ตอนที่แล้วEp.1086 - มิติบลูสตาร์จะไม่มีวันดับสูญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน

Ep.1087 - อนาคตใหม่ (จบบริบูรณ์)


Ep.1087 - อนาคตใหม่ (จบบริบูรณ์)

ณ ดาวเคราะห์บลูสตาร์

ยุคเดินทางข้ามมิติปี 101

เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วที่ยุครอยแยกมิติครั้งใหญ่ได้ผ่านพ้นไป

เป็นเพราะฝีมือของจ้าวเหนือหัวคนแรกของมิติบลูสตาร์ ที่อัดฉีดแก่นแท้พลังงานปริมารณมหาศาลลงไป ส่งผลให้ดาวบลูสตาร์ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กลายเป็นโคตรดาวเคราะห์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

โลกใบนี้เลยอุดมไปด้วยทรัพยากร  มนุษย์ที่เกิดมาจึงมีความแข็งแกร่งมาก หลังจากก้าวสู่วัยหนุ่ม พวกเขาจะมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยอยู่ที่เลเวล E

หากเป็นเมื่อร้อยปีก่อน เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้

ในเดือนมิถุนายน หลังจบการศึกษาระดับมัธยมต้น วัยรุ่นกลุ่มใหม่เดินทางมายังตึกใหญ่แห่งหนึ่ง

ภายในห้องโถงปลุกพลังคึกคักและมีชีวิตชีวามาก เด็กอายุ 16 ปีเดินเข้ามา พูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น

“ยืนยันตัวตนเรียบร้อย หมายเลข 2190891355546 ผ่านเกณฑ์การกระตุ้นยีน , ผ่านเกณฑ์อายุ กรุณาไปยังห้องรังไหม เพื่อทำการฉีดยาปลุกพลัง”

“อยากจะรู้จัง ว่าจิตวิญญาณนักรบแบบไหนจะตื่นขึ้น! จิตวิญญาณนักรบของพ่อฉันคือลิงวัชระ(กายเพชร) ส่วนแม่ฉันเป็นเสือดาวสายฟ้า(ว่องไว) แต่ถ้าให้พูดตามตรง ฉันอยากมีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนจิตวิญญาณนักรบของพ่อมากกว่า!” วัยรุ่นพึมพำ  เดินไปยังห้องรังไหมด้วยความตื่นเต้น

เมื่อเขาไปถึงห้องรังไหม ก็หย่อนตัวลงบนหนึ่งในถังแก้วรูปทรงไข่ที่ตั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ถังแก้วที่เขาหย่อนตัวลงเริ่มทำงาน

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! ยืนยันตัวตนถูกต้อง หมายเลข 219 …”

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เริ่มทำการฉีด …”

วัยรุ่นเหล่านี้ ทั้งหมดมาที่นี่เพื่อปลุกจิตวิญญาณนักรบของพวกเขา

ในมิติบลูสตาร์ มนุษย์ได้กลายเป็นผู้ทรงอำนาจเหนือสิ่งใด มิใช่ตัวตนที่สามารถตอแยหรือล่วงเกินได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็คงต้องเอ่ยถึงบุคคลผู้หนึ่งซึ่งทุกคนเรียกขานเขาว่า ‘มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่’

ชายผู้นี้คือคนที่แม้แต่จ้าวเหนือหัวยังให้การยอมรับ ว่าคือมนุษย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

เพราะการทดลองของเขา สามารถสร้างจ้าวเหนือหัวคนแรกให้ถือกำเนิดขึ้นมาได้

มิใช่ใครอื่น เป็น ดร.แซด

หนึ่งร้อยปีก่อน หลังจากที่ฉินเฟิงได้ขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัว และเดินทางกลับสู่มิติบลูสตาร์ จากนั้นก็เริ่มเผยแพร่ยาปลุกพลังชนิดใหม่ให้เป็นที่นิยม

ยาปลุกพลังชนิดใหม่นี้ มันแทบจะล้มล้างระบบการฝึกฝนของมนุษย์ในมิตินับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังทำลายสถานการณ์ที่ว่าหากคิดกลายเป็นจ้าวเหนือหัว จำเป็นต้องได้รับการยกระดับในมิติบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

แม้ฉินเฟิงจะยกระดับในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม แต่เหตุผลจริงๆที่เขาสามารถขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัวได้ สุดท้ายเป็นเพราะยาปลุกพลังตัวนี้

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ 10 ปีให้หลัง หลังจากที่ปล่อยยาปลุกพลังชนิดใหม่ไป จ้าวเหนือหัวคนที่สองของมิติบลูสตาร์ก็ถือกำเนิดขึ้น

มิใช่ใครอื่น เป็นหลงกงจากตระกูลหลง!

ต่อมา หลี่หยวนกับหลงถิงก็สามารถก้าวสู่ขอบเขตจ้าวเหนือหัวได้เช่นกัน

ในบรรดากลุ่มเฟิงหลีที่ก่อตั้งโดยฉินเฟิง บุคคลระดับจ้าวเหนือหัวผุดขึ้นเหมือนกับหน่อไม้แตกหน่อหลังหน้าฝน แหวกผ่านใต้ดิน เชิดหน้ารับแสงตะวันทีละต้น ทีละต้น จนกลายเป็นจำนวนที่น่าหวาดกลัว

แล้วอีกอย่าง สมาชิกกลุ่มเฟิงหลี ไม่ได้ต้องฝึกฝนเป็นร้อยปีเหมือนพวกตระกูลหลี่ ตระกูลหลง แต่พวกเขาสามารถก้าวขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัวกันได้ตั้งแต่ยังหนุ่ม! อายุแค่ 30 - 40 ปี เท่านั้น ซึ่งยังถือว่าน้อยมากท่ามกลางมิตินับไม่ถ้วน

ด้วยเหตุนี้เอง มนุษย์จากมิติอื่นๆจึงเดินทางมาที่มิติบลูสตาร์เพื่อขอซื้อยาปลุกพลังชนิดใหม่

ในที่สุด ซูซิงฝูก็ได้ก้าวสู่ตำแหน่งเดิมในชีวิตก่อนอีกครั้ง เขาได้กลายเป็นนักธุรกิจอันดับหนึ่ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ระดับโลก แต่เป็นระดับจักรวาล!

ขณะเดียวกันผู้ที่สามารถสรรสร้างยาปลุกพลังชนิดใหม่ขึ้นมาได้ ก็ตกเป็นเป้าสายตาของจ้าวเหนือหัวมากมาย ทุกคนต่างรู้ดี ว่าหากได้รับข้อมูลเกี่ยวกับยาตัวนี้ เท่ากับมีสมบัติล้ำค่าในมือ

ดังนั้นแซดเลยกลายเป็นที่หมายปองของทุกคน

อย่างไรก็ตาม ดร.แซด นักวิจัยเจ้าของยาปลุกพลังชนิดใหม่ ช่างน่าแปลกใจนัก ที่เขากลับเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถวิวัฒนาการขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัวได้

เฉกเช่นเดียวกับหมอที่ไม่อาจรักษาตัวเอง แม้จะผ่านมาเป็นร้อยปีแล้วก็ตาม แต่ดร.แซดก็ยังไม่ค้นพบวิธีการเลื่อนขั้นเป็นจ้าวเหนือหัว เกรงว่านี่อาจเป็นบทลงโทษของพระเจ้าที่มอบต่อเขา

ส่วนเรื่องนี้ เขาจะเก็บมันมาใส่ใจหรือไม่ คงมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้

ณ ศูนย์ทดลองในมิติบลูสตาร์ แซดยังคงสวมเสื้อกาวน์สีขาวแบบเดียวกับเมื่อ 100 ปีก่อน เฝ้ามองทารกในห้องกระจกแยกด้วยความตื่นเต้น

“โอ้สวรรค์ นี่นับเป็นการทดลองที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตของฉันเลย!”

สีหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นชา กล่าวว่า “ลูกสาวของผมไม่ใช่ตัวทดลองของคุณ”

ส่วนไป๋หลีที่อยู่ข้างๆ เธอไม่สนใจมนุษย์ทั้งสองคน เจ้าตัวใช้พลังมิติ ยื่นมือเข้าไปจับลูกบอลหยอกล้อกับทารกน้อยที่กำลังลืมตาโตด้วยความสนุกสนาน

แน่นอน ทารกคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แท้ๆ แต่เธอมีหูจิ้งจอกและหาง ผมเองก็เป็นสีเงินทั้งหมด แต่ดวงตาที่เบิกกว้างเป็นสีน้ำตาลของฉินเฟิง ส่วนอื่นๆของร่างกายก็เหมือนทารกทั่วไป

อธิบายถึงขั้นนี้ ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่าเธอเป็นเลือดผสม

อย่างไรก็ตาม ทารกที่อยู่ในห้องแยก ร่างของเธอสั่นไหวเป็นระยะๆ เลยสามารถเห็นได้ว่าที่จริงแล้วเธอเป็นร่างพลังงาน

นี่คือลูกสาวของฉินเฟิงกับไป๋หลี

หลังจากก้าวขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัว ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงาน การตั้งครรภ์ตามปกติไม่สามารถทำได้ แต่หากใช้พลังงานที่มี ดูเหมือนจะให้กำเนิดทารกได้ง่ายยิ่งกว่าการตั้งครรภ์

ตราบใดที่จ้าวเหนือหัวทั้งสองยอมสละพลังงานชีวิตบางส่วน แล้วให้พลังงานจากทั้งสองหลอมรวมกัน ชีวิตใหม่จะถือกำเนิดขึ้นได้อย่างราบรื่น

ประเด็นก็คือ พ่อแม่ทุกคนล้วนต้องการให้ลูกได้ดี ดังนั้นด้วยพลังงานที่ถ่ายทอดมา ลูกหลานของจ้าวเหนือหัวจึงทรงพลังเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าหากจ้าวเหนือหัวมีโอกาสตกตายจากการสู้รบ บาดเจ็บสาหัส หรือแม้แต่ใช้พลังของพวกเขาจนหมด การให้กำเนิดลูก ก็เป็นอะไรในทำนองที่คล้ายๆกัน

นี่เองคือสาเหตุให้ทายาทของจ้าวเหนือหัวแข็งแกร่งมาก

อันที่จริงเป็นเพราะเรื่องที่ฉินเฟิงโคตรแข็งแกร่ง กับเรื่องที่เขาปลุกจิตวิญญาณนักรบ ทำให้มีอยู่หลายครั้งหลายครา ที่พลังของเขากลืนกินพลังงานของไป๋หลี เขาและเธอให้กำเนิดทายาทล้มเหลวอยู่หลายครั้ง

ทารกน้อยที่อยู่ตรงหน้า เลยได้รับพลังชีวิตของฉินเฟิงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น องค์ประกอบเซลล์ส่วนใหญ่เป็นพลังชีวิตของไป๋หลี บวกกับวิธีการบางอย่างของแซด ทำให้การให้กำเนิดครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ

เนื่องจากต้องใช้เวลาเป็นร้อยปีถึงจะได้เห็นหน้าทารกน้อยคนนี้ ฉินเฟิงจึงให้ความสำคัญกับเธอมาก

“ได้เวลาอาหารเย็นของว่านน้อยแล้ว อย่าไปกวนเด็กสิ” ฉินเฟิงโอบแขนไป๋หลี กล่าวอย่างอ่อนโยน

ว่านน้อยคือชื่อของเด็กคนนี้ เพราะอย่างไรเสีย เขาให้กำเนิดลูกช้าไปร้อยปี ดังนั้นจึงไม่สามารถตั้งชื่อให้คล้องจองกับลูกของโจวฮ่าวได้ แต่ตั้งให้คล้องกับหลานของโจวฮ่าวแทน ด้วยเหตุนี้เอง ชื่อของทารกน้อยจึงมีนามว่า ฉินว่าน

“รู้แล้วน่า!” ไป๋หลีพยักหน้า ถอนมือออกจากช่องว่างมิติ

แซดก้าวออกมาข้างหน้า หยิบแก่นพลังงานขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลออกมา

จากนั้นก็โยนมันเข้าไปในห้องกระจกแยก โดยกะระยะให้ตกลงข้างหน้าฉินว่านพอดี

ฉินว่านที่จากเดิมน่ารักสดใส จู่ๆหน้าอกพลันแหวกออก อสรพิษหน้ามนุษย์ที่มีใบหน้าเหมือนเธอผลุบออกมาจากอก กัดกินแก่นพลังงานเสี้ยงดังกร้วม กร้วม

“ช่างสมบูรณ์แบบ! ตอนนี้เธอสามารถกินแก่นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B ได้แล้ว แบบนี้ขอเวลาแค่ไม่ถึงเดือน ความแข็งแกร่งของเธอจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ในเลเวล A!”

ฉินเฟิงที่อยู่ข้างๆ เงียบไม่ได้เอ่ยอะไร แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นฉินว่านกินอาหาร แต่ลึกๆแล้วเขาก็ยังเกิดความรู้สึกไม่ยอมรับ อยากจะแหงนหน้าแล้วตะโกนบอกฟ้าจริงๆว่า

‘ลูกสาวฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาด!!!’

เจ้าตัวน้อยอายุแค่สามเดือนเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของเธอได้มาถึงเลเวล B แล้ว หากหลุดไปภายนอก สามารถทำลายล้างเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งได้เลย

แม้ว่าเธอจะสืบทอดรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แบบของไป๋หลี แต่ความสามารถที่แท้จริงของเธอ กลับได้รับสืบทอดจิตวิญญาณนักรบเทาเที่ยของฉินเฟิง

ฉินว่าน ถือเป็นมนุษย์คนแรก ที่เกิดมาพร้อมจิตวิญญาณนักรบ

แต่เธอยังเด็กเกินไป ยังไม่รู้เรื่องราว เธอเลยยังไม่สามารถควบคุมพลังอันแสนอันตรายนี้ได้

ส่วนสำหรับแซด นี่คือหัวข้องานทดลองชิ้นใหม่!

เพราะหลังจากมนุษย์มีชีวิตอยู่มานานปี มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ที่หลังคลอด ทารกน้อยจะมีจิตวิญญาณนักรบเป็นของตัวเอง เขาตั้งสมมติฐานว่า ที่เป็นแบบนั้น ใช่เพราะพ่อแม่อ่อนแอ ลูกเลยไม่สามารถสืบทอดจิตวิญญาณนักรบได้ใช่หรือไม่?

มีเพียงลูกหลานของจ้าวเหนือหัวจริงๆน่ะหรือ ที่จะสามารถให้กำเนิดลูกพร้อมจิตวิญญาณนักรบได้?

หากเขาทำการวิจัย แล้วล้มล้างทฤษฎีนี้ ช่วยให้รุ่นลูกรุ่นหลานทุกคนที่เกิดมามีจิตวิญญาณนักรบเล่า?

อนาคตของมนุษยชาตินับจากนี้ … จะรุ่งเรืองถึงเพียงไหน?

(จบลงอย่างแท้จริง)

0 0 โหวต
Article Rating
4 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด