ตอนที่แล้วEp.1066 - ธารโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1068 - รังไหมโลหิต

Ep.1067 - ควบคุมเลือด


Ep.1067 - ควบคุมเลือด

ณ จุดนี้ จ้าวเหนือหัวแห่งมิติธารโลหิตยังรู้สึกได้ถึงการโจมตีอันทรงพลังแบบเดียวกับตนจากฉินเฟิง

ความแข็งแกร่งของจ้าวเหนือหัว คือการผสมผสานระหว่างร่างกายและพลังงานเข้าด้วยกัน ก่อกำเนิดเป็นพลังให้ตัวเองเป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย ในเวลาเดียวกัน ทุกการโจมตีมักเหลือร่องรอยหรือเศษเสี้ยวของพลังงานสุดท้ายทิ้งเอาไว้ แต่อำนาจทำลายล้างของจ้าวเหนือหัว ไม่มีลดทอนลง

ก็เหมือนกับในหลายๆเกมจากมิติที่สงบสุข ที่ต่อให้เลือดตัวละครจะเหลือแค่ขีดแดงเล็กๆในหลอดยาว แต่มันก็ยังสามารถสำแดงประสิทธิภาพการต่อสู้ออกมาได้ 100% อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่เหมือนกัน เขาใช้พลังงานบริสุทธิ์ที่สั่งสมมา ต่อกรกับจ้าวเหนือหัว

นี่ถือเป็นการท้าทายข้ามขั้นอย่างแท้จริง

แต่ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

ในการโจมตีครั้งเดียว เสาโลหิตถูกกลืนกินอย่างต่อเนื่อง มิติธารโลหิตดูเหมือนจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ สวรรค์และปฐพีเลือนลั่น เสียงคำรามดังสะท้อนมืดฟ้ามัวดิน เลือดเจิ่งนองไปทั้งมิติ กลบกลืนแผ่นดิน พืช และซากศพนับไม่ถ้วน

ภายใต้การท่วมทับนี้ ทุกสรรพสิ่งยกเว้นเลือด ล้วนละลายหายไปสิ้น

มิติธารโลหิตหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ส่วนกลางของแผ่นดินยกสูงขึ้น ค่อยๆก่อตัวเป็นร่างอสูรโลหิตที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางจักรวาล

อสูรโลหิต อันที่จริงแล้วก็เป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งเหมือนกับมนุษย์

“จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต!”

ฉินเฟิงตื่นตกใจ

อธิบายกันสักเล็กน้อย ว่าในพันธมิตรมนุษย์และพันธมิตรองค์กรมืด มีจ้าวเหนือหัวอยู่ทั้งสิ้น 8 คน

พันธมิตรมนุษย์ได้แก่  : จ้าวเหนือหัวอันผิง , จ้าวเหนือหัวเซินซู , จ้าวเหนือหัวไลท์ และ จ้าวเหนือหัวยักษ์วิญญาณ

ส่วนพันธมิตรองค์กรมืด : จ้าวเหนือหัวเฉียนมู่ , จ้าวเหนือหัวปีศาจเสพวิญญาณ , จ้าวเหนือหัวไซเร็น และจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต

ในบรรดาพวกเขา จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตน่ากลัวที่สุด เพราะเขาสังหารเผ่าพันธุ์มนุษย์มาแล้วนับไม่ถ้วน เล่าขานกันว่าเขาออกรวบรวมตัวตนทรงอำนาจมากมาย ไล่ล่าคนทั้งในฝั่งพันธมิตรมนุษย์และองค์กรมืด จับมาเป็นทรัพยากรฝึกฝนให้แก่ตนเอง

แต่ในท้ายที่สุด แผนการนี้ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

พันธมิตรองค์กรมืดยังต้องการมนุษย์ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเผ่าพันธุ์ที่จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตกำลังสังหารในตอนนั้น หลายเผ่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับจ้าวเหนือหัวแห่งองค์กรมืดคนอื่นๆ ดังนั้นฝั่งพันธมิตรมนุษย์และองค์กรมืดจึงจับมือกันร่วมตามล่าเขา

สามจ้าวเหนือหัวอันได้แก่ ยักษ์วิญญาณ , เฉียนมู่ และไซเร็น สามารถทำร้ายจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สุดท้ายอสูรโลหิตสามารถหลบหนีไปได้

หลังจากนั้นพันธมิตรองค์กรมืดก็ได้ออกคำสั่งให้ขับไล่จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตออกจากพันธมิตรองค์กรมืด

อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนในพันธมิตรองค์กรมืดที่ยังคงถือว่าจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตเป็นหนึ่งใน จ้าวเหนือหัวฝ่ายตนอยู่ดี และเกรงว่าจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตก็ยังคงคิดเช่นนั้น

เพราะการสังหารมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณขององค์กรมืด นอกจากนี้ยังเป็นกลวิธีที่เร็วที่สุดแล้วสำหรับการฝึกฝน หากเกิดการต่อสู้ระหว่างจ้าวเหนือหัวของสองพันธมิตร อสูรโลหิตจะมีความสุขมาก เพราะสามารถคอยสูบเลือดท่ามกลางสมรภูมิได้

แต่ฉินเฟิงคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวตนที่อันตรายเช่นนี้ จะปรากฏขึ้นในรอยแยกมิติที่เชื่อมต่อกับโลกบลูสตาร์ โชคดีที่บลูสตาร์อ่อนแอเกินไป วิธีการฝึกฝนของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตยังคงเป็นพลังที่ได้จากเลือด ฉะนั้นเลยเพิกเฉยต่อสิ่งมีชีวิตกระจ้อยร่อยของบลูสตาร์

ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตหายตัวไปหลายปีแล้ว ฉะนั้นเวลานี้เขาก็น่าจะยังคงจำศีลอยู่ ข่าวล่าสุดที่ฉินเฟิงเคยอ่านเจอหลังสามารถเข้าถึงข้อมูลระดับสูง คือเมื่อ 30 ปีก่อน

แต่ 30 ปี สำหรับคนที่เป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย เวลาแค่นี้ไม่นับเป็นสิ่งใด

ช่วงเวลานี้ จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตได้ลืมตาตื่นจากนิทราแล้ว!

เพราะอย่างไรเสีย ฉินเฟิงเล่นกัดกินพลังชีวิตของเขาในคำเดียว และพลังงานที่ถูกสูบไป เกรงว่าอาจต้องใช้เวลาเป็นปีในการฟื้นตัว หรือเท่ากับว่าความพยายามกว่า 1 ใน 3 ของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา มันถูกใช้ไปอย่างเปล่าประโยชน์

แล้วแบบนี้จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตจะไม่โกรธได้อย่างไร?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตตื่นจากนิทรา สิ่งที่เขาเห็นมิใช่จ้าวเหนือหัวคนอื่นๆ แต่เป็นผู้ใช้พลังเลเวล SSS กำลังสูบกลืนพลังจากเขา

“เจ้ามดปลวก!”

แม้แก่นอบิลิตี้ของฉินเฟิงจะทำให้อสูรโลหิตรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ลักษณะทางชีวภาพแตกต่างกัน ซึ่ง ณ จุดนี้ลิขิตมาแล้วว่าความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองย่อมไม่เท่าเทียม

ซึ่งความแข็งแกร่งของอสูรโลหิต ทรงพลังยิ่งกว่าของเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัว

อย่างไรก็ตาม อบิลิตี้มืดของฉินเฟิง ปัจจุบันได้พัฒนาจนสามารถกลืนกินพลังงานในขณะที่มีชีวิตอยู่ได้แล้ว  ฉะนั้นความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในวันนี้ มันก้าวกระโดดจากเดิม มิใช่แบบเดียวกับในตอนเผชิญหน้าเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัวอีกต่อไป

“ตัวฉันในตอนนี้ จะสามารถฆ่าจ้าวเหนือหัวได้รึเปล่านะ?”

หัวใจของฉินเฟิงเต้นระทึก ตั้งท่าเตรียมรับมือ

หากสามารถสังหารจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตได้ นั่นเท่ากับว่าเขาครอบครองพลังที่สามารถท้าทายจ้าวเหนือหัวคนอื่นๆได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวอันผิง หรือยอมยกสินสงครามมากมายที่ได้มาให้แก่จ้าวเหนือหัวอีกต่อไป เหตุการณ์เช่นเมื่อครั้งเต่ายักษ์จะไม่มีทางเกิดขึ้น

“ฆ่า!”

ฉินเฟิงระเบิดเสียงคำราม พลังงานแห่งความมืดแพร่กระจายตัว ภายในโคตรดาวเคราะห์ทมิฬ งูเหลือมหน้าคนคืบคลานออกมา และมีทั้งสิ้นถึง 9 ตัว

เงาทั้งเก้าพุ่งเข้าฉกจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตจากทุกทิศทาง

“ทั้งๆที่ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามันเป็นแค่มดปลวก แต่เจ้าก็ยังไม่เชื่อ!”

จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที เขาสะบัดมือออก ชี้ไปทางฉินเฟิง

“เทคนิคสังเวยโลหิต : เซ่นสังเวยสวรรค์!”

ชั่วพริบตานั้นเอง ฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังสมาธิอันทรงพลัง กวาดพรึบ!ปกคลุมไปทั้งจักรวาล เป็นอำนาจที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว

“โล่ปราณกำลังภายใน!”

ฉินเฟิงกางโล่ดารากำลังภายในของเขาทันทีเพื่อปกป้องตัวเอง แต่พลังสมาธิที่กวาดเข้ามานี้ มหาศาลอย่างน่าเหลือเชื่อ มันพุ่งผ่านโล่ปราณ ปะทะเข้ากับร่างของฉินเฟิงโดยตรง

เสี้ยววินาทีต่อมา เลือดจากทั่วร่างกายของฉินเฟิง เดือดปุดๆราวกับถูกต้ม

ตูม!

เลือดของฉินเฟิงคล้ายอัดแน่นไปด้วยพลังงานอันโหดร้าย เกิดการระเบิดออกมา

ในพริบตา ดวงตาของฉินเฟิงก็กลายเป็นแดงก่ำ ทั่วตัวเขาถูกแทรกซึมไปด้วยเลือด กระทั่งตำแหน่งคอ หลอดเลือดใหญ่ยังฉีกขาด

“อ๊อก!”

ฉินเฟิงกระอักเลือดออกมา ทำให้โล่ปราณกำลังภายในถูกย้อมไปด้วยสีแดง

ฉินเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส!

นับตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้รับบาดเจ็บร้ายแรงถึงขนาดนี้! บาดเจ็บชนิดที่ว่ามาถึงในจุดที่สามารถคุกคามชีวิต

ขณะเดียวกัน จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตบังเกิดความสับสน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่นึกฝัน ว่าฉินเฟิงจะยังไม่ตาย

ด้วยอำนาจของอสูรโลหิต ตราบใดที่โจมตีใส่เผ่าพันธุ์ที่ยังมีเลือดเนื้อ ย่อมไม่อาจเล็ดลอดจากเงื้อมมือเขาไปได้

มีเพียงระดับจ้าวเหนือหัวเท่านั้น ที่สามารถรับมือ

ความสามารถของฉินเฟิงร้ายกาจจริงๆ ฉินเฟิงสามารถกลืนกินเลือดของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตได้ ทว่านั่นไม่มากพอให้อสูรโลหิตหวาดกลัว เพราะในสายตาของเขา ฉินเฟิงเป็นเพียงมดปลวก

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ลักษณะทางชีวภาพของร่างกายระหว่างทั้งสอง มันไม่เหมือนกัน

ด้วยเหตุผลข้อนี้ ทำให้จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตสามารถกุมความเป็นความตายของฉินเฟิงไว้ในกำมือได้ เขาจึงเรียกฉินเฟิงว่ามดปลวก

แต่ในเวลานี้ อสูรโลหิตค้นพบว่า ร่างของฉินเฟิงกำลังฟื้นฟูด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ฉินเฟิงเอามือกุมหน้าอก เลือดที่เพิ่งแตกตัวจากในร่างกาย เกือบทำลายหัวใจเขา แต่ในขณะเดียวกัน หนึ่งในงูเหลือมหน้าคนสามารถกัดลงบนชายเสื้อของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตได้ และสูบกลืนพลังงานชีวิตจากอีกฝ่ายมา

ฉินเฟิงที่เวลานี้ไม่ต่างจากไม้ผุใกล้ตาย จึงรู้สึกราวกับได้รับฝนแรกในฤดูใบไม้ผลิ ร่างกายเริ่มถูกฟื้นฟู พลังชีวิตของเขาถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว อาการบาดเจ็บทั้งหมดได้รับการรักษา

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิง ยังค่อยๆถูกสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

ฉินเฟิงรู้ดี ว่าจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตมิใช่สิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัว  ศัตรูตรงหน้าเขาเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นหากฉินเฟิงอยากรอดไปได้ มีเพียงวิธีเดียวคือกลืนกินพลังชีวิตของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตอย่างต่อเนื่องเท่านั้น

ซึ่งเรื่องนี้ จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตก็เหมือนจะเข้าใจเช่นกัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด