ตอนที่แล้ว177 - ปฏิบัติการครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป179 - ปล้น

178 - ส่องสว่างทั่วทั้งเมือง


178 - ส่องสว่างทั่วทั้งเมือง

เอี้ยนลี่เฉียงใช้กุญแจที่เขาได้รับมาจากห้องเพื่อเปิดประตูเล็กๆ ด้านข้างของโกดัง มันเป็นประตูที่ผู้ตรวจสอบสินค้าใช้เป็นทางเข้าโดยเฉพาะ

แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นคลังสินค้าในโกดัง แต่การได้เห็นมันอีกครั้งก็ยังทำให้เอี้ยนลี่เฉียงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

ภายในโกดังนี้มีหนังและขนสัตว์ราคาแพงทุกประเภทวางซ้อนกันเป็นภูเขาสูง มีหนังหมี หนังเสือ และหนังเสือดาว ทั้งหมดกองรวมกันเป็นภูเขาขนาดใหญ่

ตรงกลางกองมีหนังสัตว์และขนสัตว์หายากอยู่สองสามตัว ในบรรดาสัตว์ร้ายที่หายากที่สุดไม่มีสิ่งใดล้ำค่ามากกว่าหนังของละมั่งเมฆ

หนังของละมั่งเมฆทั้งนุ่มและเบา มันสามารถขับไล่ความหนาวเย็นจากหิมะได้ เสื้อคลุมที่ทำด้วยขนละมั่งเมฆบางพอที่จะลอดผ่านวงแหวนได้ ว่ากันว่าหนังผืนหนึ่งของมันมีมูลค่าเทียบเท่าเหรียญทอง 100 เหรียญ และภายในโกดังแห่งนี้มีมากกว่า 100 ผืน

นอกจากหนังและขนสัตว์แล้ว ยังมียาทุกประเภทรวมไปถึงสมุนไพรหายากอีกมากมาย

ในขั้นต้นชาวชาตูเพียงร่วมมือประกอบธุรกิจกับชาวฮั่น แต่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชาวชาตูก็ทำตัวโอหังมากขึ้นเรื่อยๆ

ในเมืองผิงซี พวกเขาห้ามมิให้ผู้อื่นประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันกับที่พวกเขาทำอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการค้าไม้และธุรกิจเครื่องหนังและขนสัตว์

ก่อนหน้านี้ในเมืองผิงซีนอกจากชาวชาตูแล้ว ยังมีร้านค้าและพ่อค้าในท้องถิ่นอีกหลายรายที่ประกอบธุรกิจไม้ หนัง และขนสัตว์

แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาถูกบังคับให้หยุดโดยชาวชาตูเพราะคนพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นทำลายร้านค้าของพวกเขา

เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นไม่สามารถดำเนินคดีกับชาวชาตูที่น่ารังเกียจได้เนื่องจากคำสั่งของเจ้าเมือง ดังนั้นคนพวกนี้ได้ใจและยึดครองแม้กระทั่งธุรกิจค้าไม้

สำหรับธุรกิจยา ชาวชาตูไม่สามารถผูกขาดได้ นี่เป็นเพราะว่าชาวชาตูไม่เข้าใจด้านการแพทย์พวกนี้ยังชำนาญ พวกเขารู้จักสมุนไพรไม่กี่ชนิดเท่านั้น

อีกทั้งผู้ที่กล้าประกอบธุรกิจร้านขายยาในเมืองแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ ชาวชาตูเคยทดลองก่อกวนธุรกิจร้านขายยามาบ้างแต่ในที่สุดพวกเขาก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจ

เอี้ยนลี่เฉียงเดินเข้าสู่ส่วนลึกของโกดังอย่างคุ้นเคย

เขาผลักกองวัตถุที่สุมอยู่ด้านหลังของโกดัง เช่นกระดานไม้และกระสอบป่านให้ออกไปด้านข้าง ใต้กองไม้กระดานและของที่คล้ายกัน มีห่วงโลหะปรากฏขึ้น เขาดึงห่วงโลหะขึ้นและเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่อยู่ด้านล่าง

ภายในเมืองผิงซีมีชาวฮั่นไม่มากที่รู้ว่าชาวชาตูได้ขุดโกดังใต้ดินขนาดใหญ่ไว้ใต้คลังสินค้าของพวกเขา

ในโกดังใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยอาวุธ ชุดเกราะ ดาบยาว หอก ทวนบนหลังม้า คันธนูและลูกธนู เรียงเป็นแถว อย่างเป็นระเบียบ สิ่งของเหล่านี้ล้วนเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับกองกำลังมากกว่าหมื่นคน

เอี้ยนลี่เฉียงสุ่มหยิบดาบยาวที่อยู่ด้านข้างออกมาค้นหาสัญลักษณ์พิเศษบางอย่าง

แม้ว่ามันจะถูกกลบเกลื่อนสัญลักษณ์ไปแล้ว แต่หากพยายามมองให้ชัดเจนก็จะเห็นอักษรที่ถูกสลักว่า 'กาน' ซึ่งหมายความว่าของชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นในโรงตีเหล็กทหารของแคว้นกานและเป็นอาวุธที่สร้างขึ้นสำหรับกองทัพหลวง

อาวุธเหล่านี้เดิมจะถูกจัดหาให้กับกองทัพของจักรวรรดิฮั่นที่ประจำการอยู่ในแคว้นกาน อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างชาวชาตูกลับสามารถลักลอบขนอาวุธพวกนี้มาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก

ครั้งสุดท้ายที่การนำเข้าอาวุธเข้ามาในเมืองของชนเผ่าชาตูถูกเปิดเผย แต่ความผิดของคนพวกนี้กลับหายไปในกลีบเมฆ

คนที่ร่วมมือกับชาวชาตูและปกป้องพวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่เย่เทียนเฉิงเท่านั้น แต่เรื่องพวกนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพของแคว้นกานและบุคลากรสำคัญอื่นๆ

เอี้ยนลี่เฉียงเดินสำรวจชั้นวางอาวุธไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงชั้นวางของคันธนูและลูกศร

ภายในคันธนูยาวเหล่านั้น มีความแข็งแกร่งเริ่มไปตั้งแต่หนึ่งต้านจนถึงสี่ต้าน

คันธนูที่แข็งแรงที่สุดถูกจำกัดไว้ที่สี่ต้าน สำหรับกองทหารที่สามารถใช้ธนูยาวได้ ถ้าพวกเขาสามารถดึงธนูสี่ต้านได้พวกเขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว

เอี้ยนลี่เฉียงหยิบธนูยาวและลูกศรทั้งหมดเหวี่ยงลงที่พื้น

ที่ด้านหลังสุดของโกดังนั้นมีหม้อขนาดใหญ่ที่ปิดสนิทหลายร้อยใบ เมื่อเห็นหม้อเหล่านี้เอี้ยนลี่เฉียงก็ยื่นมือไปคว้ามันแล้ววิ่งขึ้นสู่โกดังชั้นบนทันที

เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปที่หน้าโกดังและเปิดผนึกบนหม้อออก กลิ่นสนที่แปลกและร้อนแรงก็ลอยขึ้นไปในอากาศทันที

ที่แท้หม้อพวกนี้ก็คือหม้อน้ำมันสน!

นี่เป็นวัตถุทางทหารที่ควบคุมอย่างเข้มงวดที่สุดในจักรวรรดิฮั่น นอกเหนือจากกองทัพแล้วประชาชนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้น้ำมันสน

นี่เป็นเพราะว่าน้ำมันสนใช้เพื่อสร้างไฟเท่านั้น มันสามารถจุดได้ง่ายและยากที่จะดับลง ไม่มีใครยกเว้นทหารที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้

นอกจากนี้น้ำมันสนมีราคาสูงเกินไป มันทำยากและโรงกลั่นน้ำมันสนทั้งหมดถูกทหารควบคุมไม่ให้ขายในตลาด

เมื่อดูจากน้ำมันสนทั้งหมดนี้แล้ว ถ้าจะบอกว่าชาวชาตูต้องการใช้น้ำมันสนทำบาร์บีคิวและทำให้ร่างกายอบอุ่นในฤดูหนาว ใครจะเชื่อลง

เอี้ยนลี่เฉียงไม่เชื่อ

หลังจากเปิดน้ำมันสนแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็ทำตัวราวกับว่าเขาอยู่ในเทศกาลรดน้ำต้นไม้ เขาเทน้ำมันสนสองหม้อนั้นทุกที่ในโกดัง เพื่อให้มันกระจายอย่างทั่วถึง

หลังจากน้ำมันสนทั้งสองหม้อหมดไปเขาก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อหยิบน้ำมันสนหม้ออื่นขึ้นมาราดอีก

สรุปแล้วเอี้ยนลี่เฉียงใช้เวลายี่สิบนาทีเต็มเพื่อนำน้ำมันสนสามสิบหม้อมาเคลือบโกดังเหนือพื้นดิน ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็เดินหน้าไปทุบหม้อน้ำมันสนในโกดังใต้ดินจนหมด

นั่นให้น้ำมันสนรั่วไหลออกมา เอี้ยนลี่เฉียถอยออกจากโกดังใต้ดินและราดน้ำมันสนให้เป็นเส้นทางจะชั้นใต้ดินขึ้นไปบนชั้นสองอีกด้วย

เอี้ยนลี่เฉียงถอยกลับไปที่ประตูด้านข้างของโกดังอีกครั้ง เขาทุบหม้อน้ำมันสนในมือของเขาแล้วดึงตัวจุดไฟที่เขาพกมาด้วยออกจากอกเสื้อ

เมื่อจุดไฟแล้วเขาก็โยนมันลงบนพื้นโกดัง ทันใดนั้นเปลวไฟก็วูบวาบและลุกไหม้ที่พื้น ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที แสงวูบวาบนั้นได้เคลื่อนที่ไปหลายสิบเมตรราวกับโดมิโนที่เรียงกันเป็นแถว

เมื่อมองดูพื้นโกดังที่กำลังลุกไหม้ เอี้ยนลี่เฉียงก็หันกลับมาและรีบไปที่ผนังกำแพงด้านข้างของสนาม ในชั่วพริบตาเขาก็พลิกตัวข้ามกำแพงและหายตัวไปในความมืด

เอี้ยนลี่เฉียงรีบวิ่งไปตามตรอกซอกซอย และภายในเวลาเพียงสองนาที เขาก็อยู่ห่างจากโกดังนั่นไปไกลแล้ว ห่างออกไปสองลี้ เขาหันศีรษะไปทางโกดังและเห็นแสงสีแดงสะท้อนขึ้นไปบนท้องฟ้า แผนการของเขาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ข้างหน้าเขาเป็นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และมีต้นส้มที่มีใบหนาทึบอยู่ริมถนนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น เอี้ยนลี่เฉียงปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้ส้มต้นหนึ่งแล้วซ่อนตัวไว้

เพียงครู่ต่อมา แสงสว่างของไฟที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมืองผิงซี ชุมชนชาตูทั้งหมดก็เริ่มเกิดความวุ่นวาย เสียงฆ้องที่เข้มข้นดังขึ้นในความเงียบยามราตรี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด