บทที่ 1 โศกนาฏกรรม
อยู่มาวันหนึ่ง ก็เกิดช่องว่างขึ้นในอวกาศ และโลกก็ได้กลายเป็นทางเชื่อมมิติ โลกขนาดเล็กที่มีสัตว์ร้าย สมุนไพร พืช เวทย์มนต์ และรูหนอนที่นำไปสู่ดาวดวงอื่นๆ
ผ่านช่องว่างที่เกิดขึ้นบนโลก แหล่งพลังงานพิเศษและพลังเวทย์มนต์ก็ได้กระจายเข้ามาภายในโลก และนำไปสู่การขยายตัวของดินแดนแปลกใหม่ ที่มีการวิวัฒนาการของทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์โลก และที่ตามมาด้วยก็คือเทคโนโลยีที่มีมนุษย์หวังจะควบคุมพลังเวทย์มนต์
เหล่ามนุษย์เริ่มสำรวจช่องว่างที่เกิดขึ้น และจากนั้นก็ใช้รูหนอนที่เกิดขึ้นเพื่อไปยังดาวดวงอื่นๆ ที่พวกเขานั้นไม่รู้จัก กึ่งมนุษย์ สปีชีส์ต่างๆ และเหล่าเอเลี่ยนนั้นปกครองดาวเคราะห์เหล่านี้ บางก็เป็นมิตรกับเหล่ามนุษย์
เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นได้ก่อตั้งพันธมิตรและสร้างข้อตกลงและค้าขายกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่เป็นมิตรและเป็นกลาง และพวกเขาก็ได้สร้างสงครามเพื่อพิชิตกับเผ่าที่เป็นศัตรู
พวกเขายึดครองดาวเคราะห์จำนวนมากด้วยกำลังและกลยุทธิ์ที่เหนือกว่า ระหว่างที่พวกขเาได้สำรวจวิธีการที่จะทำให้การวิวัฒนาการของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้น
วิธีที่การสร้างวิวัฒนาการที่ได้รับความสนใจที่สุดคือการที่วิวัฒนาการที่ช่วยเพิ่มอายุไข ความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ทำให้คนหลายคนต้องเสี่ยงภัยในที่ที่อันตรายและในอวกาศเพื่อรวบรวมวัตถุดิบและส่วนผสม
อย่างไรก็ตาม ยุคแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรื่องนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อยานอวกาศของมนุษย์และกึ่งมนุษย์ได้พากันไปติดต่อกับสิ่งมีชีวิตในนรก ในขณะที่พวกเขาสำรวจพื้นที่อันไร้ขอบเขต
สิ่งมีชีวิตในนรกได้รุกรานดาวเคราะห์ที่อยู่ใต้อาณัติของโลก โดยใช้ประตูนรกและได้ทำสงครามกับเหล่ามนุษย์และกึ่งมนุษย์ เนื่องจากพวกมันจะได้รับการวิวัฒนาการหลังจากการดื่มเลือดและกินเนื้อของเหล่ามนุษย์
แต่พวกมนุษย์และกึ่งมนุษย์ก็ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่ เพื่อทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตจากนรกได้รู้ว่าพวกเขานั้นไม่ใช่เหยื่อที่จะยอมแพ้ง่ายๆ
เผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกับโลกก้ได้ให้ความช่วยเหลือแลพช่วยปกป้องเหล่าชาวโลกจากสิ่งมีชีวิตในนรกที่รุกราน
"ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนที่มีความแข็งแกร่งอย่างพวกเราแล้ว ที่จะต่อสู้กับเหล่าผู้บุกรุกและหวังที่จะทำลายโลกและเผ่าพันธุ์ของเรา พวกเราจะต้องไม่ปล่อยให้พวกนั้นได้ทำตามอำเภอใจ ดังนั้นพวกเราจึงต้องแยกจากกัน แต่มันก็แค่ชั่วคราว เข้าใจใช่ไหม"
”
แอรอนพูดขณะที่มองดูลูกชายวัย 10 ขวบของเขา
"ไม่ ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ไป "
”
เด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางและสวมชุดนอนสีเทาพูดพร้อมสะอื้นไห้ เขามีผมสีดำสนิท ดวงตาสีดำ และริมฝีปากบาง
"ลุกเอ๋ย อย่าร้องไห้เลย พวกเราจะกลับมา แม่สัญญาว่าลูกจะได้พบพ่อและแม่ในอีกไม่ช้า นี้เป็นการจากลาเพียงชั่วคราวเท่านั้น"
”
ขณะที่พูด เจนนิเฟอร์ได้ก้มลงจูบที่หน้าผากของลูกชาย เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและมีดวงตาเหมือนมหาสมุทรและมีสีผมดังดวงอาทิตย์
"ฮ่าๆ จงเป็นแชมป์ตัวน้อยที่เข้มแข็ง หลังจากสงครามจบลง พ่อจะเอายานอวกาศกลับบ้านและพาลูกไปผจญภัยในอวกาศ นั้นคือสิ่งที่ลูกใฝ่ฝันมาตลอดใช่ไหมล่ะ "แอรอน ซังกุ กล่าวขณะที่ขยี้ผมของลูกชายคนเดียวของเขา
”
ทันทีที่แอรอนพูดเช่นนั้น นัยต์ตาสีดำสนิทของวินเซนต์ที่เต็มไปด้วยน้ำตา ก็เป็นประกายวิบวับดวยความสุขและตื่นเต้น ก่อนที่เด็กชายจะพยักหน้ารับเมื่อจะได้มีโอกาสที่จะออกสำรวจอวกาศและผจญภัยไปดาวต่างๆ
"ฮึบๆ โอเคฮะ พ่อแม่ ผมจะรอให้พ่อกับแม่กลับมา และผมจะคิดถึงพ่อกับแม่ครับ "
”
วินเซนต์ ซังกุ กล่าวขึ้น
"พ่อกับแม่ก็จะคิดถึงลูกเช่นเดียวกัน"
”
"ในขณะที่พวกเราไป ลูกควรที่จะฝึกฝนเผื่อว่าสักวันลูกจะได้ต่อสู้ร่วมกับเผ่าพันธุ์ของพวกเราและยุติสงครามเพื่อความสงบสุข"
”
ทั้งสองกล่าวขณะที่สวมกอดวินเซนต์พร้อมกันเป็นครั้งสุดท้าย
"ผมสัญญาว่าจะเป็นทหารที่ดีที่สุดและยุติสงครามนี้ !"
”
ขณะที่เด็กน้อยกล่าวถึงเป้าหมายของเขา และจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งความอบอุ่นจากอ้อมกอดของแอรอนและเจนนิเฟอร์ ทั้งสองก็หัวเราะออกมา
"ลาก่อน ลูกชายของฉัน"
”
พวกเขาสวมกอดอีกครั้ง ก่อนที่จะจากไป
พ่อกับแม่ของวินเซนต์นั้นเป็นสามัญชนที่มีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเกณฑ์ให้ไปเป็นหนึ่งในแนวหน้าของกองทัพโดยสหพันธ์ของโลก และสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์
แต่ไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น ในขฯะที่ทาส สามัญชน และเหล่าขุนนางก็ร่วมต่อสู้ในสงครามนี้เช่นกัน และแม้แต่พวกราชวงศ์ก็เข้าร่วมด้วยความเต็มใจในสงครามนี้
ลำดับชั้นของสหัพันธ์โลกได้แบ่งออกเป็น ทาส สามัญชน ขุนนาง และราชวงศ์ แต่ยังแบ่งเป็นชนชั้นต่ำ กลาง และชนชั้นสูงอีกด้วย
แนวหน้าในการต่อสู้ในสงครามนั้นมีโอกาสที่จะเสียชีวิตสูง และยิ่งกว่านั้น พวกเขายังเป็นแนวรุกและป้องกันที่สำคัญที่สุดของเหล่ามนุษยชาติ
เมื่อสงครามดำเนิน 5 ปี ผ่านไป และวินเซนต์ก็เติบโตจนได้อายุ 15 ปี โดยไม่ได้รับการดูแลจากพ่อแม่ของเขา
"สงครามดูเหมือนว่ามันจะไม่จบสิ้น เมื่อ 16 ปีที่แล้ว เราได้สังหารฟอลเลนเซราฟีม 2 ปีกและวพมันก็โจมตีเราอย่างรุนแรงนับตั้งแต่นั้นมา แต่ทหารของเราก็ยังสู้กับได้อย่างกล้าหาญ ยังไม่มีฝ่ายใดชนะ สิ่งมีชีวิตจากนรกนั้นเหนือกว่าเราแทบทุกด้าน พวกมันมีความสามารถโดยกำเนิด แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังไม่มีโอกาสที่จะชนะสงคราม"
”
ฟอลเลนเซราฟีมนั้นอยู่ในฐานะปีศาจที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตในนรก และพวกมันถูกจำแนกตามระดับความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันตามจำนวนปีกบนหลังของพวกมัน ปีกข้างเดียวหมายถึงปีศาจที่ร่วงหล่นที่ทรงพลังที่สุด ยิ่งมีปีกมากพลังก็จะน้อยลง
"เมลานี คุณพูดถูก พวกมันไม่เหมือนพวกเรา พวกมันยังขาดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี นอกจากนี้พวกเราบางคนยังวิวัฒนาการตามะรรมชาติและสร้างเซลล์ที่มีความสามารถ ซึ่งจะสามารถเปิดใช้งานได้โดยใช้พลังเวทย์และแหล่งพลังงานที่สูงขึ้นเพื่อสร้างความสามารถที่เหนือธรรมชาติ เรายังสามารถกินเนื้อสัตว์ร้ายเพื่อที่จะได้รับความสามารถ สิ่งมีชีวิตในนรกก็กล่าวเช่นนี้ใช่ไหม แต่นั้นไม่เลย !"
”
"ยังมีข่าวดี"
”
“โอ้ นั่นอะไรน่ะ?”
”
“พวกเราประสบความสำเร็จในการสร้างชุดต่อสู้คริสตัล”
”
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา วินเซนต์นั้นให้ความสนใจเกี่ยวกับสงครามที่เขาได้รับรู้ผ่านทีวีและการเผยแพร่บนเครือข่าย
เขายิ้ม สิ่งประดิษฐ์เช่น ไฟร์ทอิ้งอาร์ค , โฮเวอร์ดิสก์ และสแตร์เคสเทเลพอร์ต และอื่นๆ ได้กลายเป็นภาพที่สามารถเห็นได้จากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ชุดสำหรับต่อสู้ของเผ่าพันธุ์คริสตัลนั้นและเป็นความภาคภูมิใจของเผ่าคริสตัล
เหล่ามนุษย์ก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ วินเซนต์นั้นยิ้มได้ไม่นานนัก
"พ่อแม่ของฉันไม่ได้ติดต่อกลับมาหลายสัปดาห์แล้ว ฉันรู้สึกไม่ดีเลย "
”
วินเซนต์พึมพัมขณะที่ดูทีวี
กริ่ง
กริ่ง
กริ่ง
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น วินเซนต์ที่กำลังรู้สึกไม่ได้ ยืนขึ้นและเดินไปที่ประตู ความรู้สึกถึงลางไม่ดีของเขายิ่งเพิ่มขึ้น
ประตูเปิดออก และชายวัยกลางขึ้นซึ่งสูงประมาณ 1.85 เมตรซึ่งสวมชุดทหารและยืนอยู่หน้าประตูด้วยความเงียบขรึม แขามีคิ้วเหมือนโค้งคมเหมือนดาบและดวงตาสีน้ำตาลสดใส ชายคนนั้นถือกล่องโลหะปิดผนึกไว้ในมือ
"สวัสดีครับท่านเดวิด !"
”
วินเซนต์ทำความเคารพก่อนที่จะถามว่า
"ท่านมาทำไรที่นี่ มีจดหมายจากพ่อแม่ผมไหม"
”
”
”
"............."
”
”
"เอ่ออ..."
”
เดวิดไม่รู้จะพูดอย่างไร เขาเงียบไปอีก 2-3 วินาที ราวกับว่ากำลังจัดเรียงคำพูด
"โทษที แต่ว่าพ่อกับแม่ของนาย เขาได้ตายในหน้าที่
”
เดวิดกล่าว ซึ่งทำให้วินเซนต์ตกใจเป็นอย่างมาก
"คุณโกหก พ่อแม่ของผมยังไม่ตาย เขาสัญญาไว้แล้ว พวกเขาสัญญาว่าจะกลับบ้าน และพ่อก็สัญญากับผมว่าจะพาผมออกไปนอกอวกาศ "
”
วินเซนต์กล่าวอย่างตื่นตระหนก
ข่าวนี้มันยากเกินไปสำหรับวินเซนต์ เขาไม่สามารถยอมรับการตายของพ่อแม่เขาได้ และเขาก็เลือกที่จะไม่เชื่อคำของเดวิด
"กองทัพได้รายงานยืนยันการตายของพวกเขาแล้ว"
”
เดวิดถอนหายใจและพูดต่อไปว่า
"ฟังให้ดี พวกเขาเป็นทหารที่กล้าหาญและเสียสละที่ปกป้องกองทัพมนุษย์ด้วยการเสียสละตัวเองและทำลายยานอวกาศของพวกดาร์กคิ้นไปพร้อมกับพวกเขา"
”
น้ำเสียงของเดวิดนั้นดูเคร่งขรีมแต่ก็โศกเศร้า เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในทหารที่พ่อแม่ของวินเซนต์ได้สละชีวิตเพื่อปกป้อง เขาจึงรู้สึกเสียใจกับการตายของทั้งสอง
ในขณะที่แอรอนและเจนนิเฟอร์เสียชีวิต ยิ่งทำให้เดวิดรู้สงสารวินเซนต์มากขึ้น ที่ต้องกำพร้าพ่อแม่
"พ่อครับ...แม่ครับ..."
”
วินเซนต์ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง น้ำตาได้หลั่งไไหลออกมาอย่างท่วมท้น จากโศกนาฏกรรมที่เกิดจากสงคราม เขาไม่มีญาติคนอื่นๆ และเมื่อพ่อแม่ของเขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว เขาก็จะตัวคนเดียว
"อย่าร้องไห้ไปเลย พวกเขานั้นกล้าหาญมากและตายอย่างมีศักดิ์ศรี เช็ดน้ำตาซะ เข้มแข็ง และแก้แค้นให้กับพวกเขา"
เดวิดกล่าวพร้อมกับส่งกล่องโลหะปิดผนึกให้กับวินเซนต์
"กล่องใบนี้บรรจุสิ่งของที่ทั้งสองทิ้งไว้ให้นาย นายจะได้รับมันในตอนที่ทั้งสองได้จากไปแล้ว เหรียญเกียรติยศที่สหพันธ์โลกได้มอบให้พวกเขาสำหรับการเสียสละอย่างกล้าหาญก็อยู่ในกล่องใบนี้ กล่องถูกผนึกเอาไว้ และมีแต่นายที่จะเปิดมันได้ ด้วยเลือดของนาย"
”
"ผมเข้าใจแล้ว"
”
เสียงของวินเซนต์เบาราวกับกำลังพูดกับตัวเอง แต่เดวิดก็ยังคงได้ยิน
"หากนายต้องการอะไร ก็โทรหาฉันนะ เรียกฉันว่าเดฟก็ได้"
”
"ครับ"
”
วินเซนต์กล่าวพร้อมพยักหน้าสะอื้น ในขณะที่เดวิดเดินจากไป
เมื่อเห็นเดวิดเดินจากไปจากสายตาแล้ว วินเซนต์ก็รีบปิดประต฿และล็อคก่อนที่จะเดินกลับไปที่ห้องของเขา เวินเซนต์นึกถึงการอยู่ด้วยกันระหว่างเขาและพ่อกับแม่ครั้งสุด ความอบอุ่นจากอ้อมกอดสุดท้าย น้ำเสียงที่อ่อนโยนของแม่ อ้อมกอดที่อบอุ่นของพ่อ สิ่งเหล่านี้ได้หายไป
ทั้งหมดเป็นเพราะสงครามที่ทำให้ชีวิตของเขาได้พังทลายลง และเมื่อพ่อกับแม่จากไปแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ดวงตาของวินเซนต์ไร้ชีวิตชีวาราวกับเปลวไฟที่เยือกเย็น หยดน้ำสีแดงที่ไหลออกจากปิด เขากำมือแน่นจนเล็บเจาะเข้าไปในผิวหนังและมีเลือดไหลออกมานิดหน่อย ความโกรธแค้นได้เติมเต็มภายในใจของเขา
และเปลวไฟก็สว่างขึ้นภายในจิตใจ
"แก้แค้น!"
”
วินเซนต์พูดอย่างกัดฟัน และเปลวเพลิงแห้งความแค้นก็สะท้อนภายในดวงตาของเขา
"ไม่มีใครสามารถหยุดสิ่งมีชีวิตจากนรกได้ เผ่าพันธุ์พันธมิตรของโลกก็ไม่อาจจะจัดการได้ ฉันจะจัดการพวกมันเองเพื่อแก้แค้น และนี้คือความฝันของฉัน และฉันจะอยู่เพื่อเติมเต็มความฝันของพ่อแม่ เพื่อยุติสงครามที่เกิดขึ้น แม่ของฉันต้องการช่วยมนุษย์และครึ่งมนุษย์ ฉันจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนนับล้านและช่วยพวกเขา จากเงื้อมมือของความตาย !!"
”
ในขณะนั้น โศกนาฏกรรมแห่งสงครามได้กลายเป็นแรงกระตุ้นเด็กกำพร้าคนนี้ ด้วยความฝันใหม่ที่จะมีชีวิต