ตอนที่แล้วEp.1068 - รังไหมโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1070 - รวมพลจ้าวเหนือหัว

Ep.1069 - จ้าวเหนือหัวไซเร็น


Ep.1069 - จ้าวเหนือหัวไซเร็น

ฉินเฟิงข้ามมิติผ่านรอยแยก วินาทีต่อมา สภาพแวดล้อมรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป เมืองลอยฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นปรากฏในสายตา

ฉินเฟิงตกตะลึง แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

มันคือฐานที่มั่นเคลื่อนที่ในอาณาเขตของพันธมิตรองค์กรมืด!

พันธมิตรองค์กรมืดไม่มีสำนักงานใหญ่ แต่มีเก้าเมืองลอยฟ้า ทุกเมืองล้วนรุ่งเรืองและครึกครื้น มีผู้ใช้พลังเลเวล SSS ประจำการอยู่ ซึ่งแข็งแกร่งพอที่จะสามารถต้านทานการรุกรานจากสัตว์ยักษ์มิติได้

ด้วยกลยุทธนี้พวกเขาจะสามารถเดินทางท่องไปตามพื้นที่ต่างๆได้อย่างอิสระ นี่เองคือเหตุผลที่องค์กรมืดสามารถติดต่อสื่อสารกับเผ่าพันธุ์อื่นๆได้เป็นจำนวนมาก

มิติที่จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตฉีกหนีมา เป็นหนึ่งในเมืองลอยฟ้าเหล่านั้น

ทว่าในตอนแรก จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตเปิดรอยแยกมิติเพียงสองเมตรเท่านั้น แต่เป็นเพราะคมมีดของฉินเฟิง ส่งผลให้รอยแยกมิติขยายออกเป็น 10,000 เมตร ผลพวงจากมัน ตัดยอดช่วงบนของเมืองลอยฟ้าไป เกิดเสียงกรีดร้องโวยวายด้วยความโกรธดังขึ้นต่อเนื่อง

แต่ไม่นาน เสียงเหล่านั้นก็กลายเป็นตื่นตระหนกและร่ำไห้ขอความเมตตา

ฉินเฟิงมาช้ากว่าจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตเพียงก้าวเดียว แต่ช่วงเวลานี้ อสูรโลหิตได้ปลดปล่อยพลังสมาธิอันทรงอำนาจออกมา เจ้าตัวลงทุนถึงขั้นปล่อยเลือดจากร่างตัวเองให้ไหลออกมา ครอบคลุมทั้งเมืองลอยฟ้า

ภาพหายนะในตำนานเมื่อ 30 ปีก่อน ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ใช้พลังมากมายสามารถจดจำได้เป็นอย่างดี หลายคนตระหนักได้ทันทีว่านี่คืออะไร

“จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต!”

“ไม่! ไม่นะ ฉันยังไม่อยากตาย ท่านผู้ใหญ่ได้โปรดไว้ชีวิต!”

“รีบหนีกันเร็ว!”

แม้ปากเอ่ยถึงการหลบหนี แต่คนเหล่านั้นไม่ใช่ฉินเฟิง จึงไม่สามารถหลบหนีหรือต้านทานการโจมตีของจ้าวเหนือหัวได้

ตูม ตูม ตูมมมม!

ร่างของผู้ใช้พลังนับไม่ถ้วนระเบิดตัวแตกกลายเป็นหมอกเลือด จากนั้นไหลมาตามทิศทางของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต ผสานรวมเข้ากับร่างเขา ช่วยเสริมพลังชีวิตแก่จ้าวแห่งเลือดผู้นี้

ด้วยพลังจากเลือด ทำให้จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตสามารถฟื้นฟูพลังของตนได้อย่างรวดเร็ว

พลังสมาธิของฉินเฟิง ถ่ายทอดน้ำเสียงประชดประชัน

“จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต เป็นแกเองนะที่เลือกวิธีนี้!”

วินาทีถัดมา พลังพิเศษดูดกลืนของฉินเฟิงก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้ฉินเฟิงไม่ได้เรียกดาวเคราะห์ทมิฬ และไม่ได้ปล่อยงูหน้าคนออกไปโจมตี แต่สร้างกระแสวังวนสีดำขึ้นเหนือหัวของเขา

กระแสวังวนเริ่มใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันราวกับเมฆดำขนาดใหญ่ ปกคลุมกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งของเมืองลอยฟ้า

ต่อมา ละอองเลือดที่เดิมไหลไปทางจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต ก็ค่อยๆหันหัวกลับ ไหลมายังทิศทางของฉินเฟิง

ไม่เพียงแค่นั้น แต่พลังงานตอนตายของผู้ใช้พลัง ทั้งหมดก็ไหลเข้ามาด้วยเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียว ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายใน , แก่นพลังงาน หรือแม้กระทั่งแก่นอบิลิตี้ของหลายร้อยคนถูกดูดเข้ามา

จากนั้น กระแสวังวนก็สูบเฉพาะแต่พลังงานบริสุทธิ์ ไหลลงศีรษะของฉินเฟิง ตกไปในตันเถียน

ดารากำลังภายในได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

อสูรโลหิตเมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของมันเบิกกว้าง  สีของเลือดจากแดงอยู่แล้วยิ่งดูแดงก่ำ แสดงออกชัดเจนว่ากำลังโคตรแค้นแทบคลั่ง

ทุกเทคนิคของฉินเฟิง ราวกับเกิดมาเพื่อขัดขวางเขา ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก กว่าจะเจอโอกาสอันแสนหายาก ที่สามารถดูดซับเลือดเนื้อสดๆได้ แต่กว่าครึ่งที่อสูรโลหิตลงแรงไป กลับถูกช่วงชิงโดยฉินเฟิง

กล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!

เพียงแต่ว่าอสูรโลหิตไม่สามารถหยุดกระบวนการดูดซับกลางคันได้ เขาทำได้เพียงขัดขวางฉินเฟิง ทว่าระหว่างฉินเฟิงปลดปล่อยพลังดูดกลืนนี้ ขณะเดียวกันเขาก็ยังสามารถใช้วรยุทธโบราณได้

เมื่ออีกฝ่ายปรารถนา ฉินเฟิงก็พร้อมสนอง ดังนั้น การโจมตีอันน่าพรั่นพรึงจึงปะทุขึ้นอีกครั้ง

“มหากาพย์วิญญาณสะบั้น!”

ในพริบตา วิญญาณของเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัวปรากฏขึ้นอีกครั้ง โถมร่างอันใหญ่โตของมันเข้าใส่จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต กระแทกอสูรโลหิตออกจากเมืองลอยฟ้า กระเด็นสู่อวกาศ

เพียงแต่ว่า กระแสอัดอากาศที่เกิดจากมีดกษัตริย์คราม มันดันตกไปยังทิศทางเมือง คลื่นพลังงานกวาดเข้าสู่เมืองลอยฟ้า สิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ถูกทำลายลงทันที

กราว! กราว!! กราว!!!

เมืองลอยฟ้าส่งเสียงเลือนลั่น ช่วงเวลาถัดมาเกิดเสียงระเบิดดังปัง!

เป็นสัญญาณสุดท้ายที่บ่งบอกว่า เมืองลอยฟ้าพังทลายลงแล้ว!

ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือผู้ใช้พลังทุกคน ตกตายกันไปก่อนแล้ว ไม่เหลือใครอยู่เลย

เรียกได้ว่าทันทีที่จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตบุกมาถึง เมืองลอยฟ้าแห่งนี้ก็ถูกลิขิตให้ถึงคราเคราะห์ ไม่เพียงพังพินาศ แต่ยังไม่มีผู้ใดรอดชีวิต

แต่ในเวลานี้ จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตใจเต้นระทึก ระเบิดพลังสมาธิ ตวาดสิ่งที่คิดออกมา

“ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าเจ้าจะไล่ตามมาอีกได้!”

คราวนี้อสูรโลหิตไม่คิดหลบซ่อน มันฉีกมิติโต้งๆ กระโจนหนีไปยังตำแหน่งอื่น

ฉินเฟิงดั่งภูติผีวิญญาณไล่ตามติด

ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองลอยฟ้าอีกแห่ง

จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตไม่รอช้า เข้าล้างบางมนุษย์ทั้งเมืองอีกหน ทว่าระหว่างกระบวนการดูดซับละอองเลือดเข้าสู่ร่างกาย ก็ยังถูกฉินเฟิงแย่งชิงไปครึ่งหนึ่ง พร้อมโบกสะบัดมีดกษัตริย์ครามอีกครั้ง

และเมืองลอยฟ้าเมืองที่สามก็พบพานเหตุการณ์เช่นเดียวกับสองเมืองแรก

เวลาผ่านไปครึ่งวัน ฉินเฟิงไล่ล่า อสูรโลหิตหลบหนี ทำลายเมืองลอยฟ้าไปถึงสามเมือง ผู้ใช้พลังก่อนตายหรือคนที่สามารถหลบหนีได้ทัน ต่างกระจายข่าวออกไป ไม่นาน ข่าวการกลับมาของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต ก็ทำให้ทั่วทั้งองค์กรมืดเกิดความโกลาหล

เมื่อผู้นำระดับสูงขององค์กรมืดได้ยินข่าวนี้ ตอนแรกทุกคนตะลึงงัน เมื่อได้สติไฟแห่งความโกรธก็ลุกไหม้ในใจของพวกเขา

พันธมิตรองค์กรมืดแม้จะโหดร้าย แต่พวกเขายังต้องการกำลังคน คุณไม่สามารถเข่นฆ่าคนในปริมาณมากตามอำเภอใจได้ ดังนั้นพวกระดับสูง หรือจ้าวเหนือหัว จึงไม่ต้องการให้มีการสังหารกันมากเกินงามในองค์กรมืด

แต่ไม่มีใครคาดหวังเลย ว่าอสูรโลหิตที่พ่ายแพ้เมื่อสามสิบปีก่อน จะยังไม่ตาย แถมกลับมาก่อความวุ่นวายอีกครั้ง

กระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการหยามน้ำหน้าจ้าวเหนือหัวคนอื่นๆ!

หนึ่งในจ้าวเหนือหัวรีบมุ่งหน้าไปยังเมืองลอยฟ้าทันที ดักรอเป็นพรานเฝ้ารอกระต่ายมาติดกับ

และกระต่ายก็ติดกับจริงๆ! อสูรโลหิตได้ฉีกมิติมายังเมืองลอยฟ้าแห่งนี้

ขณะที่จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตกำลังจะปลดปล่อยพลังสมาธิของเขา ทันใดนั้นพลันรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจากพลังมหาศาล ชนิดที่ว่าหัวใจในร่างพลังงานของเขาสั่นสะท้าน ไม่ทราบว่ากำลังตื่นเต้นหรือหวาดกลัว

วินาทีต่อมา ดาบจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

ร่างเงาของคนๆหนึ่งก้าวออกมาจากเบื้องหลังทะเลดาบ มิใช่ใครอื่น เป็นจ้าวเหนือหัวไซเร็น!

จ้าวเหนือหัวไซเร็น คือเผ่ามนุษย์รัตติกาลที่ทรงพลังมาก

ผิวของเขาดำคล้ำ คู่ดวงตาเป็นสีแดงก่ำ เกิดมาพร้อมพลังแห่งความมืด สามารถหายเข้าไปในเงา และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดได้

ในขณะเดียวกัน คนของเผ่าพันธุ์นี้เกิดมาพร้อมคุณสมบัติทางกายภาพที่แข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไป ดังนั้นสามารถฝึกฝนกำลังภายในได้

จ้าวเหนือหัวไซเร็น จึงกลายเป็นนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุด!

เมื่อเขาลงมือ ไม่มีผู้ใดสามารถเล็ดลอดไปได้ เว้นแต่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นจ้าวเหนือหัวเช่นเดียวกัน

ช่วงเวลานี้ อสูรโลหิตเห็นว่าไซเร็นกำลังจะโจมตี มันไม่สนใจหรือกังวลใดๆอีกต่อไป

“ระเบิดอสูรโลหิต!”

ตามด้วยเสียงตูม! ร่างของอสูรโลหิตแตกตัว กวาดไซเร็นกระเด็นออกไปอย่างโหดเหี้ยม

เทคนิคนี้เป็นการปลดปล่อยพลังจากในร่างกายเขา หลังจากฝนเลือดกระจายไปทั่ว มันก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง กลายร่างเป็นจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตดังเดิม

จ้าวเหนือหัวไซเร็นไม่กล้าเข้าใกล้อีก แม้เทคนิคของอสูรโลหิตเมื่อครู่จะสร้างความเสียหายแก่เขาน้อยมาก  แต่การโจมตีของมันค่อนข้างน่ารำคาญ กระจายเป็นวงกว้าง ไม่เหมาะกับสไตล์ลอบสังหารอย่างเขา

“ไซเร็น ที่นี่ไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า อย่ามาสร้างปัญหา ไม่เช่นนั้นเจ้าจะกลายเป็นปลาอีกตัวที่ติดร่างแห!”

ได้ยินคำขู่ของอสูรโลหิต ใบหน้าของไซเร็นไม่แสดงออกถึงอาการใดๆ อย่างไรก็ตาม พลังสมาธิสายหนึ่งถ่ายทอดน้ำเสียงเย็นชากลับไปว่า “งั้นนายก็หยุดสังหารหมู่เสีย”

สมาชิกระดับล่างของพันธมิตรองค์กรมืด ยังมีประโยชน์ต่อจ้าวเหนือหัวไซเร็น และต่อให้พวกเขาเป็นคนขององค์กรมืด ก็ไม่สมควรถูกฆ่าด้วยวิธีแบบนี้

เห็นได้ชัดว่าอสูรโลหิตเกิดความลังเล แต่ช่วงเวลานั้นเอง ร่างเงามนุษย์สายหนึ่งผลุบตามเข้ามาอีกครั้งจากในรอยแยกมิติ

เป็นฉินเฟิง!

ทันใดนั้นดวงตาของอสูรโลหิตสว่างวาบ ชี้ไปทางฉินเฟิง กล่าวทันควัน “ไซเร็น ฆ่ามันซะ แล้วข้าจะยอมหยุด!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด