ตอนที่แล้วบทนำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2

ตอนที่ 1


จีเจ๋อหยูอยู่ในความฝันที่แสนยาวนาน มันมืดมิดราวกับจมอยู่ใต้น้ำและหายใจไม่ออก

เมื่อเขาตื่นขึ้นมา จีเจ๋อหยูก็ได้ลองขยับแขนขาอย่างช้าๆ และพบว่ามันไม่ได้มีอะไรร้ายแรง ดังนั้นเขาถึงได้โล่งใจ….อย่างน้อยก็มีชีวิตอยู่และไม่ได้พิการ

ศีรษะของเขารู้สึกวิงเวียนและภาพระทึกขวัญที่เกิดจากอุบัติเหตุรถชนยังฝังแน่นในใจเขา

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้

ในตอนนั้น จีเจ๋อหยูกำลังนั่งอยู่ในรถที่ถูกจัดให้โดยบริษัท กำลังจะมุ่งหน้าไปที่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของรายการ “Music Idol” กับผู้จัดการของเขา เสี่ยวหนาน

ระหว่างทางนั้นเสี่ยวหนานดูตื้นเต้นมาก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่จีเจ๋อหยูได้มีโอกาสเข้ามาถึงรอบชิง หลังจากเข้าร่วมรายการเฟ้นหาไอดอลมามากมายหลายรายการ ในอดีตนั้นเขามักจะหยุดอยู่ที่นอกสิบอันดับแรกเสมอ

“ฉันพูดได้แค่ว่าการทำงานหนักต้องได้สิ่งตอบแทนแน่นอน” เสี่ยวหนานยิ้มอย่างจริงใจ และพูดกับจีเจ๋อหยูต่อว่า “คุณแข็งแกร่งมาก คุณจะต้องไม่กลืนหายในวงการอย่างแน่นอน”

จีเจ๋อหยูยิ้มรับแล้วเอ่ยขอบคุณ แต่ในใจของเขานั้นชัดเจนมากว่าถึงแม้เขาจะแข็งแกร่ง แต่เข้าก็ไม่อาจเข้าสู่สามอันดับแรกได้ ผู้เข้าแข่งขันอีกสามคนอายุน้อยและหล่อกว่าเขา ทั้งมีจำนวนแฟนคลับมากกว่าเขาอีกด้วย แม้ว่าเขาจะได้เข้าสู่รอบชิงแต่มันไม่ได้ดีต่อเขานักหรอก มันเห็นการเปรียบเทียบจนเกินไป

เป็นเรื่องน่าขันที่จะบอกว่าเขานั้นอยู่ในวงการบันเทิงมาเจ็ดหรือแปดปีแล้ว และก็ได้เข้าร่วมรายการเซอไวเวอร์ทุกปี จนเข้าถูกตั้งฉายาว่า “เด็กฝึกตลอดกาล”*  ตอนนี้เขานั้นอายุ 28 ปี แล้ว แต่กลับมีจำนวนแฟนคลับน้อยนิด คำวิจารย์ที่แพร่หลายต่อตัวเขาคือ “นายเป็นคนเก่งนะ แต่ไม่โดดเด่นพอ”

นอกจากนี้เขายังเชื่อในคำพูดที่ว่า “การทำงานหนักย่อมได้รับผลตอบแทน” แต่ถ้าไม่มีภูมิหลังและรูปลักษณ์ที่ดี ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็ยากที่จะมีแสงสาดมาถึง นี่แหละวงการบันเทิงที่แสนโหดร้าย

เสี่ยวหนานเงียบเมื่อมองไปที่เขา และคาดเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเงียบๆ เธอชอบอ่านนิยายเรื่องราวเกี่ยวกับวงการบันเทิง ซึ่งเป็นBLเกี่ยวกับ Boy Group

นี่เป็นงานอดิเรกที่จีเจ๋อหยูไม่เข้าใจ… เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่วงการบันเทิงอยู่แล้ว แล้วทำไมต้องไปอ่านนิยายแบบนั้นด้วยล่ะ?

“เวรเอ้ย ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจมาก!” เสี่ยวหนานอุทานอย่างโมโห “แค่เขาเริ่มมีบทก็ได้กลิ่นไม่ดีแล้ว แล้วพวกขี้สปอยนิสัยเสียยังบอกอีกว่าเขาจะน่ารังเกียจมากกว่านี้อีก....”

จีเจ๋อหยูชำเลืองมองไปที่ผู้จัดการของตนก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างสงบ “มักจะมีตัวละครแบบนี้เสมอนั่นแหละ”

“เดี๋ยวก่อนนะ....” เสี่ยวหนานที่ถือโทรศัพท์อยู่ดีๆตาของเธอก็ค่อยๆเบิกกว้าง “บัดซบ ตัวละครนี่ได้ชื่อนี้มาได้ยังไงฮะ!”

ขณะที่เธอพูดเธอก็ยื่นโทรศัพท์มาที่หน้าของจีซือหยู “ดูนี่สิ!”

เขาหันไปมองไปอย่างไม่ค่อยสนใจนักแล้วพูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “จีเจ๋อหยู...มีชื่อเดียวกับฉันเหรอ?”

“ใช่ไหมล่ะ!” เสี่ยวหนานขมวดคิ้วจนหน้ายู่ไปขณะหนึ่ง “พี่จี ถึงฉันจะรักนิยายเรื่องนี้มาก แต่ถ้าตัวละครนี้มีชื่อเดียวกันกับพี่ ฉันจะเลิกอ่านมัน…”

ก่อนที่จะได้พูดจบประโยค เสียงเบรคอย่างรุนแรงและเสียงกระจกหน้ารถแตกก็ดังขึ้นพร้อมกัน

เสี่ยวหนานกรีดร้อง โทรศัพท์ในมือก็เช่นกัน มันลอยไปตามแรงกระแทกและพุ่งไปมาจนกระทบเข้ากับหน้าผากของจีเจ๋อหยู

จีเจ๋อหยูรู้สึกเจ็บอย่างรุนแรงและเป็นลมไปโดยไม่รู้ว่ารถชนกับอะไร

กลับมาที่ปัจจุบัน

จีเจ๋อหยูผละออกจากการระลึกความทรงจำและพูดกับตัวเองว่าเขานั้นแย่มาก แม้ว่าจะถูกกำหนดให้เป็นแค่ตัวประกอบบนเวทีในรอบชิงชนะเลิศ แต่มันก็เป็นโอกาสที่มีค่าสำหรับเขามากนัก และเขาต้องรีบไปแข่งในตอนนี้

เป็นผลให้ตอนนี้เขาพยายามคิดที่จะลุกขึ้น แต่ก็ต้องตกตะลึงกับอะไรบางอย่าง

จากนั้นเขาก็รู้ว่าเขากำลังนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำที่อุณภูมิกำลังดี รวมถึงกลิ่นหอมของเจลอาบน้ำที่โอบรอบตัวเขาไว้

จีเจ๋อหยูมองไปรอบๆและสรุปได้ว่านี่ไม่ใช่บ้านของเขาและไม่น่าใช่โรงพยาบาล หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เสี่ยวหนานพาเขามาโรงแรม? แต่เสี่ยวหนานเป็นเพียงเด็กผู้หญิง เธอไม่สามารถพาเขาเข้าห้องน้ำได้หรอก…

เขาลุกออกจากอ่างอาบน้ำด้วยความสงสัย แล้วเอาผ้าขนหนูเช็ดตัวให้แห้งและพันมันรอบเอวไว้พร้อมที่จะออกจากห้องน้ำเพื่อคลายความใคร่รู้

เมื่อเขาผ่านอ่างล้างหน้าแล้วเหลือบมองกระจก เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปปาดไอน้ำออกเพื่อต้องการจะดูว่าใบหน้าของเขาเสียโฉมจากอุบัติเหตุหรือไม่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้หน้าตาดีอยู่ก่อน แต่ใช่ว่าจะอยากให้มันแย่ลง

หลังจากเช็ดม่านหมอกออกไป จีเจ๋อหยูก็ดึงมือของเขาออกและเงยหน้าขึ้นมองในกระจก ซึ่งปรากฎภาพเด็กแปลกหน้าเงยหน้าขึ้นมาพร้อมเขา

เด็กหนุ่มมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวเท่านั้น เขารูปร่างดีมาก และมีลายกล้ามเนื้อดูดีสะอาดตา ผมของเขานั้นเปียกลู่แนบไปกับแก้มบอบบาง ผิวของเขาก็ขาวสว่างรับกับดวงตาสีอำพันและสันจมูกโด่ง

ดวงตาคู่นั้นราวกับมีระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ แต่เมื่อมองตรงๆด้วยท่าทีสงบนิ่ง มันก็กลับเย้ายวนอย่างไม่น่าเชื่อ

จีเจ๋อหยูเบิกตากว้างด้วยความตกใจและก้าวถอยหลังไปสองก้าว คนในกระจกก็มีลักษณะท่าทางเช่นเดียวกัน แม้แต่ใบหน้าที่หวาดกลัวก็ยังมีท่าทางที่ดูสูงส่ง

จีเจ๋อหยูอ้าปากกว้างและหุบ ถ้อยคำสองสามคำออกจากลำคออย่างยากลำบาก: " เวร...ใครวะเนี่ย?!"

คนในกระจกก็พูดเหมือนกับเขาเช่นกัน

มันบอกเขาได้ว่าคนในกระจกนั่นคือตัวเขาเอง

ในเวลาเดียวกัน เศษเสี้ยวความทรงจำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ไหลเข้าสู่สมองของจีซือหยูราวกับน้ำทะเลขึ้นสูง มือของเขาต้องค้ำยันกับอ่างล้างจานเพื่อยืนหยัดให้ได้

ใช้เวลาประมาณสิบนาที เขาก็ค่อยๆสงบลงจากความตกใจ แต่หัวใจของเขายังคงเต้นแรงแทบทะลุ

ข้อมูลที่ติดอยู่ในใจบอกว่าเขาได้เข้ามาในนิยายเรื่อง "เส้นทางดาราของเขา" และเขาก็กลายเป็นตัวประกอบที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกันในนั้น

ถ้าจีเจ๋อหยูจำไม่ผิด นิยายเรื่องนี้คือเรื่องที่เสี่ยวหนานอ่านก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ

และจีเจ๋อหยูนั้นเป็นตัวละครที่ทำให้เสี่ยวหนานสั่นระริกด้วยความเกลียดชัง

ในหนังสือเล่มนี้ จีเจ๋อหยูคิดว่าเขาเป็นตัวละครใช้แล้วทิ้งทั่วไป เขามีรูปร่างหน้าตาและภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี แต่เขาไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่ ในการแข่งขัน "Star Way Shines" เขาได้ตกหลุมรักกับตัวเอกของเรื่องอย่าง ลู่หนานหยุน และพยายามที่จะมีอะไรกับเขา อีกทั้งยังไม่สนใจที่จะไปซ้อมขึ้นเวทีในวันนั้น

ทั้งหมดนี้ถูกเปิดเผยในคืนเดบิวต์ และจีเจ๋อหยูก็ได้ถูกถอดออกจากรายการ เสียโอกาสที่จะเดบิวต์ และมันกลายเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มตัวเอก ในตอนท้ายแฟนคลับที่ไม่พอใจเขามากจึงได้สาดน้ำกรดไปที่หน้าของจีซือหยู ไม่เพียงแค่เสียโฉม แต่ยังกลายเป็นบ้าอีกด้วย

" ทำไมถึงมีตัวละครที่โง่ได้ขนาดนี้กัน... " จีเจ๋อหยูยอมรับความจริงที่ว่าเขาเข้ามาอยู่ในนิยาย แต่ไม่สามารถยอมรับตัวละครที่สมองตายได้ " ตอนนี้ฉันมีชื่อเดียวกับตัวเอง แปลว่าผู้เขียนเป็นแฟนคลับของฉัน ใช่ไหมนะ?”

จีเจ๋อหยูไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เสี่ยวหนานมักจะเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับพล็อตเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงเดาได้ว่าในกรณีนี้เขาจะสามารถออกจากโลกนี้ได้ ตราบเท่าที่เขาดำเนินเรื่องนี้ต่อจนจบ

ดังนั้นจีเจ๋อหยูจึงหายใจเข้าลึกๆและปลอบตัวเองว่า " ยังไงก็เถอะ ฉันเป็นนักแสดงมืออาชีพ แค่เล่นละครจนจบเรื่องมันจะไปยากอะไร"

เขาตัดสินใจเดินตามเนื้อเรื่องอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็กลับไปโลกแห่งความเป็นจริงเพื่อเข้าร่วมในรอบชิงชนะเลิศให้ได้

ในขณะนั้นเองก็มีเสียงผู้ชายมาจากนอกประตู:

“นายจะอาบน้ำอีกนานไหม?”

เสียงนั้นเรียบเฉยและเย็นชา ฟังดูหมดความอดทนเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความดูดีและความเซ็กซี่ของน้ำเสียงได้

หัวใจของจีเจ๋อหยูตกตะลึง - แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตอนนี้เขาเข้ามาอยู่ในตัวละครแล้ว และก็รู้ว่าโครงเรื่องกำลังจะดำเนินไปทางไหน แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในส่วนไหนของเนื้อเรื่องน่ะสิ นับประสาอะไรที่จะรู้ว่าใครอยู่ในห้อง?

“ทำไม อยากอยู่ในห้องฉันมากขนาดนั้นเลย?”

เสียงจากประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการดูถูกและการเสียดสี

จีเจ๋อหยูตกตะลึงและมีเสียง " วิ๊ง" ขึ้นในหัวของเขา ซึ่งสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้

หากเขาคิดถูก " จีเจ๋อหยู" น่าจะอยู่ในโรงแรมตอนนี้ แล้วกำลังเตรียมพร้อมสำหรับอะไรก็ตามที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ และเจ้าของเสียงที่อยู่นอกประตูก็เป็นตัวเอกอย่างลู่หนานหยุน

จีเจ๋อหยูพยายามอย่างหนักที่จะนึกถึงเนื้อเรื่อง ไล่เรียงไทม์ไลน์และสรุปว่า

จากสถานการณ์ปัจจุบัน รายการ "Star Way Shines" ของจีนน่าจะออกอากาศในตอนแรกแล้ว จีเจ๋อหยูในหนังสือต้นฉบับอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถแยกตัวออกจากลู่หนานหยุน

แพลตฟอร์มวิดีโอได้ร่วมมือกับรายการเพื่อหาคอนเทนต์เรียกกระแสของรายการ และเชิญผู้เข้าแข่งขันจากคลาส A และ B ให้เข้ามาพักในโรงแรมเมื่อคืนก่อน จีเจ๋อหยุนต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลู่หนานหยุน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจเหตุผลที่เขามาอยู่ในห้องอาบน้ำในห้องของตัวเอกได้แล้ว

หลังจากอาบน้ำเสร็จ จีเจ๋อหยูก็ได้พูดกับลู่หนานหยุนว่า "ตราบใดที่นายนอนกับฉัน ฉันรับประกันว่านายจะได้เดบิวต์ในตำแหน่งเซ็นเตอร์" ฉากนี้ทั้งหมดถูกบันทึกโดยกล้องของลู่หนานหยุนที่ซ่อนอยู่ข้างเตียง และมันกลายเป็นฉากที่ทำให้เขาชนะได้ในเวลาต่อมาเพื่อเป็นหลักฐาน

แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองคนในท้ายที่สุด และลู่หนานหยุนก็ไล่เขาออกไปหลังจากได้รับหลักฐานแล้ว

ตอนนี้สิ่งที่จีเจ๋อหยูต้องทำคือทำให้โครงเรื่องของ "ข้อตกลง" สมบูรณ์

จีเจ๋อหยูมองตัวเองในกระจกและสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเป็นเด็กฝึกมาหลายปีแล้ว บริษัทได้ฝึกฝนเขาในด้านการแสดง และเขาก็ทำได้ดีมาตลอด แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะต้องมาใช้มันในเวลานี้

เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำขนาดใหญ่แล้วเปิดประตูห้องน้ำออกไป มองผ่านม่านหมอกที่พร่ามัว และสังเกตุคนในห้อง

ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบง่ายและกางเกงสแล็กสีดำ แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ แต่มันก็สามารถเห็นได้ถึงรูปร่างที่เหนือกว่าของเขา ด้วยไหล่กว้าง เอวแคบ และขายาวตรง

ลู่หนานหยุนหล่อมาก เขาดูมีรสนิยมเหมาะกับวงการบันเทิง เขามีดวงตาลุ่มลึก จมูกโด่งเรียวและริมฝีปากที่บางเฉียบ แนวสันกรามนั้นสวยงามและคมราวกับมีด

สมแล้วที่เป็นตัวเอก นี่คือความคิดแรกของจีเจ๋อหยูหลังจากได้เห็นเขา

เมื่อเห็นจีเจ๋อหยูออกมาจากห้องน้ำแล้ว ลู่หนานหยุดก็ผุดลุกขึ้นยืนและเดินมาข้างหน้าของเขาอย่างช้าๆ ส่วนสูงของเขาราวๆ 188 ซม. ขณะที่จีเจ๋อหยูสูง181 ซม. เขามองลงไปที่ใบหน้าของจีเจ๋อหยูซึ่งปกปิดความรังเกียจและดูถูกของตัวเองไว้ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ล้ำลึกว่า “นายมาทำอะไรในห้องของฉันกันแน่ พูดออกมาตรงๆเถอะ”

จีเจ๋อหยูนึกถึงฉากที่ไม่จำเป็นต้องพูดที่เขาเคยเห็นจนกระอักกระอ่วน และจู่ๆก็เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้หูของลู่หนานหยุนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแสนคลุมเครือว่า "ตราบเท่าที่นายนอนกับฉันหนึ่งคืน ฉันรับประกันว่าตำแหน่งเซ็นเตอร์ในรายการจะเป็นของนาย”

ลมหายใจอุ่น ๆ พ่นไปที่ติ่งหูของลู่หนานหยุน ทำให้เขาสะดุ้งและตื่นตระหนกผ่านดวงตาของเขา—

เมื่อไหร่กันที่ผู้ชายคนนี้กล้าได้กล้าเสียขนาดนี้?

หลังจากนั้นไม่นานลู่หนานหยุนก็เยาะเย้ย แสดงถึงท่าทางไม่ชอบคนตรงหน้าและพูดช้าๆ ว่า "ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะตกลง"

“นายเป็นลูกชายนอกสมรสของตระกูลลู่นี่” จีเจ๋อหยูยังคงกระซิบที่หูของเขา “คนในตระกูลลู่คงไม่ยินยอมให้นายเติบโตในวงการบันเทิงแน่นอน นายจำเป็นต้องเปิดตัวในฐานะเซ็นเตอร์เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่บริษัทเล็กๆที่นายเซ็นสัญญาด้วยคงไม่สามารถรับประกันอันดับของนายได้ มีแค่ฉันเท่านั้นที่ช่วยนายได้นะ”

เสียงของเด็กหนุ่มดูเรียบลื่น เขาค่อยๆเสนอข้อต่อรอง เสียงของเขาเงียบไปเล็กน้อยและคำพูดของเขาก็ดูมีมนต์ขลังจนทำให้ลู่หนานหยุนเสียสติ

หลังจากตั้งสติได้ ดวงตาของลู่หนานหยุนก็เปล่งประกายด้วยลมหายใจที่เป็นอันตราย แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า " วันนี้นายไม่กล้า... "

จีเจ๋อหยูไม่ได้สังเกตสิ่งที่เขาพูด เพราะจู่ๆเขาก็จำตำแหน่งของกล้องในเรื่องฉบับได้ และพบว่าทั้งสองอยู่ไกลจากกล้องพอสมควร และสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้มันก็เบาเกินไป และอาจะเป็นไปได้ว่ามันจะไม่ได้บันทึกไว้

“โทษทีนะ” จีซือหยูขัดจังหวะเขาทันที “เรามาพูดประโยคนั้นใหม่กันเถอะ ”

ลู่หนานหยุนขมวดคิ้วและพูดว่า “อะไรนะ?”

“เมื่อกี้แค่ซ้อมน่ะ” จีเจ๋อหยูเดินไปที่กล้องที่ซ่อนอยู่และกระดิกนิ้วของเขาเรียกลู่นานหยุน “มานี่สิ มาพูดกันใหม่”

“แค่ซ้อม?” ลู่หนานหยุนขมวดคิ้วเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชายคนนี้มีลูกเล่นอะไรอีก แต่เขาก็ต้องทิ้งหลักฐานไว้ แล้วตรงที่ที่จีเจ๋อหยูยืนอยู่นั้นมันก็เอื้อต่อการถ่ายให้ชัดจริงๆ ดังนั้นลู่หนานหยุนจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

จีเจ๋อหยูเหยียดมือออกไปเพื่อปลดกระดุมของคนตรงหน้า

มือของเด็กหนุ่มนั้นสวยงาม นิ้วเรียวสวยขึ้นข้อขาวโดดเด่น

จีเจ๋อหยูกำลังจะพูดซ้ำอีกครั้ง แต่ทันทีที่กระดุมเม็ดหนึ่งถูกปลดออก โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโซฟาก็พลันดังขึ้นสองสามครั้ง

ลู่หนานหยุนต่อต้านความรังเกียจในใจของเขา และมองคนตรงหน้าอย่างว่างเปล่า " ไปอ่านข้อความเถอะ " อย่างไรก็ตาม ตามนิสัยตัวละครของจีซือหยู เขาจะทำต่อไปอย่างแน่นอน

เสียงแจ้งเตือน SMS ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าจะมีคนส่งข้อความถึงเขามากกว่าหนึ่งคน

“งั้นเดี๋ยวมานะ จะไปปิดเสียงก่อน” จีซือหยูแค่อยากจะจบฉากนี้อย่างรวดเร็ว " จะได้ทำให้เสร็จเร็วๆ"

เมื่อลู่หนานหยุนได้ยินคำว่า " เร็วๆ" เขามีภาพลวงตาว่าเขาถูกมองว่าเป็นเป็ด แถมยังมีราคาถูกมากอีกด้วย แล้วความรู้สึกไม่พอใจก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา

จีเจ๋อหยูเดินไปที่โซฟาแล้วดึงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงของเขาที่ถอดทิ้งไว้ เขากำลังจะกดปิดเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ แต่จู่ๆสายตาของเขากลับถูกดึงดูดด้วยเนื้อหาของข้อความ

[พี่ใหญ่: " เสี่ยวเจ๋อ พี่ได้เห็นข่าวที่นายโดนโจมตีในอินเทอร์เน็ตแล้วนะ พี่จัดการให้คนของเราแก้ข่าวแล้ว ไม่ต้องกังวลอะไร ตั้งใจแข่งล่ะ ถ้าหากว่านายสามารถเดบิวต์ได้ พี่จะหาบทให้นายได้แสดงในภาพยนตร์ปีใหม่เรื่อง Lord " 】

จีเจ๋อหยูค่อยๆเบิกตากว้าง

[พี่ชายคนที่สอง: "เสี่ยวหยู นายไม่ต้องสนใจโลกข้างนอกนะ พี่ชายเพิ่งจะซื้อเกาะรีสอร์ทส่วนตัวไปสองสามเกาะ ถ้าหากนายได้เดบิวต์ในรายการ พี่จะมอบเกาะให้นายเป็นของขวัญ นายสามารถเลือกเกาะที่อยากได้ได้เลย พี่จะให้เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของพี่ให้ด้วยนะถ้านายอยากได้"]

จีเจ๋อหยูค่อยๆอ้าปากค้าง

[พี่สาว: หยูเป่า น้องไม่ต้องเสียใจนะ เราต่างจากพวกมือใหม่นั่น เราคุณสมบัติครับถ้วน อะไรคือร้องเพลงไม่ได้เต้นไม่เก่งกัน? พี่มีนิตยสารชั้นนำสามเล่มรออยู่ หากว่าน้องเดบิวต์ได้ น้องจะได้ขึ้นปกทันที"]

จีเจ๋อหยูจ้องไปที่โทรศัพท์และตกอยู่ในความเงียบเนิ่นนาน…

เขารู้เพียงว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นคนมีพื้นฐานทางครอบครัวที่ร่ำรวย

แต่เขาไม่รู้ว่าภูมิหลังทางครอบครัวของเขาเยี่ยมยอดขนาดนี้!

บุคคลเช่นนี้เหมือนตัวละครใช้แล้วทิ้ง และเหมือนเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรทางสังคม

หลังจากนั้นไม่นาน ลู่หนานหยุนที่รออย่างกระวนกระวายก็ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”

จีเจ๋อหยูถือโทรศัพท์และกระชับนิ้วของเขาแน่น ริมฝีปากของเขาก็เม้มทันที เขามองไปที่ลู่หนานหยุนแล้วพูดขึ้น

“ขอโทษนะ ฉันเสียใจจริงๆ”

แทนที่จะกลับไปโลกเดิมและขึ้นเป็นที่ 4 ของรายการออดิชั่น จู่ๆเขาก็อยากจะสัมผัสชีวิตที่เปิดกว้างและเติมเต็มความฝันซูเปอร์สตาร์แปดปีที่เขาฝังมันอยู่ในใจ

ลู่หนานหยุนพูดด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะ?”

จีเจ๋อหยูหยิบเสื้อผ้าของเขาและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนกับเสื้อคลุมอาบน้ำ จากนั้นเขาก็เดินไปหาลู่หนานหยุนอีกครั้งแล้วมองเขาอย่างจริงจัง เขาพูดช้าๆ ว่า " หนานหยุน นายเป็นคนที่ดีนะ แต่ว่า... " เขาพูดแล้วหลับตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดเปลือกตาขึ้นพร้อมด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย

ลู่หนานหยุนมองเขาอย่างเย็นชา “นายต้องการจะพูดอะไรกัน” น้ำเสียงของเขาเย็นชา บ่งบอกว่าความอดทนของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว

“ฉันขอโทษ เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้แล้วล่ะ” เสียงของจีเจ๋อหยูดูอัดอั้นและทำอะไรไม่ถูก “แม่ของฉันเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าครอบครัวของเราแตกต่างกันมาก และนายไม่คู่ควรกับฉันเลย”

ลู่หนานหยุนตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกยังไง จีเจ๋อหยูคิดคำพูดที่ไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน?

“นามสกุลของฉันคือจี นายจำไม่ได้เหรอ!” ลู่หนานตะลึงงัน "ฉันไม่คู่ควรกับนายเรอะ! นายพึ่งบอกว่าอยากนอนกับฉันไม่ใช่หรือยังไง!" เขาไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์ที่เย็นชาตามปกติของเขาได้อีกแล้ว

จีเจ๋อหยูมองดูเขาอย่างเสน่หาและปลอบประโลม " อย่าเศร้าไปเลย แม้ว่าแม่ของฉันจะบอกให้ฉันอยู่ห่างๆนาย แต่เรายังคงเป็นเพื่อนกันได้ในอนาคตนะ " นี่มันแปลกเกินไปแล้ว

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็เพิกเฉยต่อใบหน้าของลู่หนานหยุนที่ดำเหมือนก้นหม้อแล้วหันหลังกลับไป

จีเจ๋อหยูเข้าใจดีว่าถ้าหากต้องการมีชีวิตที่อิสระแล้วล่ะก็ เขาต้องกำจัดชะตากรรมของตัวร้ายเสียก่อน

ขั้นตอนแรกในการทำมันให้สำเร็จคือการอยู่ให้ห่างจากตัวเอกในเนื้อเรื่องเดิม ดีที่สุดคือไม่ต้องพูดคุยกันอีกเลย!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด