ตอนที่แล้วSign in Buddha's palm 171
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSign in Buddha's palm 173

Sign in Buddha's palm 172 ตำนานยุทธร่วงหล่นจากฟ้า


Sign in Buddha's palm 172 ตำนานยุทธร่วงหล่นจากฟ้า

“ฆ่ามัน?”

เมื่อจักรพรรดิถังได้ยินคำสองคำนี้ ปฏิกิริยาแรกคือ สงสัยว่าซูฉินต้องการฆ่าใคร ปฏิกิริยาต่อมาคือ 'ไม่ดีแล้ว พี่สามกำลังจะตกลงไป'

ขณะนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ด้านบนของกำแพงเมืองฉางอัน หากซูฉินยังก้าวเดินต่อไปเห็นทีจะร่วงหล่นลงไปด้านล่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมืองฉางอันเป็นเมืองหลวงโบราณกว่าสิบราชวงศ์ มีกำแพงเมืองสูงใหญ่ แม้จะเป็นจอมยุทธก็ตาม ถ้าตกลงไปก็คงสภาพไม่ได้ดีนัก

และตอนนี้ยังอันตรายยิ่งกว่าเดิมเพราะประตูเมืองฉางอันถูกปิดเอาไว้อยู่ ถ้าซูฉินตกลงไปนอกกำแพงจริงๆ ก็คงไม่ได้รับการช่วยเหลือในเวลาอันสั้น

หากครั้งนี้กองทัพเหมิ่งหยวนบุกโจมตีเข้ามา ซูฉินคงต้องพึ่งตัวเองเท่านั้นเมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพเหมิ่งหยวน

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ จักรพรรดิถังก็รู้สึกวิตกกังวล

“หยุดพี่สามเอาไว้”

จักรพรรดิถังเหลือบมองแม่ทัพแห่งอาณาจักรถังที่อยู่ด้านข้าง

“รับพระบัญชา”

แม่ทัพแห่งราชสำนักโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วจึงเคลื่อนตัวออกไป

อย่างไรก็ตาม

ช่วงเวลาต่อมา

ท่ามกลางสายตาของทั้งกองทัพ ซูฉินก้าวเท้าออกไปด้านนอกกำแพงเมือง ก้าวเดินไปในอากาศ ทีละก้าวๆ มุ่งไปยังกองทัพเหมิ่งหยวน ราวกับเดินอยู่บนขั้นบันไดที่มองไม่เห็น

“นี่คือ?”

ม่านตาของแม่ทัพถังหดตัวอย่างรุนแรง วลีหนึ่งแวบเข้ามาในความคิดของเขาราวกับสายฟ้าแลบ

“คุมปราณฉีขี่คลื่นลม!”

เกิดคลื่นลูกใหญ่ภายในใจของแม่ทัพแห่งอาณาจักร

ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงตำนานยุทธที่ลือเลื่องและอรหันต์เท่านั้นที่สามารถเหยียบผืนฟ้า ควบคุมลมปราณ ขี่ลมพายุได้

“พี่สาม...”

“พี่สามบินได้อย่างไร?”

จักรพรรดิถังกะพริบตา มองตาค้างอยู่อย่างนั้น นิ่งงันไร้ปฏิกิริยาตอบสนองเป็นเวลานาน

ไม่ไกลนัก

ตระกูลซูก็กำลังมองไปที่สนามรบด้วยสีหน้าที่กังวลเช่นเดียวกัน

ในขณะนั้น ซูเฉิงฮ่าวก็อุทานออกมา “น้องสาม ไม่คิดเลยว่าจะปิดบังมาจนถึงตอนนี้?”

ซูชื่อหมินและซูเฉิงยู่เงยหน้ามองทันที ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเห็นซูฉินเดินเล่นอยู่บนอากาศ ดวงตาของพวกเขาเบิกโพลงทันทีและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นเลย

กองทัพเหมิ่งหยวน

ผู้นำของอาณาจักรเหมิ่งหยวนก้าวเดินอย่างสำรวมไปที่ด้านข้างของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนและกล่าวออกอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “ท่านราชครู เมืองฉางอันไม่มีตำนานยุทธอยู่จริงๆ หรือ?”

แม้ว่าราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะยืนตะโกนก้องอยู่ระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่ายว่าอาณาจักรถังทำให้เขาผิดหวัง ซึ่งก็ยืนยันได้มากแล้ว แต่ผู้นำแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ยังต้องการได้ยินราชครูพูดย้ำด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเหลือบมองผู้นำอาณาจักรแล้วพูดขึ้นเบาๆ “ข้าเพิ่งจะตรวจสอบด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ค้นหาปราณฉีโดยรอบ หากมีตำนานยุทธภายในเมืองฉางอัน เป็นไปได้เยี่ยงไรที่จะซ่อนตัวจากข้า?”

“สำหรับข้า กลิ่นอายของผู้ที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกันนั้นย่อมเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ เว้นเสียแต่ว่าคู่ต่อสู้จะห่างชั้นจากข้ามากเท่านั้นแหละ”

ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนหัวเราะไปด้วยในขณะที่พูด

“ราชครูนั้นไร้เทียมทานในยุทธภพแล้ว จะมีตัวตนอื่นที่เก่งกาจไปกว่าท่านราชครูได้อย่างไร” ผู้นำอาณาจักรเหมิ่งหยวนรีบประจบทันที

“ถ้าอย่างนั้นท่านราชครูจะให้ข้าสั่งบุกโจมตีเมืองเลยหรือไม่?”

ผู้นำแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนสงบจิตให้มั่นคง ระงับความปีติยินดีในหัวใจแล้วจึงถามขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากกล่าวถามออกไป ผู้นำอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ยืนโค้งตัวอยู่ในท่านั้นอย่างอดทน รอคอยคำแนะนำของราชครูแห่งอาณาจักรต่อไป

“ท่านราชครู?”

ผู้นำอาณาจักรเหมิ่งหยวนรออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากราชครู ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง

อย่างไรก็ตาม จากท่าทางของราชครูก่อนหน้าที่ไม่แยแสสิ่งใด ตอนนี้สีหน้ากลับเคร่งขรึม จ้องเขม็งไปยังทิศทางหนึ่ง

“ท่านราชครูกำลังมองสิ่งใดหรือ?”

ผู้นำอาณาจักรเหมิ่งหยวนตกใจรีบมองตามสายตาของราชครูไปทางเมืองฉางอัน

เห็นร่างหนึ่งกำลังก้าวเดินไปบนท้องฟ้า เดินจากเมืองฉางอันเข้ามาใกล้ทัพเหมิ่งหยวนโดยไม่รีบร้อน

“นี่คือ?”

สีหน้าของผู้นำอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็เปลี่ยนไปทันที ร่างนี้เดินอยู่บนอากาศ ทุกย่างก้าวเหมือนเหยียบอยู่บนบันไดที่มองไม่เห็น ไม่มีจุดให้ค้ำยันใดๆ วิธีการเช่นนี้แม้จะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดก็ทำไม่ได้ ในอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็เห็นจะมีแต่ราชครูเท่านั้นที่ทำได้

ในตอนที่ผู้นำอาณาจักรเหมิ่งหยวนกำลังตกใจลนลานอยู่นั้น

ซูฉินก็ได้มาถึงหน้ากองทัพเหมิ่งหยวนเพียงลำพัง

ในขณะนี้เขาถูกรายล้อมไปด้วยกองทัพห้าล้านนายของอาณาจักรเหมิ่งหยวน แต่การแสดงออกของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับกองทัพห้าล้านนาย แต่เป็นมดห้าร้อยตัว

“เจ้าคือตำนานยุทธในเมืองฉางอัน?”

ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนจ้องมองที่ซูฉินอย่างสงสัยแล้วกดเสียงต่ำถามออกไป

แม้กระทั่งตอนนี้ที่ซูฉินมายืนอยู่ตรงหน้า ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ยังไม่สามารถจับกลิ่นอายของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะซูฉินก้าวเดินบนท้องฟ้า แสดงความสามารถที่มีเพียงตำนานยุทธเท่านั้นถึงจะมีได้ ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็คงคิดว่าซูฉินเป็นแค่คนธรรมดาไปแล้ว

“ตำนานยุทธ?”

ซูฉินพยักหน้า เสร็จแล้วก็ส่ายหัว

“หือ?”

ราชครูเหมิ่งหยวนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าซูฉินจะหมายความสิ่งใด

ในตอนนี้

ซูฉินพูดออกมาอย่างช้าๆ “ถ้าเจ้ายังคงซ่อนตัวอยู่ในทุ่งหญ้าของเจ้า เจ้าก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี”

คำที่กล่าวออกมา

ทำให้สีหน้าของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมืดทะมึน

ในฐานะที่เป็นตำนานยุทธคนแรกในรอบสองร้อยปีของดินแดนทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เขาตั้งใจฝึกฝนมาโดยตลอด พุ่งทะยานมาจนสุดทาง จะยอมให้คนมาดูถูกเช่นนี้ได้เช่นไร?

“ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว?”

“ให้ข้าได้รับการชี้แนะกระบวนยุทธจากเจ้าเสียหน่อยเถอะ”

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก้าวเท้าไปด้านหน้า ไอพลังพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง พลังปราณพุ่งกระจายไปในอากาศรวมเข้ากับกองทัพเหมิ่งหยวนทั้งห้าล้านนาย

เพียงชั่วแวบเดียว ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็เหมือนจะกลายเป็นยักษาไปโดยสมบูรณ์ ทุกท่วงท่าล้วนน่ากลัวและดูเหมือนจะเขย่าให้โลกสั่นไหวได้เลยทีเดียว

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนสามารถกลายเป็นตำนานยุทธได้ย่อมมิใช่คนโง่ อาจจะไม่ต้องพูดถึงเรื่องการวางกลยุทธ์ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้จังหวะและสถานการณ์ดี

มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้นที่ทำให้ซูฉินซ่อนกลิ่นอายจากการตรวจจับของเขาได้

หนึ่งคืออีกฝ่ายมีเคล็ดในการปกปิดกลิ่นอายในระดับตำนานยุทธ

ประการที่สองคือ ความแข็งแกร่งของซูฉินนั้นสูงกว่าตนมาก

ถ้าเป็นอย่างแรก ราชครูเหมิ่งหยวนก็ไม่จำเป็นต้องหลบหนี แค่ต้องสู้กับซูฉินตรงๆ

แต่หากเป็นอย่างหลัง ราชครูเหมิ่งหยวนก็คงไม่สามารถล่าถอยไปได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเหนือกว่ามาก เมื่อเผชิญหน้ากัน ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะหนีไปได้อย่างไร?

ดังนั้นความคิดของราชครูเหมิ่งหยวนจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาเลือกใช้วิธีที่ดูสิ้นหวังโดยไม่ลังเล

เขารวมพลังเลือดเนื้อของตนเองเข้ากับกองทัพเหมิ่งหยวนทั้งห้าล้านนาย แม้ว่าเขาจะได้รับพลังจากกองทัพทั้งห้าล้านนายและพลังโชคชะตาแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมา แต่ปราณฉีและเลือดเนื้อของเขาก็จะถูกปนเปื้อนในภายหลัง ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะขับออกได้หมด

“ตาย!”

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนดูราวกับเทพมาร ฝ่าอากาศพุ่งเข้าไปหาซูฉิน

ซูฉินเห็นแล้วแต่ไม่ได้เปลี่ยนท่าทีแต่อย่างใด เพียงยกมือขวาขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย ยื่นไปทางราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร

“ข้าโหมโจมตีเต็มกำลัง แต่เจ้าคิดจะจัดการข้าด้วยนิ้วเดียวงั้นหรือ?” เมื่อเห็นดังนั้นหัวใจของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ปะทุไปด้วยความโกรธ เลือดลมปั่นป่วน เพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง

“ราชครูแห่งอาณาจักรจะต้องชนะ”

“เหมิ่งหยวนจะต้องชนะ!”

ผู้นำแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนและแม่ทัพเฝ้ามองอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของพวกเขาพลันแสดงออกอย่างมีความสุข

แม้พวกเขาจะไม่ใช่ตำนานยุทธ แต่พวกเขาก็เห็นสถานการณ์ทั้งหมดภายในสนามรบได้ในขณะนี้

ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันอันแสนท่วมท้น แต่ซูฉินยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ดูก็รู้แล้วว่าผู้ใดแข็งแกร่งผู้ใดอ่อนแอ

ผู้นำแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้แต่คิดภาพความตื่นตระหนกที่จะเกิดขึ้นทั่วทั้งโลกหลังจากนี้ สีหน้าแสดงอาการดูถูกเหยียดหยามออกมา

แต่ในไม่ใช่ใบหน้าของผู้นำอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ต้องแข็งค้างไป ความรู้สึกไม่อยากเชื่อเข้ามาแทนที่ ภาพที่เขาเห็นคือซูฉินเพียงแทงนิ้วไปด้านหน้า ร่างของราชครูเหมิ่งหยวนซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยพลังอันล้นหลามพลันหยุดชะงัก และถูกพลังที่แข็งแกร่งกว่าทะลวงสวนกลับมา

เลือดของตำนานยุทธหลั่งรดผืนแผ่นดิน

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนทรุดตัวลงกับพื้น หมดลมหายใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด