ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 58 ตัวเชื่อมต่อที่ถูกลักพาตัว (พร้อมอัปเดต 1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 60 รอจนรุ่งสาง (อัปเดตเพิ่มเติม 3)

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 59 ฟ้าประทานใส่บ่าแบกรับความผิดของคนอื่น (อัปเดตเพิ่มเติม 2)


ตอนที่ 59 ฟ้าประทานใส่บ่าแบกรับความผิดของคนอื่น (อัปเดตเพิ่มเติม 2)

บนถนน

หลังจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พี่เซียวซึ่งมีผมหางม้าก็มองย้อนกลับไปที่ตรอก และชูสองนิ้วเป็นสัญญาณให้ลูกน้อง

มีชายหนุ่มสองคนลากพี่คังขึ้นรถ อีกสองคนดึงปืนออกจากใต้แจ็กเก็ตแล้วขึ้นลำกระสุนปืนเสียงโลหะกระทบกันดังกริ๊ก

ชายในแจ็กเก็ตหนังสีดำมองพี่เซียวอย่างไม่สบายใจพร้อมพูดว่า “หวังว่ามันจะไม่เห็นฉันก่อน ไม่งั้นลำบากแน่”

“ถ้ามีใครอยู่ที่นั่น ฆ่ามันเลย” พี่เซียวตอบพร้อมโบกมือไปทางชายสองคนที่ถือปืน

หลังจากได้รับคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองก็แยกตัวออกไปทันที และเดินเข้าไปที่ตรอกพร้อมปืนกลสั้นอยู่ในมือ

พี่เซียวเดินตามหลังไปอย่างสบายๆ

ในตรอกอันเงียบสงบมีเสียงฝีเท้าดังแว่วมา ชายหนุ่มสองคนถือปืนเดินไปประมาณสิบเมตร พวกเขาหันไปมองทางซ้ายก็เห็นประตูไม้เปิดอยู่ด้านหลังอาคาร มีแสงส่องออกมาจากด้านใน

พี่เซียวเลียริมฝีปากแล้วก้าวไปข้างหน้า เขาโบกมือให้ลูกน้องทั้งสองของเขาไม่ขยับ จากนั้นเขาก็เข้าไปด้านข้างประตูแล้วดึงที่จับประตูทันที

ประตูเปิดออกและมีกลิ่นควันน้ำมันทำอาหารโชยออกมา พี่เซียวมองนิ่งๆ และพบว่าภายในประตูเป็นครัวด้านหลังของร้านอาหารเล็กๆ ที่พ่อครัวชาวตะวันตกกำลังทอดอาหารบางอย่างอยู่

พ่อครัวหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงพร้อมกับรอยยิ้มบนแก้มอ้วนๆ “ทางเข้าหลักของร้านอาหารอยู่ข้างหน้าครับ”

พี่เซียวเหลือบมองพ่อครัวและพยักหน้าหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ผิดบ้าน”

พ่อครัวหันกลับไปทอดอาหารต่อไป

พี่เซียวเหลือบมองกวาดเข้าไปในบ้าน เมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็ปิดประตูแล้วจากไปพร้อมกับลูกน้องสองคน

หลังจากพวกคนร้ายเพิ่งจากไปไม่กี่นาที

ประตูห้องเก็บของในห้องครัวเปิดออก ฉีหลินเล็งปืนไปที่เชฟอีกคนแล้วขู่ด้วยสายตาดุร้าย “ทำอาหารให้อร่อย อย่าปล่อยให้ตัวเองตายเพราะปาก”

“ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจ” พ่อครัวที่เตาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เราออกไปทางหน้าร้านกัน” ฉินหยู่บอกฉีหลินเบาๆ ขณะที่เขาลดปืนลง

……

ที่ถนน

พี่เซียวขึ้นรถ หันไปหาชายหนุ่มที่สวมแจ็กเก็ตสีดำแล้วพูดว่า “นั่นเป็นประตูครัวหลังของร้านอาหาร น่าจะมีคนจากร้านออกมาโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ ไม่มีอะไรหรอก”

“โอ้ ดีเลยครับลูกพี่” ชายหนุ่มในชุดแจ็กเก็ตสีดำถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ถ้านายจำเป็นต้องทำอะไร โทรหาฉัน” หลังจากที่พี่เซียวพูดแบบนี้เขาก็ปิดประตูรถแล้วสั่ง “ไปกันได้”

คนขับเข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่ง รถแล่นออกไปอย่างเร็ว

หลังจากที่ชายหนุ่มสวมแจ็กเก็ตสีดำเห็นรถหายไปบนถนน เขาก็หยิบเงินที่พี่เซียวเพิ่งให้มาจากกระเป๋าออกมาอย่างตื่นเต้น ขณะที่เขาเดิน เขาก็เอานิ้วโป้งแตะน้ำลายในปากแล้วนับเงินอย่างดีใจ

……

ทางเข้าด้านหน้าร้านอาหาร

ฉินหยู่เดินก้มหัวลงอย่างรวดเร็วพลางพูดกับฉีหลิน “คนเหล่านั้นมีสายปะปนอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดนี้”

“คนที่สวมแจ็กเก็ตสีดำ” ฉีหลินหันไปอย่างรวดเร็ว “คนในคลับเหรอ?”

“คงต้องเป็นอย่างนั้น เขารับเงินไปแล้ว” ฉินหยู่พยักหน้า

“นายคิดว่างั้น?”

“ฉันจะโทรกลับไปหาแมวแก่ ให้เขาขับรถมานี่ก่อน” ฉินหยู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดทันที

ไม่กี่วินาทีต่อมาเมื่อต่อสายติด ฉินหยู่ก็เริ่มก่นด่าทันที “ไอ้เสือ! แกเป็นเสือเหรอไงวะ? แกก็รู้ว่าเรากำลังทำงานอยู่ แต่ยังโทรมาสุ่มสี่สุ่มห้า เกือบจะฆ่าพวกเราแล้วรู้ไหม ไอ้เวร!”

“ทำไมคุณถึงโกรธนักล่ะ ตอนนี้เพื่อนคุณไม่สะดวกรับสายนะ” เสียงของโคโค่ดังขึ้น

ฉินหยู่ตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียง “คุณเป็นใคร?”

“ฉันเป็นเจ้านายของพี่คัง” โคโค่พูดสั้นๆ “เราเพิ่งเจอกันในห้องส่วนตัวไง”

ฉินหยู่มีความทรงจำที่ดีมาก หลังจากได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เขานึกเพียงช่วงสั้นๆ ก็นึกออก “คุณคือคนที่กลับมาหยิบกระเป๋าถือนั่นหรือเปล่า?”

“ใช่”

“...คุณเป็นใครกันแน่ ต้องการอะไร?” ฉินหยู่สับสน

“อาหลงจากไปแล้ว เรากำลังจะละทิ้งตลาดซงเจียง แต่พี่คังใจดีมากจนยืนกรานที่จะช่วยเหลือคุณ แต่คุณทำบางอย่างที่ผิดกฎ” โคโค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คืนคนของฉันมา แล้วขาของเพื่อนคุณจะอยู่ครบทั้งสองข้าง แค่นี้เรื่องก็จบแล้ว”

หลังจากที่ฉินหยู่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาก็โต้กลับอย่างแรง

“คุณกำลังโยนความผิดให้พวกเราทั้งที่ไม่ใช่ของเรานะ!”

“คุณรู้ว่ามันเป็นความผิดของคุณหรือเปล่า” โคโค่ยืนกรานอย่างเด็ดเดี่ยว

“เลิกเหลวไหลได้แล้ว! พี่คังไม่ได้อยู่ในมือของเรา เขาถูกคนอื่นลักพาตัวไป” ฉินหยู่อธิบายด้วยดวงตาแข็งกร้าว

“เมื่อกี้เราต้องการเจอเขาจะแย่…”

“พี่คังนัดคุณคืนนี้ นอกจากฉัน มีเพียงคุณเท่านั้นที่รู้เวลาและสถานที่นัดหมาย” โคโค่ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ทันทีที่คุณหยิบปืนแล้วขึ้นไปชั้นบน แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา คุณบอกฉันว่าไม่ใช่คุณทำ ใครจะเชื่อ”

ฉินหยู่ไม่สามารถโต้เถียงได้หลังจากได้ยินเช่นนั้น และเขารู้สึกเป็นทุกข์มากจนแทบจะระเบิด

“ฉันไม่สนใจว่าคุณมาจากตระกูลหยวนหรือจากบริษัทยา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่คัง ฉันรับประกันว่าคุณจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนคุณจะถูกฝังอยู่ที่ไหนพรุ่งนี้”

“ไม่ใช่พวกเราที่ทำระยำแบบนั้น!” ฉินหยู่เกือบคำรามเป็นคำตอบ “เรามาที่นี่เพื่อเข้าถึงช่องทางขายส่ง”

โคโค่แตะนิ้วทั้งห้าของมือซ้ายเบาๆ บนขาของเธอ มือขวามีโทรศัพท์ในมือ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า

“คุณและฉันไม่มีพื้นฐานแห่งความไว้วางใจ มันยากที่ฉันจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูด ถ้าคุณอยากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ ก็มาหาฉันแล้วมาคุยกันแบบเห็นหน้ากัน”

“คุณคิดว่าฉันโง่หรือ? ถ้าคุณไม่เชื่อฉันตอนนี้ คุณจะเชื่อฉันไหมถ้าฉันไปหาคุณ” ฉินหยู่ขมวดคิ้วแล้วตอบว่า

“ถ้าเราสองคนตกอยู่ในมือของคุณด้วย หัวของเราจะยังคงเป็นของเราหรือเปล่า?”

“ถ้าคุณไม่คืนคนของฉันมาและไม่กล้าพบฉัน คุณคิดว่าฉันเป็นแค่สาวบาร์จริงๆ ใช่ไหม?” โคโค่ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเลิกพูดถึงมันละ พรุ่งนี้ฉันจะบอกคุณว่าจะเผากระดาษให้เพื่อนของคุณที่ไหน”

“เดี๋ยวก่อน!” ฉินหยู่พูดพร้อมกับเหงื่อย้อยเต็มหน้าผาก “ให้เวลาฉันบ้าง แล้วฉันจะพิสูจน์ให้ดู ว่าเราไม่ได้ทำเรื่องนี้”

โคโค่ตกตะลึงนิ่งไป หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบอยู่พักหนึ่งเธอก็เหลือบมองนาฬิกา “ถ้าคุณไม่โทรมาก่อนรุ่งสางเราก็ไม่จำเป็นต้องติดต่อคุณ”

หลังสิ้นเสียง ฉินหยู่ก็ได้ยินสัญญาณไม่ว่าง โทรศัพท์ถูกวางสายไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีหลินถามอย่างร้อนรนหลังจากเห็นฉินหยู่ลดโทรศัพท์ลงจากหูของเขา

“ให้ตายห่าในนรกสิวะ” ฉินหยู่สาปแช่งและตอบด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ผู้หญิงที่นั่งกับแมวแก่คืนนี้คือเจ้านายของพี่คัง เธอสงสัยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่คังเป็นความผิดของเรา เธอจึงจับตัวแมวแก่ไว้”

“ฮึ…ไอ้สัตว์เอ๊ย!”

เมื่อฉีหลินได้ยินดังนั้น เขาก็เตะถังขยะข้างถนนกระจายกระเด็นไป “มันเหี้ยอะไรกันวะ ทำไมมันเป็นอย่างงี้ตลอด แม่งไม่มีอะไรราบรื่นเลย!”

……

บนถนน

โคโค่นั่งไขว่ห้างอยู่ในรถ มือขวาลูบคางตนเองไปมา โดยไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“เจ้านาย ใครก็ตามที่สามารถเข้ามาในดินแดนของเราเพื่อจับพี่คัง จะต้องเป็นอันธพาลที่โหดเหี้ยมจริงๆ” คนขับรถควบคุมพวงมาลัยพลางพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ในเมื่อพวกเขาทำสำเร็จแล้ว ก็มีโอกาสมากที่พวกเขาจะไม่สนใจเพื่อนเขาอีกต่อไป ดังนั้นพี่คังจึงตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่แท้”

“ยังมีอย่างอื่นในเรื่องนี้อีก” โคโค่ขมวดคิ้วพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย แล้วตอบว่า “โปรดไปสอบถามดูว่าพี่คังได้ทำให้คนอื่นขุ่นเคืองเมื่อเร็วๆ นี้หรือเปล่า”

“เจ้านายหมายถึง...?” คนขับสับสนเล็กน้อย

“ถามให้น้อย ทำให้มากขึ้น” โคโค่มองคนขับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“...เข้าใจแล้ว ฉันจะโทรไปทันที” คนขับรถพยักหน้าซ้ำๆ

…………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด