ตอนที่แล้วEp.1048 - กลับไปบาฮามุทอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1050 - มือจากในที่มืด

Ep.1049 สมบัติของทุกคน


Ep.1049 สมบัติของทุกคน

ไม่ใช่แค่มนุษย์กินคน แต่กระทั่งตัวตนทรงอำนาจเลเวล SSS จากเผ่าพันธุ์อื่นก็หยุดฝีเท้าลงเช่นกัน ทั้งหมดหันมามองฉินเฟิง

ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงกลายเป็นจุดสนใจ ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน

“หืม~ ร่างนี้ดูไม่เลวเลย ถ้าจับมาเก็บไว้เป็นร่างสำรองคงดี!”  ปีศาจเสพวิญญาณฉีกยิ้มเย็นชา ในสายตาของเหล่าตัวตนทรงอำนาจเลเวล SSS ฉินเฟิงไม่ถือเป็นตัวอะไร ที่วิ่งตามพวกเขามาติดๆเช่นนี้ คงเพราะอยากเป็นหนูตัวน้อยที่คิดขโมยน้ำมัน

และหนูตัวน้อยเช่นนี้ หากต้องการกำจัด ย่อมสามารถกระทำได้อย่างง่ายดาย ส่วนใครใจร้อนก็ลงมือก่อนได้เลย

ปีศาจเสพวิญญาณอ้าปากกว้าง ทันใดนั้นภูติผีที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวลอยออกมา นี่คือการดำรงอยู่ที่ก่อตัวขึ้นจากพลังสมาธิ เมื่อพ้นจากปากก็กระโจนเข้าใส่ฉินเฟิงทันที

ความแข็งแกร่งของปีศาจเสพวิญญาณตัวนี้ อยู่ที่เลเวล SSS1 เท่านั้น ทว่าพวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยากจะรับมือ ดังนั้นไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว

หากโคตรดาวเคราะห์ของฉินเฟิงมีขนาดใหญ่เหมือนในตอนแรก เขาจะไม่กลัวปีศาจเสพวิญญาณตัวนี้เลย แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่ แก่นอบิลิตี้ของเขาเวลานี้หดลงเหลือแค่ 5 เมตรเท่านั้น ในขณะที่แก่นอบิลิตี้ของผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล SSS จะอยู่ที่ 10 เมตร กรณีนี้ถือว่าฉินเฟิงเสียเปรียบมากเกินไป

หากดับเครื่องชนกันด้วยอบิลิตี้เพียงอย่างเดียว นั่นไม่ฉลาดเลย ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงมีอีกหลายวิธีในการรับมือมัน

เพียงชั่วพริบตา ปรากฏฝักมีดขึ้นในมือเขา ด้ามจับถูกกุมแน่น มีดถูกชักออกจากฝัก พลังงานมหาศาลฟุ้งกระจายออกมา

มีดกษัตริย์ครามโบกสะบัดออกไป!

“สะบั้น!”

กำลังภายในถูกอัดฉีด เสียงภูติผีวิญญารร้องโหยหวน คุณสมบัติหลายอย่างของมีดกษัตริย์ครามถูกกระตุ้น

ซี่!

คมมีดกรีดตัดอากาศ ใบหน้าภูติผีที่คิดกลืนกินฉินเฟิง สลายไปทันที

สีหน้าของปีศาจเสพวิญญาณเลเวล SSS กลายเป็นซีดขาว กลวิธีของฉินเฟิงเฉียบขาดเกินไป เขาทำลายพลังสมาธิที่ปีศาจเสพวิญญาณปลดปล่อยออกมา

หากมนุษย์กินคนที่โจมตีตนแรกสูญเสียพลังเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นปีศาจเสพวิญญาณเลเวล SSS ตัวนี้ร้ายแรงยิ่งกว่า มันถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ!

ฉากนี้เหนือความคาดหมายของมนุษย์ และกึ่งมนุษย์ทุกตนในที่เกิดเหตุ เสียงสนทนาที่เคยเยาะเย้ยในตอนแรก เวลานี้เงียบสงัดไม่มีใครกล้าเปล่งคำใด

ตอนแรกพวกเขาทั้งหมดมองมาที่ฉินเฟิง เพราะอยากจะเห็นว่าปีศาจเสพวิญญาณจะสังหารเขาด้วยวิธีการน่าสนุกอันใด

แต่ผลลัพธ์กลับเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า ปีศาจเสพวิญญาณไม่สามารถโจมตีเข้าถึงตัวเป้าหมายได้

ตัวตนทรงอำนาจเลเวล SSS อีกคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เอ่ยเสียงเย็นชาออกมา

“ดูเหมือนแกจะมีฝีมืออยู่บ้าง งั้นพวกเรามาลองทดสอบฝีมือกันหน่อยเป็นไร? แกใช้มีด ฉันใช้ดาบ ถ้าแกยังรอดมาได้ อยากจะตาม ก็เชิญได้เลยตามสบาย!!”ตัวตนทรงอำนาจคนนี้ เป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉินเฟิงไม่รู้จัก

ทว่าเมื่อคนๆนี้เอ่ยปากออกมา กลุ่มผู้ใช้พลังเลเวล S และSS หลายคนที่อยู่ด้านหลัง ทั้งหมดต่างร้องอุทาน

“นั่นท่านผู้ใหญ่จากเผ่าใจศิลา เขาออกหน้าบ้างแล้ว!”

“ไม่ต้องสงสัยเลย คราวนี้เจ้าหมอนั่นตายแน่”

“แต่ฉันไม่คิดงั้นนะ เพราะมีกฏอยู่ว่า หากสามารถรับการโจมตีจากระดับสูงได้ถึงสามคนแล้วไม่ตาย จะมีสิทธิ์ได้ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มแรก”

“กฏ? ผายลมเถอะ ไม่มีท่านผู้ใหญ่คนไหนยอมให้มันร่วมเดินทางไปด้วยแน่”

แต่แล้วบทสนทนาถกเถียงเหล่านั้นก็เงียบลง เพราะเผ่าใจศิลาเริ่มลงมือแล้ว

พละกำลังของบุคคลคนนี้แข็งแกร่งมาก แต่สิ่งที่แกร่งยิ่งกว่า มันคือดาบในมือเขา

นี่คือดาบที่ผ่านการขัดเกลามานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เริ่มสร้าง มันหนาและหนักอย่างน่าเหลือเชื่อ แถมร่องรอยที่ติดอยู่บนดาบ มีเล็กน้อยมากจนแทบมองไม่เห็น ราวกับว่ามันแทบไม่เคยได้รับความเสียหายเลย

ชาวเผ่าใจศิลาเกิดมาพร้อมกับหัวใจหินสมชื่อ พวกเขามีสัมผัสที่ไวต่อแร่ธาตุ  สามารถดูดซับแร่ได้นับไม่ถ้วน สูบพวกมันมาหลอมในหัวใจ กลั่นแร่ที่หามาได้ จากนั้นนำไปใส่ลงในอาวุธของตัวเอง

ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่าแม้ตัวชาวเผ่าศิลาจะไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก แต่ดาบของพวกเขา --แข็งแกร่งสุดๆ!

ฉินเฟิงไม่ทราบถึงจุดแข็งของเผ่าพันธุ์นี้ แต่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของดาบจากฝ่ายตรงข้าม น่ากลัวว่านั่นคงเป็นสุดยอดอาวุธเทวะเลเวล SS  มีระดับเดียวกับมีดกษัตริย์คราม

ยิ่งอีกฝ่ายประกาศชัดเจนว่าจะใช้ดาบโจมตีเข้ามา ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเขามีความมั่นใจในอาวุธของตัวเองเป็นอย่างมาก

แต่ฉินเฟิงก็เชื่อมั่นใจมีดกษัตริย์ครามของเขาเช่นกัน มีอยู่หลายครั้งเขาสามารถใช้มันเอาชนะศัตรูได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นคราวนี้ก็ย่อมเหมือนกันมิใช่หรือ?

คิดได้แบบนี้ ฉินเฟิงจึงไม่ลังเล ยกมีดกษัตริย์ครามขึ้นทันใด วินาทีต่อมา กำลังภายในถูกอัดฉีดลงไปในมีดกษัตริย์ครามอย่างต่อเนื่อง

ความแข็งแกร่งของเผ่าใจศิลาคนนี้ อยู่ในเลเวล SSS3 หมายความว่าดารากำลังภายในของเขามีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 30 เมตร แต่เวลาใช้โจมตี เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะปลดปล่อยมันทั้งหมดออกมาในคราวเดียว มากสุดคงอยู่ที่ 1% ไม่อย่างนั้นคงไม่เหลือกำลังภายในไว้ใช้ในภายหน้า

ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงเลือกเปิดใช้งานกำลังภายในถึงหนึ่งในสิบของดวงดารา อัดฉีดลงไป

วู้มมมมม!

มีดกษัตริย์ครามสาดแสงไสว คุณสมบัตินับไม่ถ้วนของมันปะทุออกมา ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหนักหมื่นจิน ,​ สั่นไหวพันครั้ง , ปลดปล่อยเพลิงทมิฬ , ตัดมิติ …

เสี้ยวพริบตาเดียว หนึ่งมีดหนึ่งดาบปะทะกัน ชายจากเผ่าใจศิลารู้สึกได้เพียงพลังมหาศาลถูกเข้ามาในมือเขา จากนั้นพลังงานในดาบหนักพลันสลายไปอย่างรวดเร็ว

“อ๊าาาา!” มือของชาวเผ่าใจศิลาสั่นสะท้าน แทบกุมดาบหนักไว้ไม่อยู่ ถูกแรงปะทะครูดถอยหลังไปอย่างแรง กว่าหลายร้อยเมตรถึงค่อยสามารถสลายพลังนี้ได้

ช่วงเวลานี้ ใบหน้าของชาวเผ่าใจศิลาเปลี่ยนเป็นดำทะมึน

ทว่าโชคดีที่นี่คือเขา หากเป็นคนอื่นมาโดนแบบนี้ เกรงว่าคงเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว  ชาวเผ่าใจศิลาซื่อสัตย์สมชื่อ พวกเขาพูดแล้วครั้งหนึ่งจะไม่คืนคำ หากตอนนี้จู่ๆมาผิดสัญญา  นั่นไม่เท่ากับถุยน้ำลายใส่หน้าตนเองหรือ?

“ฮึ่ม!” เผ่าใจศิลาแค่นลมหายใจเย็นชา คิดว่าต่อให้อีกฝ่ายสามารถตามมาพร้อมกับเขาได้แล้วยังไง? สุดท้ายมันก็ไม่ใช่เลเวล SSS อยู่ดี ฉะนั้นไม่มีทางบุกเข้าถึงใจกลางของมิติ และแก่งแย่งทรัพยากรกับพวกเขาได้แน่

เพียงแต่ว่าการที่ถูกเลเวล SS ทำให้เสียหน้าเช่นนี้ จะให้ยืนบื้ออยู่ที่นี่ต่อไปก็กระไรอยู่ ชาวเผ่าใจศิลาหันศีรษะและมุ่งหน้าต่อไป ไม่สนใจฉินเฟิงอีก

ผู้ใช้พลังเลเวล SSS คนอื่นๆเมื่อเห็นแบบนี้ สายตาของพวกเขาก็มองฉินเฟิงอย่างลึกล้ำ คล้ายต้องการจดจำชายผู้นี้ไว้ในใจ หลังจากนั้นก็ไม่สนใจฉินเฟิงอีก เริ่มหันมาปีนป่ายไปข้างหน้า

ฉินเฟิงเมื่อพบว่าไม่มีใครมารบกวนอีกแล้ว ก็เริ่มปีนต่อ ความไวของเขาไม่ด้อยไปกว่าเลเวล SSS กลุ่มนั้นเลย เมื่อพบปากทางเข้าขนาดใหญ่ เขาก็ก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว

หุบเขาไขกระดูกมังกรดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนิดหน่อย ภายใต้การสำรวจโดยพลังการรับรู้ของฉินเฟิง สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเล็กกว่าเมื่อครั้งที่เขาเข้ามา แต่อันตรายเพิ่มสูงขึ้น

แต่เขาไม่จำเป็นต้องสนใจมันในตอนนี้ เจ้าตัวเปิดใช้งานโล่แห่งความมืด กลบซ่อนตัวตน ก้าวเดินเข้าไปข้างใน ทิ้งห่างจากเลเวล SSS คนอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนั้นสร้างปัญหา

แต่จุดหมายของคนเล่านั้น ปลายทางคือที่เดียวกันกับฉินเฟิง  ทำให้ครึ่งวันต่อมา ฉินเฟิงก็พบพวกเขาอีกครั้ง

ในขณะนี้ เริ่มได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นกระทบผนัง บ่งบอกว่ากระแสธารทมิฬมาเยือนแล้ว

บนร่างของฉินเฟิงปกคลุมไปด้วยพลังจากศิลาแห่งความมืด แม้คนอื่นๆจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสังเกตเห็นความมืดมิดนี้

ในตอนนั้นเอง หนึ่งในกลุ่มเริ่มเคลื่อนไหว เผ่าศพรัตติกาลเหยียดแขนออกไป เรียกโลงศพสีดำออกมา

เลเวล SSS เผ่าศพรัติกาลก้าวขึ้นไปในโลง จากนั้น โล่แสงสีดำหมึกทรงครึ่งวงกลมปรากฏขึ้นในโลงศพสีดำ ห่อหุ้มตัวโลงเอาไว้

จากนั้น โลงศพก็ตกลงบนธารทมิฬ ลอยไปตามกระแส

อันที่จริงนี่เป็นสมบัติเฉกเช่นเดียวกับเรือหยกและเรือน้ำแข็ง แต่ลำเล็กมาก สามารถนั่งได้แค่คนเดียวเท่านั้น

เมื่อถึงจุดนี้ คนอื่นๆก็เริ่มเรียกสมบัติของตนออกมาบ้าง เรือหลากหลายประเภทถูกปล่อยลงในธารทมิฬ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด