ตอนที่แล้ว192 - หลีกหนีปัญหา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป194 - การสนทนายามค่ำคืน

193 - หวนคืนสู่ย่านโรงตีเหล็กอีกครั้ง


193 - หวนคืนสู่ย่านโรงตีเหล็กอีกครั้ง

พวกเขาออกจากโรงเตี๊ยมหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จและแยกย้ายกันไป

เอี้ยนลี่เฉียงเตรียมพร้อมที่จะกลับไปที่หมู่บ้านอู๋หยางก่อนเพื่อเก็บของแล้วจะออกจากเมืองผิงซีในช่วงบ่าย

เขาต้องไปยังมณฑลหวงหลงเพื่อพบกับเอี้ยนเต๋อชางเนื่องจากเอี้ยนเต๋อชางจะนำมีดคูกรีชุดหนึ่งไปส่งที่ย่านโรงตีเหล็กของมณฑลหวงหลงในวันพรุ่งนี้

ถ้าหากพวกเขาได้พบกันที่ย่านโรงตีเหล็กแล้วเอี้ยนเต๋อชางก็จะไม่เดินทางมาที่เมืองผิงซีอย่างแน่นอน

หลังจากเดินจากที่พักไปไม่ถึงหนึ่งลี้เอี้ยนลี่เฉียงก็พบกับกลุ่มคนบนถนนสายหลัก

กลุ่มคนพวกนี้มีไม่ต่ำกว่าสองสามร้อยคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พวกเขาร้องไห้และสวมชุดไว้ทุกข์สีขาว

พวกเขาแบกโลงศพไว้บนหลังพร้อมกับโปรยกระดาษเงินกระดาษทองก่อนจะมุ่งหน้าไปสำนักงานบังคับใช้กฎหมาย

ที่เดินนำหน้าสุดคือผู้สูงอายุสองคนที่มีผมสีเทา ชายชราเดินด้วยไม้เท้าโดยมีเด็กอีกสองคนคอยประคอง

อีกคนหนึ่งคือหญิงชราที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด ดวงตาของนางบวมแดงจากการร้องไห้ นางคร่ำครวญเสียงดังขณะที่เดินไปข้างหน้า

“โอ้ ลูกสาวของข้า! เจ้าตายอย่างอนาถนัก! ตั้งแต่ที่เจ้าหายตัวไปเมื่อสองปีก่อน แม่มักจะฝันว่าเจ้าหนาว แม่เพิ่งรู้ว่าเจ้าถูกนายน้อยผู้ว่าการฆ่าทิ้งแล้วโยนลงไปในบ่อน้ำ! วันนี้แม่มาที่นี่เพื่อพาเจ้ากลับบ้าน…!”

“เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้? ยังมีความยุติธรรมอยู่ในเมืองผิงซีหรือไม่? สวรรค์ท่านยังมีดวงตาอยู่อีกหรือ…!” น้ำตายังไหลอาบแก้มของชายชราที่อยู่ข้างๆ เขาชี้นิ้วไปบนท้องฟ้าพร้อมกับสาปแช่งออกมาด้วยความโกรธแค้น

“บุตรชายของผู้ว่าการกำลังสมคบคิดกับชนเผ่าอื่นเพื่อทำลายล้างสามัญชน! ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน! สวรรค์พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่…?!!” ผู้คนมากมายต่างกำลังร้องไห้พร้อมกับโปรยกระดาษเงินกระดาษทองไปด้วย

เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้เดินเข้ามา ทุกคนบนถนนสายหลักก็หลีกทางให้ ทุกคนยังคงนิ่งเงียบเมื่อมองดูกลุ่มนี้เดินไปที่สำนักงานบังคับใช้กฎหมาย เกือบทุกคนกำลังพูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้

แม้แต่ปลัดอำเภอที่ลาดตระเวนตามท้องถนนก็ทำได้เพียงยืนเงียบๆเมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มคน พวกเขาไม่ได้ขัดขวางเส้นทางของคนพวกนี้

ท้ายที่สุดปลัดอำเภอเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาเช่นเดียวกับสามัญชนในเมือง พวกเขาต่างก็มีมโนธรรมและความเห็นอกเห็นใจเช่นกัน

เอี้ยนลี่เฉียงยืนอยู่ข้างถนน เขาทำได้เพียงคร่ำครวญในความเงียบ

หลังจากที่กลุ่มคนผ่านไป เอี้ยนลี่เฉียงก็เดินต่อไปและเลี้ยวเข้าถนนอีกสายหนึ่ง หลังจากเดินได้ไม่ถึงสองลี้ เขาก็วิ่งไปชนกลุ่มคนที่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่เต็มถนนอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาก็กำลังแบกโลงศพไปทางสำนักงานบังคับใช้กฎหมาย...

เกือบทุกตระกูลไม่ว่าจะในหรือนอกเมืองที่มีเด็กผู้หญิงหายตัวไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาต่างก็รีบมาที่สำนักงานบังคับใช้กฎหมายเมื่อทราบเรื่องของเมื่อคืน

เมืองผิงซีทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่น่าสังเวช คนทั้งเมืองโศกเศร้าและความคับข้องใจ เอี้ยนลี่เฉียงเห็นผู้คนร้องไห้คร่ำครวญพร้อมกับตะโกนเรียกหาคนในครอบครัวตลอดทาง

หากเย่เทียนเฉิงยังคงนั่งในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้อย่างปลอดภัยหลังจากนี้ ย่อมแสดงว่าอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่หมดทางเยียวยาแล้ว

……….

“ไม่เจอกันนานเลยนะพี่ใหญ่ทั้งสอง…!”

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกระโดดลงจากรถม้า สายตาของทหารทั้งสองที่ยืนเฝ้าตรงทางเข้าย่านโรงตีเหล็กของมณฑลหวงหลงเต็มไปด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมาที่นี่วันนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากคำทักทายของเอี้ยนลี่เฉียง ทั้งคู่ก็ตอบรับในที่สุด

“อ๊ะ! นายน้อยเอี้ยน นายน้อยกลับมาแล้ว...!” ทหารทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นและรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ระหว่างที่เอี้ยนลี่เฉียงอยู่ที่ย่านโรงตีเหล็กเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ความสัมพันธ์ของเขากับทุกคนนั้นยอดเยี่ยมและทุกคนก็รักเขาเหมือนกับคนในครอบครัว

ในตอนที่เขาสอบได้อันดับหนึ่ง ทุกคนในย่านโรงตีเหล็กต่างมีความสุขกับเขา ทหารสองคนไม่คิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะกลับมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาวอย่างนี้

“พี่ใหญ่ทั้งสองข้าซื้อของมามากมายรบกวนพวกท่านช่วยขนลงมาด้วย…?”

"ได้สิ!"

ทหารทั้งสองหัวเราะอย่างร่าเริง พวกเขาเดินตามหลังรถม้าพร้อมกับคนขับรถม้าก่อนจะเปิดประตูรถแล้วหยิบของที่อยู่ด้านในออกมาหลายหีบ

มันประกอบไปด้วยสุราสี่ไห แต่ละขวดหนักประมาณห้าสิบจิน เชือกเส้นหนาที่ทำจากฟางมัดไหสุราไว้อย่างแน่นหนาเหมือนตาข่าย

ในยุคที่ปราศจากโฟมหรือพลาสติก นี่คือวิธีขนส่งไหสุราในระหว่างการเดินทาง แม้ว่าจะดูล้าสมัย แต่ก็มีประสิทธิภาพมาก ไหสุรายังคงไม่เสียหายแม้จะเกิดการชนกันอยู่บ้างระหว่างทาง

เอี้ยนลี่เฉียงซื้อเหล้าชั้นดีมาจากเมืองผิงซี ตอนที่มาที่นี่เขาขนส่งมันมาทางเรือก่อนจะว่าจ้างรถมาให้ส่งมาที่นี่อีกต่อหนึ่ง

“ที่มันสุราตระกูลเหลียว” จมูกของทหารคนหนึ่งกระตุกเมื่อพวกเขาขนไหสุราออกจากรถม้า

“ข้ารู้ว่าทุกคนที่นี่ชื่นชอบสุรา ดังนั้นข้าก็เลยซื้อพวกมันมาจากเมืองผิงซี ช่วงนี้อากาศหนาวโชคดีที่สุราพวกนี้มาทันเวลาจะได้ใช้เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับพี่น้องทุกคน !” เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะ

“ไม่นึกเลยว่านายน้อยจะยังนึกถึงพวกเรา…” ทหารทั้งสองยิ้มออกมาด้วยความสุข

“แน่นอน ข้าจะลืมพวกท่านทุกคนได้อย่างไร” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าว เขาเดินไปยกเหล้าขึ้นมาสองไห

“นายน้อย ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของเรา!”

“เกรงใจไปแล้วพี่ใหญ่ มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนอุ้มไป!” เอี้ยนลี่เฉียงยกไหสุราทั้งสองขึ้นและเดินไปที่ทางเข้าของย่านโรงตีเหล็กพร้อมกับถามว่า

“ลุงเฉียนอยู่ที่นี่หรือเปล่า”

“แน่นอน ปรมาจารย์เฉียนเพิ่งกลับจากตัวเมืองมาไม่ถึง 2 ชั่วยามดังนั้นเขาจึงยังไม่ทันได้ออกไปอีก…”

“ทำไม ลุงเฉียนไม่ได้ไปดื่มในเมืองช่วง 2-3 วันนี้หรือ?”

“นายน้อย เราไม่กล้าตอบคำถามนั้น ท่านก็ถามปรมาจารย์เฉียนเอาเองเถอะ”

ไม่ไกลจากทางเข้าของย่านโรงตีเหล็ก เขาเห็นทหารอีกสองสามคนที่มีใบหน้าที่คุ้นเคย เมื่อทหารเหล่านั้นเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงปรากฏตัวอยู่ที่นี่พวกเขาก็มีสีหน้าแปลกใจมาก

แต่ทันทีที่พวกเขาเห็นของที่เอี้ยนลี่เฉียงถืออยู่ พวกเขารู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงได้นำของฝากจากเมืองผิงซีมาให้ทุกคน พวกเขาตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นแล้วรีบวิ่งเข้าหาเอี้ยนลี่เฉียงทันที

“นายน้อยเอี้ยนกลับมาแล้ว! ทุกคนนายน้อยเอี้ยนกลับมาแล้ว…!”

ทหารสองสามคนตะโกนในขณะที่วิ่งไปข้างหน้า หลายคนในย่านโรงตีเหล็กต่างก็วิ่งออกไปทักทายเอี้ยนลี่เฉียง

“อ๊ะ อันดับหนึ่งของผู้เข้าแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของมณฑลชิงไห่มาแล้ว…!”

“ตอนนี้ท่านมีเมียกี่คนแล้วนายน้อย? ฮ่าฮ่าฮ่า!!”

หลังจากต่อสู้และวางแผนในเมืองผิงซีเป็นเวลาสองสามเดือนเอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกราวกับว่าเขาได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้ง

เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและเป็นมิตรของผู้คนในย่านโรงตีเหล็ก ความรู้สึกอบอุ่นก็ไหลเวียนอยู่ในหัวใจของเขา ขณะที่เขาทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มที่สดใส

เมื่อมาถึงที่พักและยังไม่เห็นเฉียนซู เอี้ยนลี่เฉียงก็สอบถามผู้คนที่อยู่ข้างๆจนได้ความว่าเขาอยู่ในโรงตีเหล็ก หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวจากทุกคนและเดินไปที่โรงตีเหล็กด้วยตัวคนเดียว

ย่านโรงตีเหล็กมีอัตราการใช้ถ่านหินสูง จึงมีที่สำหรับเก็บถ่านหินโดยเฉพาะ ไม่ไกลจากโรงตีเหล็ก, มีโกดังขนาดใหญ่สำหรับเก็บถ่านหินเป็นการเฉพาะ

โกดังขนาดใหญ่นั้นเรียกว่าลานถ่านหิน ลานถ่านหินตั้งอยู่ด้านข้างของย่านโรงตีเหล็ก ซึ่งค่อนข้างห่างไกลดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินความวุ่นวาย

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงอยู่นอกโรงเก็บถ่านหิน เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของเฉียนซู ก่อนที่เขาจะเข้าไปด้วยซ้ำ

“เจ้าคนแซ่หวัง เจ้าทำบ้าอะไร! เจ้ากล้าดียังไงที่เอาถ่านแบบนี้เข้ามา? ดูถ่านห้าแสนจินนี่สิ ครึ่งหนึ่งถูกบดขยี้เหมือนทรายละเอียด หนึ่งในสามของถ่านที่เหลือมีสีน้ำตาลปนเหลือง

เจ้าคิดจะฉ้อราษฎร์บังหลวงก็ทำให้มันแนบเนียนกว่านี้หน่อย ตอนนี้เจ้ากำลังทำให้ข้าขายหน้าไปด้วย?!"

เพียงแค่ฟังเสียงนั้นเพียงอย่างเดียวเอี้ยนลี่เฉียงก็สามารถจินตนาการถึงสีหน้าที่โกรธจัดของเฉียนซู แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่มีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่แต่ก็ไม่มีใครในย่านโรงตีเหล็กที่ไม่หวาดกลัวเฉียนซู

“ข้าทำผิดต่อท่าน ปรมาจารย์เฉียน!” เสียงสะอื้นดังขึ้น "แต่ข้าไม่มีเจตนาจะหลอกลวงท่าน ในตอนที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาท่านก็รู้ดีว่าราคาถ่านหินจะพุ่งสูงขึ้น

อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดดินถล่มบนภูเขาเสี่ยวหลงและไม่สามารถขนถ่านหินออกมาได้ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ ที่อื่นๆในมณฑลก็ไม่สามารถรับมือกับความต้องการได้

ไม่เพียงแค่นั้นแต่ราคาของถ่านหินยังแพงขึ้นอีกด้วย เมื่อต้นเดือนนี้มันแพงขึ้นกว่าสองเท่าของราคาเมื่อก่อนแล้ว จนมาถึงตอนนี้ราคาก็แพงขึ้นกว่าเดิมมากกว่าห้าเท่าเสียอีก!”

“เจ้าคิดว่าข้ากำลังพูดเล่นอยู่เหรอ ของพวกนี้มีราคาเท่าไหร่มีหรือข้าจะไม่รู้”

“ปรมาจารย์ที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง หากข้ากล้าอมเงินแม้แต่เหรียญทองแดงเดียวท่านก็สามารถจับข้าไปตัดคอได้เลย…”

"อืม แล้วเราจะได้เห็นกันว่าเจ้าจะรักษาศีรษะไว้ได้หรือไม่.."

เอี้ยนลี่เฉียงอยู่นอกโกดังถ่านหินครู่หนึ่ง เขารอจนทั้งสองคนพูดจบก่อนจะกระแอมและเดินเข้าไป

"ลุงเฉียน ผู้จัดการหวัง..."

คนสองคนที่ยืนอยู่ในลานถ่านหินหันศีรษะกลับมาทันทีและดูเหมือนจะตกใจมาก โดยเฉพาะเฉียนซู เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมาที่นี่

“นายน้อยเอี้ยน…” หวังเต๋อฟาฝืนยิ้มให้กับเอี้ยนลี่เฉียง

“อา ลี่เฉียง เหตุไฉนเจ้าจึงมาที่นี่ได้”

“ไม่เจอกันนานแล้วข้าก็เลยมาเยี่ยมท่านเท่านั้น!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด