลุงมูโรที่ทำงานที่โรงงานแยกชิ้นส่วนและเป็นเพื่อนกับลุงแฟรงค์ ซึ่งลุงมูโรมักจะเมาอยู่บ่อยครั้งหลังเลิกงาน จึงมักทะเลาะกับป้าเวเรียเมียของลุงแกอยู่บ่อยครั้ง

“กาย หลานจะไปไหน กินอะไรหรือยัง” ป้าเวเรียถามขณะที่ถือไม้นวดแป้งอยู่

“เออ...ยังครับ แต่เดียวกำลังจะออกไปหาอะไรกินอยู่”

“งั้นรอแปป รอตรงนี้อย่าพึ่งไปไหนนะ” หลังจากนั้นป้าเวเรียก็กลับไปในบ้านสักพักก็ออกมา พร้อมกับห่อกระดาษ

“เอานี้ไปกิน” ป้าเวเรียเปิดห่อกระดาษออกด้านในมีขนมที่ดูเหมือนจะเป็นคุกกี้อยู่ มันคือขนมแป้งแข็งที่ทำง่าย ๆ เพียงแป้งเหลวและน้ำตาลผสมกันและนำไปอบก็ได้เป็นขนมที่เหมือนคุกกี้ที่คนรวย ๆ กินกัน

“ขอบคุณครับ” กายพูดด้วยความจริงใจ ป้าเวเรียมักจะใจดีกับเด็ก ๆ แถวนี้เสมอ เมื่อก่อนเธอจะทำขนมแป้งแข็งแจกเด็กในระแวกบ้าน แต่หลังจากที่เธอเสียลูกสาวไปก็ไม่ค่อยได้แจกขนมอีกเลย

“ไม่เป็นไร จริงสิวันนี้ค่าฝุ่นเยอะอย่าออกมาข้างนอกนานละเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ป้าเวเรียเตือนด้วยความเป็นห่วงจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน

กายเอาห่อขนมมาเก็บไว้ในเสื้อจากนั้นก็ขยับหน้ากากกันฝุ่นเก่า ๆ เอาผ้าพันอีกครั้งและไปต่อ

.............

กายเข้ามาในร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 ซึ่งมีคนเล่นเกมอยู่มากพอสมควร เนื่องด้วยตอนนี้เป็นเวลาเย็นละเป็นวันหยุดคนจึงเยอะกว่าปกติ เขาเดินแทรกตัวเข้าไปด้านในสุดก็เจอกับเจ้ซาเรีย

“เจ้ซาเรียสวัสดีครับ” กายทักทายด้วยรอยยิ้ม

“อืม...วันนี้มาไวกว่าปกติ” ซาเรียพูดไปก็เก็บเงินลูกค้าในร้านไป

“พอดีวันนี้ผมหยุดงานก็เลยว่าง ว่าแต่ผมขอกินอาหารที่ร้านนะ”

“ตามสาย กินเสร็จแล้วก็ไปจดลงบัญชีด้วย”

“ครับ...” กายเดินเข้าไปหลังร้าน ‘ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ดี’

ระหว่างที่จัดการมื้อใหญ่กายก็กินขนมแป้งแข็งที่ได้มาด้วย มันเป็นรสชาติที่อร่อยไม่เคยเปลี่ยน ‘หวานและหอมจากน้ำตาลและแป้งที่ไหม้เล็กน้อย เสียอย่างเดียวมันแข็งไปหน่อย แต่ถ้าไม่แข็งก็ไม่ใช่ขนมแป้งแข็งสิ’

เขากินหมดไปหนึ่งชิ้นอย่างรวดเร็ว แต่ขณะที่กำลังจะหยิบขึ้นมากินอีกชิ้นก็นึกขึ้นได้จึงเอามันไปแบ่งให้ซาเรียกินบ้าง ตอนแรกเธอก็มองแปลก ๆ แต่ก็รับห่อขนมไว้

กายเห็นแบบนั้นก็ยิ้ม ๆ ออกมา อย่างน้อยเธอก็ไม่ปฏิเสธนั้นหมายความว่าเขากับเธอเริ่มสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย กายรู้ว่าเขาต้องพึ่งพาเธอในหลาย ๆ เรื่องทั้งที่เขาไม่ได้สร้างประโยชน์ให้เธอเลยในตอนนี้

‘ฉันจะต้องไม่ทำให้เธอผิดหวังในวันที่แดนสงครามเปิด’ เขาสัญญากับตัวเองอย่างน้อยเจ้ซาเรียก็ดีกับเขามากกว่าคนที่บ้าน

วันที่ 18 เมษายน ปีที่ 70 เวลา 00:00 น.

กายลืมตาขึ้นมาในเกมเขายังคงนั่งอยู่หน้าเตาหลอมในมือขวาถือค้อนอีกมือจับคีมคีบเหล็กดิบที่เป็นแดงออกส้มอยู่

ปัง!

เขายังคงทุบเหล็กด้วยความเคยชินเหมือนกับในตอนแรก ๆ เสียงค้นที่ปะทะกับเหล็กร้อน ๆ เกิดสะเก็ดไฟกระเด็นออก อุณหภูมิที่ร้อนแรงแม้จะเที่ยงคืนกว่าแล้วไม่ได้ทำให้เขาลดละในการทำให้เหล็กบริสุทธิ์เลยแม้แต่น้อย

รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว กายจึงต้องหยุดมือจากงานที่ทำลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา แต่พอมองดูตัวเองที่เต็มไปด้วยเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัวเขาจึงรีบกลับไปที่ห้องจากนั้นก็อาบน้ำและพักผ่อนประมาณสองชั่วโมง หลังจากนั้นประมาณ 8 โมงกว่า ๆ ก็รีบไปกินข้าวที่โถงอาหารและไปที่ห้องเรียน

วันนี้กายต้องไปฟังการสอนศิลปะการต่อสู้ ฟัน ที่เขาลงเรียนไว้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายแล้ว เขาฟังไปก็หาวไป ‘การง่วงนอนในเกมไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยจริง ๆ ’

จนในที่สุดข้อความก็ขึ้น “ฟังการสอนครบกำหนด เรียนรู้”ศิลปะการต่อสู้ ฟัน 0 /2 (1.26%) สำเร็จ”

“เยี่ยม!” กายตะโกนออกมาด้วยความดีใจ คนในห้องหันมามองเขาด้วยสายตาเดียวกัน ส่วนอาจารย์ผู้สอนนั้นเดินออกไปทันทีที่สอนเสร็จ

“ไม่มีอะไรข้าแค่ดีใจที่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้สำเร็จ”

“เจ้าเรียนรู้สำเร็จจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ พอจะสอนข้าได้ไหม” ศิษย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันไปถามเขาด้วยท่าทีจริงจรัง

“หือ...เจ้าไม่ได้เรียนรู้ได้แล้วเหรอหลังจากที่ฟังอาจารย์สอน”

“ข้าไม่ใช่อัจฉริยะสักหน่อยที่ฟังเนื้อหาจบแล้วจะเข้าใจเรื่องศิลปะการต่อสู้ ฟัน ขั้น 1 และ 2 ทั้งหมดได้ ตกลงเจ้าเข้าใจแล้วจริง ๆ หรือเปล่า ช่วยสอนให้ข้าหน่อยได้ไหม”

กายได้ยินดังนั้นก็งง เพราะเขานึกว่าเพียงแค่ฟังครบชั่วโมงพวกเราก็เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้แล้ว ดูเหมือนจะมีความต่างระหว่าง NPC กับ ผู้เล่นอยู่ แต่มันก็สมเหตุสมผล ถ้า NPC พวกนี้เพียงแค่ฟังการสอนครบชั่วโมงทุกคนก็เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้แล้วสมดุลของเกมก็คงพัง ‘แต่นั้นไม่ได้ความว่าผู้เล่นเหมือนโกงพวก NPC เพราะมีระบบเกมช่วยเหรอ’

เขาคิดอย่างนิ่งเงียบจนสรุปได้ว่า ความต่างของผู้เล่นกับ NPC ไม่ได้มีแค่นี้แน่ ๆ ‘NPC อาจจะมีในสิ่งที่ผู้เล่นไม่มีก็ได้ แบบนั้นสมดุลของเกมถึงจะยังคงอยู่ ไม่งั้นผู้เล่นก็คือคนที่ทำลายสมดุลของโลกราชัน’

“แสดงค่าสถานะ” กายเรียกดูค่าสถานะของตัวทันที หลังจากกลับมาที่ห้องพัก

“ชื่อ : เดวิน”

“อายุ : 19”

“เพศ : ชาย”

“ระดับ : นักรบฝึกหัด ขั้น 1”

"ศิลปะการต่อสู้ :

ทุบ 1/1 (10%)

ฟัน 0/2 (3%)"

กายมองดูหน้าต่างสถานะด้วยความดีใจ แต่ตัวเลขมันยังคงเป็นขั้น 0 นั้นหมายความว่า เขายังคงไม่สำเร็จขั้นแรกของศิลปะการต่อสู้ แต่อย่างน้อยเขาก็เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แล้ว

‘เหลือก็แค่ฝึกฝนซ้ำ ๆ เท่านั้น ก่อนที่แดนสงครามจะเปิด แต่ก่อนอื่นข้าต้องสร้างดาบให้สำเร็จก่อน’

“หาว...ไม่ไหวการอดนอนหนึ่งคนมันทำให้ง่วงและทรมานมากจริง ข้าคงต้องนอนก่อน...” เขาพูดออกมาด้วยความง่วงจากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนและหลับไป

บางครั้งการนอนหลับในเกมมันก็รู้สิ่งดีมากไม่ต่างจากการนอนหลับในโลกความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย ที่ว่าไม่ต่างคงต้องบอกว่ารวมถึงอากาศที่ร้อนด้วย เขาตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อที่เต็มตัว ผ้าปูที่นอนชื้นเล็กน้อยจากเหงื่อ

กายเช็ดน้ำลายข้างปากลุกขึ้นด้วยความงัวเงีย ‘นอนตอนกลางวันอากาศร้อนแบบนี้ทำให้รู้สึกมึนหัวเป็นบ้าเลย’

‘ถ้าข้ามีเหรียญทองมากกว่านี้จะต้องเช่าห้องพักที่ระดับสูงของสถาบันให้ได้’ กายลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างห้อง ตอนนี้ด้านนอกนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าทิ้งไว้เพียงแสงสีส้มที่สาดไปตามก้อนเมฆยามเย็น

......

ที่โรงตีเหล็กไร้เวลา กายจัดการทำเหล็กแท่งของทั้ง 3 วันตามจำนวนที่กำหนด 150 แท่งจนเสร็จ ทำให้หลังจากนี้เขาจะได้มีเวลาในการตีดาบได้อย่างเต็มที่

สองวันต่อมาแดดตอน 10 โมงเช้าเริ่มร้อนแรงขึ้น กายยังคงตีเหล็กอยู่ในโรงตีเหล็กไร้เวลา เขามีเวลานอนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในแต่ละวัน มีหลายครั้งที่เขาทำพลาดจึงได้แค่เหล็กกล้าชั้นรองที่ยังมีสิ่งเจือปนอยู่สูง

ทำให้ต้องควักเงินไปซื้อแร่เหล็กจากอาจารย์ช่างโลหะจอห์นมาอีก 30 กิโลกรัมเป็นเงินถึง 15 เหรียญทอง

และในวันนี้กายก็ใกล้จะทำสำเร็จแล้ว เพราะเขามาถึงขั้นตอนการขึ้นรูปดาบเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยขอบตาดำที่ดำเหมือนหมีแพนด้า ปากที่แห้งแตกจากอากาศที่ร้อน เขามองดาบที่เปลี่ยนเป็นสีแดงส้มจากความร้อน เขาใช้คีมที่จับสองมือค่อย ๆ ลาก ดาบตรงหน้าไปชุบแข็งเป็นครั้งสุดท้าย

กายรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ถึงกับกลืนน้ำลายที่เหนี่ยวข้นอย่างต่อเนื่องเพราะความตื่นเต้น

ฟู! ......

เสียงดาบที่จุ่มลงไปในสารชุบแข็งที่เรียกว่า น้ำมันมูลซี ซึ่งมันได้มาจากยางของต้นไม้มูลซีที่ราคาถังละ 10 ทอง (20 ลิตร) แต่แน่นอนว่ากายได้ใช้มันฟรี ๆ เพราะในโรงตีเหล็กไร้เวลามันคือของพื้นฐานที่สุด

หลังจากยกขึ้นมาตัวดาบกลับไปได้ดำหรือมีคาบอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับขาวสะอาดราวกับผ้าสีขาวที่เงางามสุด ๆ

“ข้าทำสำเร็จ ฮ่า ๆ ข้าทำสำเร็จ” กายมองดูมันด้วยสายตาที่สั่น เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่ทุ่มเทลงไปนั้นมันคุ่มค่า อาการเหนื่อยล้าทั้งหมดเหมือนจะหายไปทันที

“ต้องใส่ด้ามให้มัน” กายรีบไปหาด้ามดาบซึ่งเขาเคยเห็นของพวกนี้จำนวนมาก หลังจากค้นหาอยู่นานเขาก็เจอกับด้ามที่เข้ากันได้กับตัวดาบเพียงปัดฝุ่นเล็กน้อยและเก็บรายละเอียดพอเป็นพิธี ก็ได้ด้ามดาบดูเรียบง่าย แต่มันกลับไม่ได้ทำลายความงดงามของดาบเลยแม้แต่น้อย

กายมองดูดาบสีขาวเงินยาว 1.5 เมตรด้วยสายตาที่ตกตะลึงในความสวยของมัน ดาบบริสุทธิ์มากจนสะท้อนเงาของเขาบนใบดาบ

ไม่มีอะไรสามารถทำให้มันหม่นหมองลงได้ เขากลัวว่าคมของมันจะไม่คมดังนั้นจึงเอาไปลับอีกสองสามครั้งด้วยหินลับมีดเบอร์ 1,000กริท ตามด้วย 5000 กริท และปิดท้ายด้วยหินลับมีดความละเอียด 10,000 กริททำให้มันคมมากจนแม้แต่เขาก็ยังไม่กล้ามองคมมันโดยตรง เพราะรู้สึกขนลุกแปลก ๆ (กริท คือความละเอียดของหินลับมีด)

‘นี่คือดาบของข้า แต่รูปร่างของดาบดูจะเหมาะกับผู้หญิงใช้มากกว่า แต่ว่ายังไงมันก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าสร้างได้ละนะ’ เขาประคองดาบขึ้นมาด้วยความพอใจ จากนั้นก็หาผ้าเก่า ๆ แถวนั้นมาพันมันไว้ แต่ดาบคมเกินทำให้ผ้าที่พันขาด

“เชี่ย! คมขนาดนี้เลยเหรอ”

กายไม่มีทางเลือกจึงเดินไปดูในโกดังอีกรอบก็เจอกับปลอกดาบไม้พุ ๆ จึงเอามันมาใส่ไว้ก่อน

‘คงต้องใช้เจ้านี่ไปก่อน จากนั้นค่อยไปหาช่างไม้ ทำปลอกดาบดี ๆ สักอัน’

กายถือจับดาบขึ้นมาจากนั้นก็ใช้เศษผ้าที่ยังใช้ได้ผูกมันติดกับหลังและเดินออกไปจากโรงตีเหล็ก กลับไปที่ห้องพักด้วยขอบตาที่ดำ

“หาว....เห้อ...” กาวหาวออกมาพร้อมกับหางตาที่มีน้ำตาเล็กน้อยพร้อมกับเซไปเซมาเพราะความง่วงนอน

จนทำให้เขาไม่ระวังไปชนเข้ากับกลุ่มของศิษย์ปี 1 แต่ดูเหมือนโลกจะกลมเพราะคนที่เขาเดินชนคือคนของกลุ่มวิลเลียมและลูคัส

“โอ๊ะ...ขอโทษทีข้าไม่ได้ตั้งใจ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด