ตอนที่แล้วบทที่ 6: ฉันไม่ได้ไร้ความสามารถ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8: ผับกุหลาบป่า

บทที่ 7: รวบรวมขน…


บทที่ 7: รวบรวมขน…

หลังจากฝึกทักษะดาบมาระยะหนึ่งแล้ว หวังเต็งก็วางดาบกลับเข้าไปในห้องเก็บอาวุธ จากนั้นเขาก็หันไปจดจ่ออยู่กับทักษะหมัดของเขา

ศิษย์ที่ฝึกทักษะดาบส่ายหัวเมื่อเห็นสิ่งนี้ ศิลปะการต่อสู้นั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ

หวังเต็งควรเลือกหนึ่งทักษะแทนการฝึกฝนสองทักษะในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่อย่างงั้นท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จะไม่เก่งอะไรเลยสักอย่าง

“น้องใหม่คนนี้ฝึกฝนหนักก็จริง แต่เขาโง่ไปหน่อย”

หวังเต็งไม่รู้ว่ามีคนเรียกเขาว่าโง่ในใจ

แม้ว่าเขาจะฝึกทักษะดาบเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็รู้สึกว่าความเข้าใจของเขาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย และผลลัพธ์มันก็ไม่เลว

เขาหันกลับมาและเห็นร่างสูงและมีกล้ามยืนอยู่ด้านข้างโดยเอาแขนไขว้กันที่หน้าอก

ดูเหมือนว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนั้นมาระยะหนึ่งแล้ว

“อาจารย์ ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมท่านไม่ส่งเสียงอะไรเลยล่ะ ท่านทำให้ฉันกลัวนะ”

นี่คือครูผู้สอนที่สอนหวังเต็งเมื่อเย็นวานนี้ ตอนนี้เขากำลังจ้องมองไปที่หวังเต็งอย่างตั้งใจจนหวังเต็งรู้สึกขนลุก

“หนุ่มน้อย ฉันได้เฝ้าดูนายมาระยะหนึ่งแล้ว ทักษะหมัดของนายนี่ไม่เลวเลย” ผู้สอนยกนิ้วให้หวังเต็ง

“ขอบคุณสำหรับคำชม”

หวังเต็งรู้สึกเขินอาย เขากล่าวต่อ “อาจารย์ ฉันชื่อหวังเต็ง ท่านจะให้ฉันเรียกท่านว่ายังไงดี?”

“ฉันชื่อเผิงไห่ นายไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าอาจารย์หรอก เรียกฉันว่าพี่เผิงก็ได้” เผิงไห่กล่าว

“พี่เผิง” หวังเต็งตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นเขาก็ถามว่า “พี่เริ่มฝึกมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่กัน?”

“ฉันเริ่มฝึกตั้งแต่อายุยี่สิบกว่า แต่ฉันก็ยังเป็นแค่ศิษย์นักสู้ชั้นสูง และทั้งหมดที่ฉันทำได้ก็คือการฝึกฝนให้หนักขึ้นเท่านั้น” เผิงไห่อารมณ์เสียเล็กน้อย

เมื่อได้ยินแบบนี้หวังเต็งก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอึดอัดใจหรอก หวังเต็ง นายน่ะฉลาด ตราบใดที่นายฝึกหนักพอ ฉันก็เชื่อว่านายจะสามารถกลายเป็นนักสู้ได้ภายในสามปี” เผิงไห่ให้กำลังใจเขา

สามปี?

ไม่สิ สามวันก็พอ!

นี่คือสิ่งที่หวังเต็งคิด อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำเพียงแค่พยักหน้าและตอบว่า        “ศิษย์พี่เผิง ฉันจะตั้งใจฝึก”

“ตกลง ฉันจะไปที่ชั้นสามเพื่อฝึกซ้อม วันนี้จะมีศิษย์นักสู้ชั้นสูงอีกคนที่คอยชี้แนะนาย แน่นอน หากนายมีคำถามอะไร นายก็สามารถมาถามฉันได้เลย” เผิงไห่กล่าว

“ช่างเป็นรุ่นพี่ผู้น่ายกย่องจริงๆ!”

หวังเต็งอุทานเมื่อเห็นเขาเดินขึ้นชั้นสาม

เหล่าลูกศิษย์เริ่มเข้ามากันมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้สถานที่แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวา

“พี่ใหญ่”

“อรุณสวัสดิ์ รุ่นพี่”

“พี่ใหญ่ วันนี้คุณดูดีมาก!”

เพื่อนๆทักทายกันก่อนเริ่มการฝึกส่วนตัว เวลาเป็นสิ่งมีค่าสำหรับทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจเสียเวลาได้แม้แต่วินาทีเดียว

หวังเต็งจ้องไปที่เหล่าลูกศิษย์และทันใดนั้น มันก็หึ้วามรู้สึกว่าพวกเขาดูเหมือนลูกแกะเดินสองขา

“เยี่ยม!” มุมปากของหวังเต็งยกขึ้นเล็กน้อย

เมื่อแกะอ้วนพอแล้ว เขาก็จะสามารถฆ่าพวกมันได้ เดี๋ยวก่อนนะ เขาต้องไม่ฆ่าแกะคุณภาพดีพวกนี้สิ เขาต้องหวงแหนพวกมันเพื่อที่เขาจะได้เก็บขนจากพวกมันอย่างต่อเนื่องต่างหาก

เมื่อทุกคนเริ่มฝึกฝนกันอย่างขยันขันแข็ง ฟองสบู่ค่าคุณสมบัติทุกประเภทก็เริ่มดรอปออกมา ในไม่ช้าล็อบบี้ก็ได้กลายเป็นทะเลฟองสบู่และหวังเต็งก็ว่ายอยู่ในนั้นอย่างมีความสุข

“ฉันรักขนแกะ ขอเก็บขนหน่อย…”

เขาไม่กล้าร้องเพลงนี้ออกมาดังๆ เพราะกลัวว่าเขาจะถูกทุบตีจนตาย ดังนั้นเขาจึงร้องมันในใจและรวบรวมฟองสบู่ไปอย่างเงียบๆ

ในตอนนี้ การแจ้งเตือนก็เปลี่ยนไป:

ดรอปความแข็งแกร่ง*2, ความเร็ว*6. คุณได้เก็บมันขึ้นมาแล้ว ความแข็งแกร่งและความเร็วของคุณเพิ่มขึ้น!

ดรอปทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน*2 คุณได้เก็บมันขึ้นมาแล้ว ทักษะหมัดขั้นพื้นฐานของคุณเพิ่มขึ้น!

ดรอปความรู้แจ้ง*1 ร่างกาย*3 คุณได้เก็บมันขึ้นมาแล้ว ความรู้แจ้งและร่างกายของคุณเพิ่มขึ้น!

เมื่อเทียบกับเมื่อคืนก่อน วันเสาร์นี้ก็มีผู้คนมากกว่ามาก

หวังเต็งประเมินจำนวนฟองสบู่ต่ำเกินไป หรือมากกว่านั้น อาจกล่าวได้ว่าเขาประเมินเหล่าศิษย์ต่ำไป

ยิ่งเหล่าลูกศิษย์ฝึกฝนมากเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะดรอปฟองสบู่ก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

มันเหมือนกับการรีดนมวัว เรายิ่งเรารีดมันมากเท่าไหร่ น้ำนมก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น

ทั้งวันผ่านไปเช่นนั้นและหวังเต็งก็กลายเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลาง

ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และร่างกายของเขาทั้งหมดได้ไปถึงมาตรฐานของศิษย์นักสู้ขั้นกลางแล้ว ตอนนี้เขาเป็นศิษย์นักสู้ชั้นกลางที่แท้จริงแล้ว

นอกจากนี้ ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน และฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐานของเขาก็ยังได้ไปถึงข้นผู้สัมฤทธิ์แล้ว!

ตามความชำนาญ ความเข้าใจในเทคนิคการต่อสู้ก็สามารถแบ่งออกเป็นขั้นๆอันได้แก่: ความเข้าใจขั้นพื้นฐาน, ขั้นผู้ชำนาญ, ขั้นผู้สัมฤทธิ์, ขั้นผู้สัมฤทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่, ขั้นผู้เชี่ยวชาญ...

ในขั้นผู้ชำนาญ ศิษย์นักสู้จะสามารถปลดปล่อยพลังของเทคนิคการต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ ส่วนขั้นผู้สัมฤทธิ์นั้นย่อมเหนือกว่าเป็นพิเศษ โดยมันจะมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็นอย่างน้อย

และถ้าเขาไปถึงขั้นผู้สัมฤทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่หรือแม้กระทั่งขั้นผู้เชี่ยวชาญ พลังของเทคนิคการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

นอกจากนั้น หวังเต็งก็ยังได้รับทักษะมีดขั้นพื้นฐานและผลักดันมันจนไปสู่ขั้นผู้ชำนาญแล้ว

สรุปแล้ววันนี้ก็เป็นวันเก็บเกี่ยวที่ดี

เมื่อถึงตอนเย็น ศิษย์ทุกคนต่างก็รู้สึกหิวโหยหลังจากฝึกฝนมาทั้งวัน พวกเขาเก็บสัมภาระและค่อยๆออกจากล็อบบี้ฝึก

หวังเต็งกำลังทบทวนผลกำไรของเขาอยู่ในมุมเงียบ

เขาถือดาบเหล็กสีดำไว้ในมือและเคลื่อนที่ไปรอบๆโดยผสมผสานทักษะดาบเข้ากับฟุตเวิร์ค เขาฟาดฟันดาบยาวของเขาไปมาในอากาศ

ในขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มที่ฝึกทักษะดาบก็เพิ่งเดินออกมาจากห้องเก็บอาวุธ

ขณะที่เขาเดินผ่านหวังเต็ง เขาก็ได้เผลอไปเหลือบมองหวังเต็งโดยไม่ได้ตั้งใจ

“นี่… นี่…”

นี่เขาบ้าไปแล้วรึเปล่านะ กรามของเขาแทบจะร่วงลงไปกับพื้นในขณะที่เขาขยี้ตาอย่างบ้าคลั่ง เขาสงสัยว่าเขากำลังมองเห็นภาพหลอน

“เขาไม่ได้อยู่ในขั้นผู้ชำนาญเท่านั้น แต่นี่... แต่นี่มันขั้นผู้สัมฤทธิ์! นี่มันขั้นผู้สัมฤทธิ์อย่างแน่นอน!”

ทักษะดาบของเขายังคงอยู่ในขั้นผู้ชำนาญเท่านั้น และแม้ว่าเขาจะยังไปไม่ถึงขั้นผู้สัมฤทธิ์ แต่เขาก็เข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง

แล้วนี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ในตอนเช้า เมื่อเขามองไปที่หวังเต็ง  ทักษะดาบของเขาก็ยังดูหยาบและกากมาก

และนี่มันก็เพิ่งจะผ่านไปได้เพียงวันเดียวเท่านั้น แต่เขาก็ได้มาถึงขั้นผู้สัมฤทธิ์แล้ว!

นี่มันเป็นเรื่องตลกอย่างงั้นหรอ? นี่มันเป็นเรื่องตลกใช่ไหม?

มันมีอัจฉริยะเช่นนี้ในโลกนี้จริงๆหรอ?

เขาเริ่มสงสัยในตัวเอง ในตอนเช้าเขาเยาะเย้ยหวังเต็งและเรียกหวังเต็งว่าโง่ และเมื่อนึกย้อนกลับไปอีกครั้ง นี่มันก็ตลกร้ายชัดๆ

“นี่มันบ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้ว !!”

เด็กหนุ่มส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นขณะที่เขาเดินออกไปจากล็อบบี้ฝึกอย่างหดหู่

หวังเต็งไม่ได้สังเกตเห็นการดำรงอยู่ของชายคนนั้น เขาจดจ่ออยู่กับการฝึกทักษะดาบ ทักษะมีด ทักษะหมัด และฟุตเวิร์คอย่างเต็มที่ หลังจากการฝึกจบลง เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ

“ฟู่วว!”

เขาถอนหายใจยาว หวังเต็งวางอาวุธกลับเข้าไปในห้องเก็บอาวุธ

ล็อบบี้เกือบจะว่างเปล่าเมื่อเขาเดินไปที่ลานจอดรถใต้ดิน ระหว่างทาง เขาก็เรียกหน้าต่างค่าคุณสมบัติออกมาดู

ความรู้แจ้ง: 28

ร่างกาย: 52

ความแข็งแกร่ง: 455

ความเร็ว: 185

เทคนิคการต่อสู้: ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน (ผู้สัมฤทธิ์), ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน (ผู้สัมฤทธิ์), ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน (ผู้สัมฤทธิ์), ทักษะมีดขั้นพื้นฐาน (ผู้ชำนาญ)

“วันนี้ฉันพัฒนาไปได้ไกลจริงๆ!” หวังเต็งยิ้มอย่างมีความสุขขณะขับรถกลับบ้าน

ณ บ้าน หลี่ซิ่วเหม่ยกำลังทำอาหารตามปกติ หวังเต็งสามารถได้กลิ่นเนื้อหอมฟุ้งลอยออกมาจากห้องครัว ขณะที่ท้องของหวังเต็งก็เริ่มส่งเสียงคำราม

“แม่ครับ วันนี้แม่ทำเมนูอะไรหรอ ทำไมกลิ่นมันหอมจัง!” เขาเดินเข้าไปในครัวแล้วถาม

“พ่อของลูกขอให้แม่ซื้อเนื้อสัตว์อสูรดาราให้กับลูกเป็นพิเศษ” หลี่ซิ่วเหม่ยยิ้มและตอบ

“จริงหรอ? นี่พ่อลงทุนขนาดนั้นเลยอย่างงั้นหรอ?” นั่นเป็นสิ่งที่หวังเต็งไม่คาดคิด

สัตว์อสูรดารานั้นเป็นสัตว์ที่กลายพันธุ์เนื่องจากอิทธิพลของพลังฟอร์ส และเนื่องจากพลังนั้นถือกำเนิดมาจากจักรวาลและดวงดาว สัตว์เหล่านี้จึงถูกเรียกว่าสัตว์อสูรดารา

เนื้อของพวกมันมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ธรรมดาๆทั่วไปแล้ว มันก็มีราคาที่สูงเป็นอย่างมาก

“มันมีกลิ่นที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ”

เขามองไปที่เนื้อตุ๋นบนโต๊ะและเริ่มน้ำลายไหล หวังเต็งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขาหยิบเนื้อชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของเขา

“โอ้พระเจ้า นี่มันอร่อยมาก”

“ลูกเป็นผีที่อดอยากหิวโหยหรอ? ดูร่างกายที่มีแต่กลิ่นเหงื่อเหม็นอับของลูกสิ ไป ไปอาบน้ำก่อนค่อยลงมากิน”  หลี่ซิ่วเหม่ยไล่เขาออกจากห้องครัว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด