ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 63 ดาวคู่ส่องแสงในเจียงโจว (ตอนที่ 1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 65 ธรรมชาติของหมาป่า

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 64 ดาวคู่ส่องแสงในเจียงโจว (ตอนที่ 2)


ตอนที่ 64 ดาวคู่ส่องแสงในเจียงโจว (ตอนที่ 2)

ชายวัยกลางคนมองไปที่ฉินหยู่อย่างเย็นชาชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

……

เวลาประมาณตีสี่

รถยนต์ไฮบริดไฟฟ้าเบนซินและไฟฟ้า 2 คันจอดอยู่ที่ประตูบัคกิ้งแฮมพาเลซ โคโค่ลงจากรถโดยสวมเสื้อกันลมทำด้วยผ้าขนสัตว์อวดหุ่นเย้ายวนและเดินไปที่ทางเข้าหลัก เธอถือโทรศัพท์ไว้ในมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน “ใช่ เหล่าไป๋โทรมาหาฉัน เขาบอกว่าเขารู้ที่อยู่ของพี่คังแล้ว ใช่ ใช่ ฉันมาถึงแล้ว และฉันจะพบคุณทันที โอเค ไว้คุยกันทีหลัง”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ ขณะที่โคโค่กำลังจะขึ้นบันได ฉินหยู่ดึงเหล่าไป๋ออกมาจากประตูด้านในแล้วเข้าโอบแขนรอบคอของโคโค่

“คนสวย เจอกันอีกแล้วเหรอ?”

“ใช่” โคโค่มองไปที่ฉินหยู่ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

“ฉันขอให้เขาโทรออก” ฉินหยู่ชี้ไปที่เหล่าไป๋แล้วพูดต่อ “อย่าตำหนิเขา ฉันข่มขู่เขาด้วยพี่คัง”

“คุณอยากทำอะไรล่ะ” โคโค่ถามอย่างใจเย็นโดยไม่ตื่นตระหนก

“ฉันไม่แน่ใจว่าเราจะคุยกันในที่ของคุณหรือเปล่า ขอเปลี่ยนไปแสดงความรู้สึกต่อกันที่สถานที่อื่นได้ไหม?”

ฉินหยู่ถามด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

โคโค่คิดอยู่นาน “ถ้าฉันไม่ไปกับคุณล่ะ?”

“งั้นพี่คังก็ไม่กลับมา” ฉินหยู่พูดหน้าตาเฉย

“ถ้าพี่คังไป เพื่อนของคุณก็ไปด้วย?” โคโค่ตอบอย่างเด็ดเดี่ยวตามเคย

“ฉันยังมีเบี้ยอยู่” ฉินหยู่โอบแขนรอบคอของโคโค่ กระซิบข้างหูเธอเบาๆ “ฉันมีชายหนุ่มจากตระกูลหลี่ในเจียงโจวในมือ”

โคโค่ถึงกับอึ้ง

“ฉันจับเขาในนามของคุณ” ฉินหยู่ยิ้ม “คุณอยากพบเขาไหม?”

“มันยากที่ฉันจะเชื่อสิ่งที่คุณพูดขึ้นมาลอยๆ”

เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ฉินหยู่ยกแขนขึ้นโบกมือไปที่รถที่จอดห่างออกไป

ฉีหลินลดหน้าต่างในรถลงและจับหัวของหลี่ถงโผล่ออกมา

“เชื่อหรือยังล่ะ?” ฉินหยู่ถาม

โคโค่เหลือบมองไปทางรถ และเมื่อสายตาของเธอเห็นหลี่ถง ความประหลาดใจบนใบหน้าของเธอก็ปรากฏวาบขึ้นมา “เอาล่ะ เขาคุ้มค่าที่ฉันจะไปกับนาย”

“ไปกันเลย”

“เอามือออกไปซะ อย่าเอาเปรียบฉัน” โคโค่พูดพร้อมชี้ไปที่แขนของฉินหยู่ที่กอดคอเธออยู่

“ไม่ได้เอาเปรียบ ฉันต้องให้คุณปกป้องฉัน” ฉินหยู่ยกมืออีกข้างขึ้นมาพร้อมกับปืนจี้ที่เอวโคโค่

โคโค่ทนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับไปมองคนรอบข้างแล้วสั่งว่า “นำชายคนที่ฉันจับออกมา แล้วรอรับสายของฉัน”

“เจ้านาย คุณคุยกับเขาไม่ได้...!” คนขับรถพยายามเกลี้ยกล่อม

โคโค่โบกมืออย่างใจเย็น “ไม่เป็นไร แม้ว่าเราจะตกลงกันไม่ได้ แต่ตาแก่สองคนนี้เก่งแค่เอาชนะสาวน้อยเท่านั้นแหละ”

ฉินหยู่เม้มริมฝีปาก “คุณนะหรือสาวน้อย ฉันคิดว่าคุณตาบอดมากกว่า”

“ไปกันเถอะ!” โคโค่ยิ้ม

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ในดินแดนรกร้างแห่งหนึ่งในเจียงโจว รถแล่นเข้ามาจอด โคโค่ตามฉินหยู่ออกจากรถและพูดติดตลกด้วยรอยยิ้ม

“นายฉลาดมาก นายรู้วิธีเรียกฉันออกมาก่อนโดยใช้เหล่าไป๋”

“เราไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ที่นี่ในเจียงโจวเลย” ฉินหยู่ลูบฝ่ามือพลางบ่น “ฉันถูกโยนความผิดให้ทันทีที่มาถึงที่นี่ เลยต้องระวัง”

โคโค่ไม่ตอบหลังจากได้ยินเช่นนั้น

ฉินหยู่หันกลับมามองไปรอบๆ เดินไปที่ท้ายรถ เปิดฝาท้ายรถขึ้น

กลิ่นเลือดอันรุนแรงอบอวลไปในอากาศ โคโค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ฉินหยู่เอื้อมมือลงไปเปิดปากถุงดำ ก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมพูด “เราพยายามอย่างดีที่สุด แต่เขาจากไปก่อนแล้ว”

โคโค่เหลือบมองร่างกายของพี่คัง และแววตาของเธอสลดลงเล็กน้อย

“นี่ ที่ฉันไม่ได้โทรหาคุณโดยตรงเพื่อขอพบเพราะฉันกลัวว่าคุณจะคิดมากเกินไป” หลังจากที่ฉินหยู่สังเกตเห็นสีหน้าของโคโค่ เขาก็อธิบายต่อทันที “การตายของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรา”

“เล่ามา ฉันจะฟัง” โคโค่ไม่กลัวร่างของพี่คัง เธอเดินไปที่ด้านข้างของท้ายรถและเอื้อมมือไปเอาถุงคลุมหัวของเขา

ฉินหยู่เรียบเรียงพูดของเขาในหัว ก่อนอธิบายสาเหตุและผลกระทบให้โคโค่ฟังอย่างละเอียดที่ข้างรถนั่นเอง

หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมด โคโค่ก็ดูประหลาดใจ “พี่คังถูกหลี่ถงจับตัวไปเหรอ?”

“ใช่ ไม่อย่างนั้นฉันจะพาเขากลับมาทำไม” ฉินหยู่พยักหน้าและพูดต่อ “ฉันช่วยพี่คังไว้ไม่ได้ แต่หลี่ถงก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรา”

โคโค่มองย้อนกลับไปที่หลี่ถงอย่างเงียบๆ ที่ถูกปิดปากอยู่ในรถ เธอเดินไปวนไปมาสองสามรอบแล้วพูดว่า

“ฉันจะปล่อยเพื่อนของคุณไปทันที จะได้จบเรื่องนี้เสียที”

“เป็นไปไม่ได้” ฉินหยู่ส่ายหัว “ฉันมาที่นี่เพื่อรับช่วงธุรกิจตลาดยาต่อจากอาหลง”

“เดิมทีฉันไม่เห็นด้วยกับพี่คังที่ทำธุรกิจในซงเจียงต่อไป” โคโค่ปฏิเสธอย่างใจเย็น “พื้นที่ของคุณวุ่นวายเกินไป และคนจำนวนมากบนพื้นที่มีสิทธิ์พูดกันไปต่างๆ นานา หลังจากที่อาหลงหายตัวไป ตระกูลหยวนก็กำลังสืบสวนเรื่องช่องทางจัดซื้ออยู่ ฉันไม่อยากเสี่ยงในตอนนี้ อีกอย่างเมื่อพี่คังจากไปก็ไม่มีใครด้านล่างที่สามารถดูแลตลาดซงเจียงได้”

ฉินหยู่เอียงหัวมองไปที่โคโค่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถ้าเรายังสรุปเรื่องตลาดยานี้ไม่ได้ เราสามคนจะไม่สามารถกลับไปที่ซงเจียงได้”

“นั่นมันปัญหาของคุณ” โคโคพูดสั้นๆ “ส่งหลี่ถงมาให้ฉันแล้วฉันจะปล่อยเพื่อนของคุณไป เรื่องนี้จบแล้ว”

“เฮ้อ!”

ฉินหยู่ถอนหายใจ ชี้ไปที่โคโค่พร้อมพูดว่า “คุณยังไม่เข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร”

“อะไร?”

“หากคุณละทิ้งธุรกิจซงเจียง หลี่ถงจะไม่ไปกับคุณวันนี้”

“แล้วนายไม่ต้องการเพื่อนอีกแล้วใช่ไหม?” โคโค่ถามพร้อมกับเยาะเย้ย

“ฉันบอกว่าถ้าเรื่องธุรกิจยาไม่เสร็จสมบูรณ์ เราสามคนจะไม่สามารถกลับไปที่ซงเจียงได้” ฉินหยู่ชี้ไปที่โคโค่ด้วยใบหน้าที่เย็นชาแล้วพูดว่า “วันนี้คุณจะฆ่าลาทิ้ง* ฉันจะพาหลี่ถงไปให้พ้นจากคุณทันที เขาเพิ่งจะคุยกับฉันในรถก่อนหน้า เขาสามารถทำธุรกิจกับฉันที่คุณไม่ต้องการทำก็ได้”

โคโค่ถึงกับอึ้ง

“ทำไมพี่คังถึงตาย คุณคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?” ฉินหยู่จ้องไปที่โคโคแล้วกัดฟันพูดต่อ “ตระกูลหลี่ก็อยากลองตลาดยาเหมือนกัน มีความขัดแย้งระหว่างคุณใช่ไหม?”

โคโค่เงียบไป

“ถ้าคุณไม่ทำตลาดซงเจียง คุณจะถูกตระกูลหลี่แย่งมันไป” ฉินหยู่กล่าวเสริมอีกครั้ง “ตอนนี้ฉันต้องการให้คุณพูดอะไรสักอย่าง จะปล่อยยาให้เราหรือไม่ ถ้าไม่ ฉันจะพาหลี่ถงไปทันที”

“คุณไม่สนใจความเป็นความตายของเพื่อนของคุณเลยเหรอ?”

“ตายคนเดียวยังดีกว่าตายสามคนใช่ไหม?” ฉินหยู่ตอบอย่างเฉยเมย

โคโค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นาน จากนั้นมองไปที่ฉินหยู่แล้วถามว่า “คุณไม่กลัวหรือว่า ถ้าฉันจะมาแทนที่หลี่ถง แล้วจะเสียใจทีหลัง”

“คุณคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเชียว? ถ้าคุณไม่ส่งสินค้าของคุณไปที่ซงเจียง คุณคิดว่าฉันจะส่งหลี่ถงให้คุณไหม?”

โคโคเอามือเล็กๆ ไพล่หลังและเคาะปลายเท้ากับพื้น “นายมีสมองมากกว่าอาหลง”

“ฉันแค่ช่วยไม่ได้มากกว่าเขา” ฉินหยู่ตอบอย่างช่วยไม่ได้

“เอาล่ะ คุณทำให้ฉันเชื่อ” โคโค่เหยียดนิ้วหยกเรียวยาวของเธอออก ชี้ไปที่หน้าอกของฉินหยู่แล้วพูดว่า

“แต่ฉันตกลงด้วยไม่ใช่เพราะฉันกลัวว่าตระกูลหลี่จะขโมยตลาดของเรา”

ฉินหยู่เงียบไป

“ฉันให้ความสำคัญกับคุณสองคน ดังนั้นฉันจะเอาตัวหลี่ถงมา” โคโค่พูดด้วยรอยยิ้ม

“ความร่วมมือก็ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นคุณจะไม่ผิดหวังกับบุคคลนั้นแน่นอน” ถึงตอนนั้นฉินหยู่จึงรู้ว่า โคโค่อาจคิดที่จะทำตลาดยาสายนี้ต่อก่อนที่เขาจะมาเสียอีก เพียงแต่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรอบคอบและมีความรู้เชิงลึกมาก เธอต้องการทดสอบว่า เธอมีความสามารถในการอ่านคนและทำงานได้ดีหรือไม่

หลังจากที่ทั้งสองมองหน้ากัน จู่ๆ โคโค่ก็ยิ้ม “สิ่งที่คุณพูดไปบางอย่างนั้นดูเจ็บปวดนิดหน่อย”

“อะไรนะ?” ฉินหยู่อึ้ง

“นี่” โคโค่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ฉินหยู่

ฉินหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอื้อมมือออกไปหยิบโทรศัพท์ดู และพบว่าหน้าจอโทรศัพท์แสดงว่ากำลังโทรออกอยู่

“โทรศัพท์เปิดอยู่ คุยกันเถอะ” โคโค่เตือน

ฉินหยู่ขมวดคิ้วและรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”

“ฮัลโหลแม่งแกนะสิ ไอ้กึ๋นใหญ่เอ๊ย! ฉินหยู่ผู้ยิ่งใหญ่ แม่งฉันดูแกผิดไป...แกเรียกฉันว่าพี่ชายตลอดมา แต่ลับหลังแกกลับขายฉันอย่างง่ายดาย...ให้ตายคนเดียวดีกว่าตายสามคน ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมแกไม่มาตายเองล่ะ!” แมวแก่ถ่มน้ำลายสาปแช่ง “บนเส้นทางสู่สังคม นายควรเอาใจผู้คนไม่ใช่เอาใจหมา ในที่สุดฉันก็เข้าใจสุภาษิตนี้แล้ว”

ฉินหยู่เหงื่อแตกพลั่ก เอามือป้องโทรศัพท์พร้อมเดินห่างออกไปข้างๆ พร้อมกระซิบกับโทรศัพท์ “แกซื่อบื้อหรือไงวะ? นั่นมันคือการต่อรองโว้ย ฉันไม่ต้องทำให้เธอเกรงกลัวหรือไง? แกมันไม่รู้อะไรเลย...!”

“ฉันใจสลายแล้ว ฉันไม่ง่ายที่จะเกลี้ยกล่อม...ไปให้พ้นแล้วไม่ต้องมาคุยกับฉัน” แมวแก่วางสายโทรศัพท์ด้วยความโศกเศร้าและขุ่นเคือง

“ปัญญาอ่อน!” ฉินหยู่กลอกตาและสบถอย่างเหนื่อยใจ

ที่ข้างรถ โคโค่ยื่นมือออกไปเปิดประตูและมองเข้าไปข้างใน “เฮ้ คุณหลี่ ตื่นแล้วเหรอ?”

หลี่ถงเงยหน้าขึ้นมองโคโค่ด้วยดวงตาที่หวาดกลัวมาก

……………………………………………………………

*ฆ่าลาทิ้ง =  กำจัดคนทำงานนั้นเมื่อเขาทำงานให้สำเร็จแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด