ตอนที่แล้วบทที่ 1: โลกนี้ไม่ถูกต้อง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3: เริ่มต้นชีวิตบั๊กของฉัน!

บทที่ 2: หลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับโลกอื่น


บทที่ 2: หลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับโลกอื่น

ในปี 2009 วิลล่าในย่านที่มีราคาแพงแห่งนี้มีราคา 200,000 หยวนต่อตารางเมตร

บ้านพักตากอากาศของหวังเต็งนั้นมีขนาดใหญ่ 800 ตารางเมตร และพวกเขาก็ได้จ่ายเงินไปมากกว่า 10 ล้านหยวนสำหรับมัน และเมื่อรวมกับค่าปรับปรุงแล้ว มันก็ใช้เงินไปมากกว่า 20 ล้านหยวน

เมื่อเข้าไปในวิลล่า สิ่งแรกที่มองเห็นได้ก็คือห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง ซึ่งในขณะนี้มันก็มีสาวใช้สองคนกำลังทำความสะอาดมันอยู่ ในที่ขณะแม่ของหวังเต็ง หลี่ซิ่วเหม่ยก็กำลังทำอาหารอยู่ในครัว

หลี่ซิ่วเหม่ยเกิดในครอบครัวนักวิชาการ เธอมีชื่อเสียงมากในมหาวิทยาลัยเพราะความสามารถของเธอ อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เธอชำนาญ

เพราะเธอยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารอีกต่างหาก หวังเต็งและพ่อของเขาต่างก็ชื่นชมในฝีมือการทำอาหารของเธอ

และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้หลี่ซิ่วเหม่ยมักจะปรุงอาหารด้วยตัวเอง เธอมักจะทำอาหารทุกวันและรอให้สามีและลูกชายกลับมากิน

เมื่อมองไปที่ร่างที่เร่งรีบในห้องครัว หวังเต็งก็สามารถได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยของอาหาร

เขายืนอยู่ที่ประตูห้องครัวและเปิดปากของเขาหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดออกมา

“แม่ ผมกลับมาแล้ว”

“ลูกกลับมาแล้ว!”

หลี่ซิ่วเหม่ยหันกลับมาและยิ้มให้ขณะที่เธอพูดต่อ “รอก่อนนะ พ่อของลูกน่าจะกลับมาในเร็วๆนี้เช่นกัน เราจะกินพร้อมกันหลังจากเขากลับมาแล้ว”

“ตกลง! งั้นผมไปล้างหน้าก่อนนะ” หวังเต็งรีบขึ้นบันไดไปในทันทีและรีบเข้าไปในห้องน้ำ

“วันนี้เด็กคนนี้เป็นอะไรไปนะ” หลี่ซิ่วเหม่ยส่ายหัว

ในห้องน้ำ หวังเต็งกำลังหมุนก๊อกน้ำและสาดน้ำเย็นใส่ใบหน้าของเขา

เขากลับมาแล้ว!

เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้กลับมาหาครอบครัวนี้อีกครั้งหลังจากผ่านไปสิบปี

ในอดีต เมื่อตระกูลหวังตกต่ำลง มันก็มีคนสมคบคิดกันเพื่อฆ่าหวังเซิงกั่วและเขา หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ซิ่งเหม่ยก็เสียชีวิตด้วยความเศร้าโศก

หวังเต็งเงยหน้าขึ้นและเช็ดหน้า เขาจ้องมองเงาสะท้อนของเขาในกระจกด้วยดวงตาสีแดงก่ำเล็กน้อย

หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปในช่วงสิบปีที่ผ่านมา

หวังเต็งเปลี่ยนไป เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้คนและเรื่องต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ในมุมลึกของหัวใจของเขามันก็ยังมีจุดอ่อนอยู่สองสามจุดที่เขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

ตั้งแต่เขากลับชาติมาเกิดใหม่ หัวใจของเขาก็กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง

หวังเต็งเช็ดหน้าและเดินออกจากห้องน้ำ จากนั้นเขาก็จัดห้องนอนของเขาตามความทรงจำ

ทุกอย่างดูเหมือนกับเมื่อก่อน

โปสเตอร์นักกีฬา NBA ถูกแปะไว้บนผนังและมีกองซีดีเพลงและนิยายอยู่บนชั้นวางหนังสือ โต๊ะเรียนอยู่ใต้หน้าต่าง ส่วนข้างๆเตียงก็มีคอมพิวเตอร์อยู่บนโต๊ะ

มันเป็น Apple รุ่นใหม่เคสสีเงินสว่างสดใสและดูทันสมัย

นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดูไม่เข้ากับไทม์ไลน์

หวังเต็งนึกถึงอะไรบางอย่างเมื่อเห็นคอมพิวเตอร์ ตามที่คาดไว้ เขาพบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเขา อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ของเก่าจากปี 2009  แต่มันเป็น iPhone 8 รุ่นใหม่ล่าสุด

เขาเตรียมใจก่อนที่เขาจะป้อนรหัสผ่านและเปิดโทรศัพท์มือถือของเขา

หวังเต็งรู้สึกโชคดีที่เขาเป็นคนจำรหัสผ่านไม่เก่ง ดังนั้นเขาจึงใช้รหัสผ่านเดิมมาหลายปีโดยไม่เปลี่ยนรหัสผ่าน ซึ่งตอนนี้มันก็มีประโยชน์แล้ว

แอพส่งอาหาร, WeChat, Douyin… หลายแอพในโทรศัพท์ของเขาเป็นของอนาคต ซึ่งมันไม่มีอยู่จริงในปี 2009

เมื่อเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ เขาก็ต้องใช้ความทรงจำที่ผ่านมาเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับตัวเอง เขาจะพิชิตหัวใจของเจ้านายในอนาคตอย่าง แจ็คหม่า

เขาถอนหายใจและวางโทรศัพท์ลง หวังเต็งเปิดคอมพิวเตอร์ของเขา

ไม่มีวิธีใดเร็วไปกว่าการค้นหาข้อมูลออนไลน์

เนื่องจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือนั้นล้ำหน้ามาก มันจึงไม่สมเหตุสมผลที่อินเทอร์เน็ตจะติดขัดเหมือนในปี 2009

เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้

หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลังจากที่เขาเปิดคอมพิวเตอร์

ระบบปฏิบัติการไม่ใช่ Windows 10 แต่มันเป็นรุ่นที่ 11 แล้ว

จนถึงตอนนี้ ลำดับเวลาของการพัฒนาที่นี่มันก็ไม่เหมือนกับในปี 2019  มันมีความแตกต่างบางอย่างระหว่างที่นี่และที่นั่น

เขาต้องใช้เวลาเพื่อที่จะทำความคุ้นเคยกับโลกนี้

หวังเต็งเปิดเบราว์เซอร์ไป่ตู้และค้นหาคำว่า 'นักสู้' สองคำ จากนั้นข้อมูลจำนวนมหาศาลก็ผุดขึ้นมา

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หวังเต็งก็ปิดเบราว์เซอร์และเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ

30 ปีที่แล้ว รอยแยกมิติได้ปรากฏขึ้นบนโลก และรอยแยกนั้นก็ได้เชื่อมต่อโลกเข้ากับทวีปซินหยู่

'พลังที่มีอยู่ในทวีปซินหยู่นั้นสามารถทำให้ผู้คนกลายเป็นนักสู้ได้โดยการฝึกฝน'

'นักสู้ผู้แข็งแกร่ง!'

'นักสู้ระดับต่ำสามารถทุบโลหะ ผ่าแยกหิน และแบ่งกระแสน้ำออกเป็นสองสายได้โดยใช้ดาบของพวกเขา ในขณะที่นักสู้ระดับสูงสามารถทำลายภูเขา และผ่าทะเลออกเป็นสองส่วนได้… '

นี่มันเป็นเหมือนจินตนาการ!

หวังเต็งพูดไม่ออก

นักวิทยาศาสตร์บนโลกได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับพลังเหล่านี้และพบว่านี่อาจจะเป็นสสารมืด อย่างไรก็ตาม ทำไมมนุษย์และพืชบนทวีปซินหยู่ถึงสามารถดูดซับสสารมืดเเละเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายของพวกเขาได้กัน? ทำไมสิ่งมีชีวิตบนโลกถึงไม่สามารถทำเช่นเดียวกันได้? นักวิทยาศาสตร์ยังไม่พบคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้

หลังจากนั้นไม่นาน โลกก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการปรากฏตัวของรอยแยกมิติ สิ่งมีชีวิตบนโลกได้รับผลกระทบจากสสารมืด

ต้นไม้เริ่มสูงขึ้นและเขียวชอุ่มขึ้น และสัตว์บางชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนโลก

สัตว์ก็เริ่มมีขนาดโตมากขึ้นเช่นกัน ลักษณะพิเศษบนร่างกาย เช่น เกล็ด กรงเล็บ และฟัน ต่างก็ได้รับการปรับปรุงอย่างเหมาะสม

สิ่งมีชีวิตที่ได้รับพรสวรรค์บางตัวก็สามารถกลายพันธุ์และได้รับความสามารถพิเศษของธาตุได้

ในฐานะเจ้าแห่งโลก มนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงตามเช่นกัน

ร่างกายของพวกเขาแข็งแรงขึ้น พวกเขาสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น กระโดดได้สูงขึ้น มีพละกำลังมากขึ้น และมีอายุยืนยาวขึ้น!

ผู้สูงอายุที่มีอายุประมาณ 70 ถึง 80 ปีเมื่อ 30 ปีที่แล้วยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าตอนนี้จะมีอายุมากกว่าร้อยปีแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตามสภาพร่างกายและจิตใจของพวกเขาก็ยังคงเหมือนเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้มนุษย์ต่างก็บ้าคลั่ง!

ประเทศต่างๆละเลยความเป็นปฏิปักษ์ก่อนหน้าและได้จัดการประชุมระดับโลก

ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะจัดตั้งทีมเพื่อสำรวจรอยแยกมิติ หลังจากยืนยันว่าพวกมันปลอดภัย พวกเขาจึงส่งกองทัพและผู้เชี่ยวชาญต่างๆไปยังทวีปซินหยู่

คนเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บุกเบิก

ทวีปซินหยู่นั้นไม่มีที่สิ้นสุด ผู้บุกเบิกได้อ้างว่าพวกเขามาจากอีกฟากหนึ่งของทะเลและได้รับความไว้วางใจจากชาวพื้นเมืองของที่นั่น หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มโต้ตอบและซื้อขายกับพวกชาวพื้นเมือง

ผู้คนบนโลกไม่ได้บุกรุกทวีปซินหยู่อย่างโหดเหี้ยม แต่พวกเขาได้นำเอาหลักการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีปฏิสัมพันธ์กับชาวพื้นเมืองที่นั่นอย่างเป็นกันเอง

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้บุกเบิกก็กลับมาพร้อมกับวิธีการฝึกฝนของทวีปซินหยู่

หลังจากลองผิดลองถูก มนุษย์บนโลกก็สามารถฝึกฝนได้ ประเทศต่างๆต่างเห็นพ้องต้องกันและเผยแพร่วิธีการฝึกฝนนี้สู่สาธารณะชน ซึ่งทำให้มันกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของยุคแห่งศิลปะการต่อสู้

นี่เป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่!

ประวัติศาสตร์พลิกผันอย่างเฉียบขาดและเคลื่อนไปในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้

และแล้วส่วนสำคัญก็มาถึง

มนุษย์มีอำนาจเพราะพวกเขามีสติปัญญา และด้วยการฝึกฝน เผ่าพันธุ์มนุษย์จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี นักสู้จำนวนมากก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นทั่วโลก

บางคนเข้าร่วมกองทัพในขณะที่บางคนเข้าร่วมรัฐบาล บางคนอยู่ในสถาบันการเงินต่างๆและครอบครัวของชนชั้นสูง โดยรวมแล้ว คนเหล่านี้ก็กลายเป็นพันธมิตรกับโลก แต่อย่างไรก็ตาม นักสู้พลเรือนส่วนน้อยก็ยังต้องการอิสระ พวกเขาก่อตั้งสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้หลายแห่งเพื่อเปิดทางให้พลเรือนคนอื่นๆได้เริ่มฝึกฝน

เนื่องจากการมีอยู่ของนักสู้เหล่านี้ มนุษย์จึงสามารถป้องกันตัวจากสัตว์ป่าที่กลายพันธุ์ที่บุกเข้ามาในเมืองได้ สิ่งนี้ป้องกันความเสียหายและผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสังคม

อย่างไรก็ตาม การจะเป็นนักสู้ได้นั้นก็จำเป็นจะต้องมีพรสวรรค์ มันไม่ใช่เส้นทางที่ทุกคนจะสามารถเดินได้

หากมีใครต้องการเป็นนักสู้ พวกเขาก็จะต้องมีความแข็งแกร่งทางร่างกายและมีรากฐานที่มั่นคง

ผู้ฝึกฝนในขั้นตอนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะศิษย์นักสู้ พวกเขาจะสามารถดูดซับพลังและกักเก็บไว้ภายในร่างกายได้ก็ต่อเมื่อรากฐานของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงพอแล้วเท่านั้น จากนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นนักสู้อย่างเป็นทางการ

ถ้าเปรียบพลังกับน้ำ ร่างกายก็จะเหมือนกับภาชนะกักเก็บน้ำ กระบวนการดูดซับพลังนั้นก็เหมือนกับการเทน้ำลงในภาชนะ ยิ่งเรือใหญ่และแข็งแรงมากเท่าไร มันก็ยิ่งเก็บน้ำได้มากขึ้นเท่านั้น

หลักการของการฝึกฝนก็สามารถอธิบายได้ดังนี้

ด้วยความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความสามารถโดยรวมของศิษย์นักสู้ พวกเขาก็สามารถจำแนกได้ออกเป็นสามประเภท: ขั้นเริ่มต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง

เหอม่านหรงเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสูง ดังนั้นเธอจึงอยู่ห่างจากการเป็นนักสู้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นขั้นที่ดับฝันผู้คนมามากมาย

มันมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างผู้ที่สามารถดูดซับพลังฟอร์สและผู้ที่ไม่สามารถดูดซับพลังฟอร์สได้

นักสู้อย่างเป็นทางการที่สามารถฝึกฝนโดยใช้พลังฟอร์สได้นั้นจะสามารถจัดการกับศิษย์นักสู้ขั้นสูงสิบคนได้อย่างง่ายดาย

ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้นที่แยกศิษย์นักสู้ขั้นสูงและนักสู้อย่างเป็นทางการ

ดังคำกล่าวที่ว่า คนจนเรียนศิลปะการต่อสู้จะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการฝึกฝน เส้นทางการต่อสู้นั้นย่อมต้องใช้เงิน ดังนั้นคนธรรมดาจึงเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

โดยรวมแล้ว นักสู้ก็เป็นเพียงชนกลุ่มน้อยของมนุษย์เท่านั้น และคนส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงมนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่าปกติเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้หยุดนักสู้จากการกลายเป็นกระแสหลัก ในทางกลับกัน ความหายากของนักสู้และความสำคัญของพวกเขานั้นก็ทำให้พวกเขามีสถานะที่สำคัญ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด