ตอนที่แล้วEp.1065 - ร่องรอยบาดลึกบนดวงจันทร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1067 - ควบคุมเลือด

Ep.1066 - ธารโลหิต


Ep.1066 - ธารโลหิต

“เอาล่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก พวกเรากลับกันเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว

แม้พวกเขาจะอยู่ในเลเวล S ขึ้นไป แต่ฉินเฟิงรู้ดี ว่าเนื่องจากขาดแคลนทรัพยากร ผู้ใช้พลังเลเวล S ของบลูสตาร์จึงอ่อนแอกว่าเลเวล S ทั่วๆไปของพันธมิตรมนุษย์

หรืออีกความหมายนึงก็คือ พวกเขาค่อนข้างได้รับผลกระทบจากพลังงานจักรวาล หากรั้งอยู่นานจะไม่ดี ดังนั้นเขาเลยเอ่ยปากชักชวน

ฉินเฟิงไม่รอให้คนอื่นๆตอบ บินกลับลงไปทันที

ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนาอยู่แล้ว หลงถิงและคนอื่นๆรีบตามไปทันที ระหว่างทางจ้องมองแผ่นหลังของฉินเฟิง บังเกิดความรู้สึกว่าอีกฝ่ายล้ำลึกยากจะหยั่งถึง

ส่วนฉินเฟิงที่กำลังนำหน้า ระหว่างทางขบคิดว่าจะจัดการกับมีดกษัตริย์ครามอย่างไรดี

อานุภาพของมีดกษัตริย์ครามในวันนี้คมเกินไป แค่พลังที่เล็ดลอดออกมาตอนอัพเกรดสำเร็จก็น่าสะพรึงกลัวมากแล้ว หากถึงเวลาฉินเฟิงอัดฉีดกำลังภายในลงไปจริงๆ แล้วปลดปล่อยวิญญาณของเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัวออกมา ตวัดมีดเพียงครั้ง อำนาจทำลายของมัน น่าจะมากพอที่จะผ่ามิติระดับสูงแยกจากกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาในตอนนี้

เพราะที่เขาต้องใส่ใจจริงๆ ปัจจุบันคือการระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เผลอหั่นมิติบลูสตาร์เข้า

ฉินเฟิงสั่งการในจิตใจ กลิ่นอายของมีดกษัตริย์ครามค่อยๆสงบลง ถึงเวลานี้ค่อยสามารถสังเกตรูปลักษณ์ใหม่ของมันได้ถนัดตา ลวดลายบนมีดไม่ได้ดูโอ่อ่าอะไรมากมายนัก เอาจริงๆมันค่อนข้างดูโบราณไปหน่อย

แต่จะยังไงก็ตาม ฉินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องปล่อยมีดกษัตริย์ครามทิ้งไว้ในสภาพนี้ เขาหยิบหนังสัตว์ร้ายชั้นดีออกมา พันรอบมีดกษัตริย์คราม สะพายบนหลังเขา

จากนั้น ฉินเฟิงก็เดินทางกลับพื้นดินของบลูสตาร์ ผู้ใช้พลังเลเวล S และ SS ในมิติทั้งหมดต่างได้ยินข่าว ได้ทราบข้อมูลว่าฉินเฟิงเฉือนดวงจันทร์ในมีดเดียว

บางคนถึงขั้นตั้งใจขึ้นไปดู เพราะอยากเห็นพลังของมีดฉินเฟิง ผู้ใช้วรยุทธโบราณคนแล้วคนเล่าที่แวะไปเยี่ยมชม บังเกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนท่าวรยุทธเพิ่มขึ้นหลายส่วน

ฉินเฟิงย่อมไม่ทราบเรื่องพวกนี้ หลังจากที่เขากลับมาในดาวบลูสตาร์ เจ้าตัวก็มุ่งหน้าไปยังมิติธารโลหิตทันที

มนุษย์ในมิติแห่งนี้ได้ถอนตัวออกไปกันหมดแล้ว กระทั่งมนุษย์ที่มาจากมิติอื่นที่ฉินเฟิงให้มาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็กลับเข้าไปรวมกลุ่มกับดาวบลูสตาร์กันหมด

ฉินเฟิงกลับมาเยือนมิติธารโลหิตอีกครั้ง เหม่อมองโลกทั้งใบที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเลือด ท้องฟ้าเป็นสีแดงเข้ม ก่อนกวาดพลังสมาธิออกไป

พลังสมาธิมหาศาล ขยับขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง

มิติธารโลหิตที่ครั้งแรกเมื่อมาเยือนกว้างไกลราวกับไร้ที่สิ้นสุด แต่เวลานี้ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของฉินเฟิง ไม่มีอะไรที่สามารถปิดบังเขาได้

เขาพบว่าแท้จริงแล้ว มิติแห่งนี้แห่งนี้ไม่ได้เล็กเหมือนที่คิด ขนาดโดยรวมของมันเทียบเท่าได้เลยกับเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัว

ต้องทราบนะว่า ในชื่อเต่ายักษ์ก็บอกอยู่แล้ว คำว่ายักษ์ในที่นี้ คือตัวแทนของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ดังนั้นดาวที่ก่อตัวขึ้นจากมันจึงมหึมามาก ทว่าสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจที่สุดในมิติธารโลหิตกลับมีเลเวลสูงสุดอยู่ที่ S เท่านั้น เรื่องนี้ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ในเมื่ออุดมไปด้วยพลังงานมากมายถึงขนาดนี้ มิติธารโลหิตก็ไม่น่าจะให้กำเนิดออกมาได้แค่อสูรโลหิตเลเวล S เอาจริงๆด้วยทรัพยากรที่มี ต่อให้จ้าวเหนือหัวถือกำเนิด ก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้”

พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดสำรวจทั้งมิติ ตรวจสอบตามจุดต่างๆอย่างระมัดระวัง พื้นผิวมิติแห่งนี้เปรียบเสมือนสระเลือดขนาดใหญ่

ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ยักษ์มิติหรือสัตว์อวกาศตัวใดมาพบเห็น เมื่อบุกเข้ามา แล้วมุดลงในสระเลือดหมายดิ่งสู่แกนกลางโลก สุดท้ายก็จะถูกดูดซับพลังชีวิต จมหายอยู่ข้างใต้นั้นไปตลอดกาล

ก็เหมือนกับรอยแยกมิติที่เปิดขึ้นในมิติแห่งนี้ รอยแยกเหล่านั้นคอยคายสัตว์ร้ายออกมาตลอดเวลา ส่งพวกมันจมลงสระเลือด ถูกสูบพลังออกไปจนสิ้น

เมื่อเทียบกับภูมิประเทศมหึมาแห่งนี้ มนุษย์ที่บุกเข้ามาในตอนแรก พวกเลเวล A หรือ B บอกได้เลยว่าไม่ต่างจากเด็ก

แต่ในตอนนั้นเอง พลังสมาธิของฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

ตูม!

นี่มิใช่เสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากแต่เป็นเสียงที่ถ่ายทอดมาผ่านพลังสมาธิ มันฟังคล้ายกับเสียงหัวใจเต้น

ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกาย เพ่งสังเกตลึกลงไปในสระเลือดอย่างระมัดระวัง

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”

“โชคดีที่สมรภูมิธารโลหิตที่ฉันอยู่ตอนนี้ มีแค่คนกลุ่มน้อยที่เข้ามาได้ หากปล่อยให้ทุกคนเข้ามาแล้วพัฒนาจนกลายเป็นเมืองใหญ่ ในอนาคตมนุษย์พวกนั้นคงตายหมดอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ที่นี่ … ไม่ใช่มิติสำหรับให้มนุษย์อยู่อาศัย!”

เพราะฉินเฟิงสัมผัสได้แล้ว ว่าสถานที่แห่งนี้ แท้จริงมิใช่ดาวเคราะห์ แต่เป็นร่างของจ้าวเหนือหัว!!

อย่างไรก็ตาม ระหว่างเต่ายักษ์ลอยเตร่ไปในจักรวาล บนร่างของมัน แบกเผ่าพันธุ์ของตัวเองเอาไว้มากมาย และลูกหลานเต่าเหล่านั้น หลายตัวมีเลเวลมากถึง SSS

ทว่ามิติธารโลหิต ณ ที่นี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ดาวเคราะห์ แต่กลับกว้างขวางมาก เทียบได้เลยกับเต่ายักษ์

แต่มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ ไม่งั้นสภาพแวดล้อมที่พิเศษแปลกประหลาดเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ยังไงก็ตาม หากพูดกันถึงในแง่ของกลิ่นอายเพียงอย่างเดียว มิติธารโลหิตแห่งนี้อ่อนแอกว่าเต่ายักษ์มาก

จับสังเกตจากกลิ่นอายนี้ มันเหมือนกับว่าเป็นกลิ่นอายของคนที่กำลังได้รับบาดเจ็บ และน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้แม้ในมิติธารโลหิตจะมีทรัพยากรมากมายให้พวกอสูรโลหิต ป้อนสัตว์ร้ายจากมิติอื่นที่ไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่ทุกตนยังไงก็ไม่สามารถยกระดับสู่ขอบเขตเลเวล SS ได้

ที่แท้เป็นเพราะจ้าวเหนือหัวคนนี้ กำลังได้รับบาดเจ็บอยู่นี่เอง

หลังจากที่ฉินเฟิงได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเฉียนหลานกับเต่ายักษ์ เขาถึงเข้าใจ ว่าจ้าวเหนือหัวไม่ได้เป็นอมตะ แต่หากต่อสู้อย่างต่อเนื่องอาจทำให้เสียชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นในกรณีพลังงานในร่างกายหมดลง หรือแกนกลางร่างพลังงานอยู่ในกุมมือศัตรู ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นจ้าวเหนือหัว ก็คงตายอย่างแน่นอน

และตอนนี้ จ้าวเหนือหัวที่บาดเจ็บได้มาอยู่ตรงหน้าฉินเฟิงแล้ว เขาจะไม่ลงมือได้อย่างไร?

อีกอย่าง ฉินเฟิงในปัจจุบัน ไม่ใช่ฉินเฟิงในอดีตอีกต่อไป!

“มีดกษัตริย์ครามตอนนี้สามารถโจมตีได้ถึงแกนกลางของจ้าวเหนือหัวได้แล้ว นั่นหมายความว่าฉันน่าจะสังหารอีกฝ่ายได้ ขอใช้เจ้าหมอนี่เป็นตัวทดลองเลยแล้วกัน!”

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ ฉินเฟิงทะยานจากพื้นดินทันที การต่อสู้กับจ้าวเหนือหัว จะปล่อยให้ตัวเองเหยียบอยู่บนร่างของอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ฉินเฟิงลอยไปนอกอวกาศ  สามารถมองเห็นดาวธารโลหิตได้อย่างชัดเจน เขาพบว่ามันเหมือนกับสระเลือดขนาดใหญ่ เป็นอสูรกายที่คอยกลืนกินทุกสิ่งลงไป

แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร สำหรับฉินเฟิงมันไม่ต่างกัน

เพราะคนที่สามารถกลืนกินได้ทุกอย่างตัวจริง ก็คือเขานี่แหละ!

“จงออกมา!”

ฉินเฟิงตวาดอัญเชิญ โคตรดาวเคราะห์ทมิฬผุดขึ้นใต้เท้าเขา

โคตรดาวเคราะห์ทมิฬที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 900 เมตร ค่อยๆหมุนอย่างช้าๆ ห้วงอวกาศแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่เงียบเหงา บัดนี้ครึกครื้นไปด้วยพลังแห่งความมืดมิด แผ่กลิ่นอายแห่งความตายมากกว่าเดิม

และดูเหมือนว่าการกระทำของเขามันจะชัดเจนเกินไป  ธารโลหิตที่เดิมทีไหลเอื่อยอย่างเชื่องช้า เวลานี้เริ่มเร่งความเร็วขึ้น

พลังสมาธิของฉินเฟิง ถ่ายเทลงในโคตรดาวเคราะห์ทมิฬ

“ขอให้ฉันได้ดูเป็นขวัญตาหน่อยเถอะ ถึงพลังของจ้าวเหนือหัว!”

แน่นอน ที่ฉินเฟิงกำลังทำ เป็นเพียงการโจมตีระดับจ้าวเหนือหัวของปลอมเท่านั้น เขายังออมพลังไว้อีก 80% เพื่อระดมอักษรรูน

ทันใดนั้นเอง ฉากอันน่าสยองขวัญพลันบังเกิดขึ้น!

รูนมิติที่ถูกถ่ายเทลงในโคตรดาวเคราะห์ทมิฬ เวลานี้บนผิวดาวกลายเป็นใบหน้าคน พุ่งออกไปราวกับงูเหลือมมนุษย์

ช่วงเวลาผ่านไป ยิ่งนาน ร่างงูเหลือมยิ่งขยายใหญ่ขึ้น ใบหน้าของมันเองก็อ้าปากกว้าง กัดลงไปที่ผิวน้ำ

ตูม!

ช่วงเวลานี้ บนมิติธารโลหิต เสียงหัวใจเต้นแรงดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นธารโลหิตก็ปะทุขึ้นฟ้าอย่างรุนแรง ก่อตัวเป็นน้ำพุเลือดขนาดใหญ่ยักษ์

เสาเลือดนี้มีขนาดใหญ่พอๆกับงูเหลือมหน้าคน จากนั้นโฉบเข้าปะทะกัน

งูเหลือมหน้ามนุษย์ถูกเสาเลือดฟาดเข้าใส่จนเป๋ พลังทำลายล้างในการโจมตีนี้ทำลายอักษรรูนมืดไปมาก

อย่างไรก็ตาม งูเหลือมหน้ามนุษย์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มันอ้าปากกว้าง งับลงในคำเดียว เลือดมหาศาลไหลลงลำคอของมัน ฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ ส่งผ่านจากในปากนี้

รู้หรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้ตอนสู้กับเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัว ฉินเฟิงใช้เทคนิคจ้าวมังกรคำรน แต่ก็ไม่มีทางเลยที่จะดูดซับพลังชีวิตของอีกฝ่ายได้ ทว่าตอนนี้--

--เขาสามารถทำมันได้แล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด