ตอนที่แล้วEp.1030 - เรียกระดมพล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1032 - มือไม่หวังดีจากเบื้องหลัง

Ep.1031 - มัวชักช้า


Ep.1031 - มัวชักช้า

จ้าวเก๋อขมวดคิ้วทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของฉินเฟิง

“ไม่มีเวลาให้ชักช้าลังเลแล้ว หากสูญเสียโอกาสนี้ไป ครึ่งเดือนจากนี้ยังไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!” จ้าวเก๋อกล่าว

ฉินเฟิงโต้เถียงด้วยเหตุผล “ตอนนี้น่ะหรือเป็นโอกาส? ท่านผู้ใหญ่จ้าว รังของนางพญาอยู่ตรงไหน พวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำ บุกไปตอนนี้เลยมันไม่ใจร้อนไปหน่อยหรือ?”

“ฉินเฟิง คุณคงไม่ได้กลัวใช่ไหม? หรือจริงๆแล้วไม่อยากไปกันแน่?” หนึ่งในผู้ใช้พลังเลเวล SS ที่ยืนอยู่ข้างกายจ้าวเก๋อ ก้าวออกมากระตุ้นฉินเฟิง

แต่คนอย่างฉินเฟิงจะตกหลุมพรางอีกฝ่ายได้อย่างไร?

นอกจากนี้ หากเขาไม่อยากไป ไอ้หน้าไหนจะมาบังคับเขาได้

“อาวุธเทวะของผมยังต้องการวัสดุบางอย่างในการอัพเกรด ผมจำเป็นต้องสะสมแต้มสงคราม เพื่อนำไปแลกกับแร่ชนิดพิเศษ อีกอย่างผมไม่ชอบสู้ในศึกที่ไม่มั่นใจ คาดว่าใช้เวลาหนึ่งเดือนทุกอย่างจะเตรียมการเสร็จพอดี!”

ดวงตาของจ้าวเก๋อหรี่แคบลง เขาคิดว่าฉินเฟิงอาจใช้นี่เป็นข้ออ้างในการรีดไถ

“งั้นก็ได้ คุณต้องการวัสดุอะไร ก็เอามันไปได้เลย ฉันจะจ่ายให้ก่อนเอง เอาไว้ค่อยหักเป็นแต้มสงครามล่วงหน้า หลังจบปฏิบัติการนี้ การสังหารนางพญาน่าจะพอหักลบกับแต้มสงครามที่ใช้ไป แบบนี้ฟังดูเป็นอย่างไร?”

หากยกอ้างเหตุผลนี้ ฉินเฟิงก็ไม่น่าจะโต้แย้งได้แล้ว

“ถ้าได้แบบนั้นก็ไม่มีปัญหา!” ฉินเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในใจกลับลอบยิ้มเยาะ เพราะเขาย่อมเตรียมแผนการที่สองไว้รับมืออยู่แล้ว

จ้าวเก๋อพอได้ยินฉินเฟิงเห็นด้วย ความคิดที่ว่าฉินเฟิงกำลังต่อต้านก็เป็นอันปัดตกไป ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้สงสัยเลยว่านี่คือแผนสมคบคิด ขอแค่โยนผลประโยชน์ออกไปนิดๆหน่อย ก็ติดเบ็ดเสียแล้ว เรื่องนี้ทำให้จ้าวเก๋ออดดูถูกฉินเฟิงไม่ได้

แต่จะยังไงก็ช่าง แค่มันเป็นไปตามแผนก็โอเคแล้ว เมื่อจบปัญหาเรื่องฉินเฟิง จ้าวเก๋อก็เริ่มชักชวนผู้ใช้พลังคนอื่นๆ แต่จากทั้งหมดหมดที่อาสา มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เป็นคนเป็นคนฝ่ายตนเอง จ้าวเก๋อสามารถปกป้องพวกเขาได้ในช่วงเวลาวิกฤติ ส่วนคนที่เหลือ ก็ปล่อยให้ถูกฝังไปพร้อมกับฉินเฟิงแล้วกัน

‘ถ้าจะโทษ พวกแกทุกคนก็ไปโทษฉินเฟิงเถอะ!’

จ้าวเก๋อคิดในใจ

ผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวเก๋อ ไปสอบถามฉินเฟิงว่าต้องการแร่อะไร แต่ขากลับ สีหน้ากลับดูน่าเกลียดยิ่ง เพราะแร่ที่ฉินเฟิงต้องการ ล้วนเป็นแร่หายากระดับสูงทั้งนั้น ขนาดพวกเขายังไม่เคยได้ใช้พวกมันเลย ตรงกันข้าม กลับถูกฉินเฟิงขูดรีดไปอย่างง่ายดาย

“โอ! ถึงได้แร่มาครบแล้ว แต่ผมก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการหลอมอาวุธเทวะอยู่ดี ถึงจะไม่นานเท่าหนึ่งเดือน แค่คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาราวๆ 20 วัน เป็นเพราะผมทำให้แผนการของทุกคนต้องล่าช้า ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในช่วง 20 วันจากนี้ ผมจะรับหน้าที่ปกป้องสถานชุมชนให้เอง กวาดล้างกองทัพดาราเกราะเหล็กทุกตัวที่เข้ามา ฟังดูเป็นไง?”

พอได้รับของฉินเฟิงก็เอ่ยปากออกมา

ใบหน้าของจ้าวเก๋อแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันที “ฉินเฟิง! ตอนแรกคุณไม่ได้พูดแบบนี้”

“ผมไม่ได้พูดไปอย่างงั้นหรือ?  การหลอมอาวุธเทวะจำเป็นต้องใช้เวลา ผมคิดว่าทุกคนรู้เรื่องนี้กันอยู่แล้วซะอีก!” ฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน พร้อมแสดงสีหน้าสงสัย

“แต่ถ้าท่านผู้ใหญ่จ้าวรีบ จะออกไปสู้ก่อนก็ได้นะ และโปรดวางใจ ผมจะไม่เอาแร่พวกนี้ไปใช้ฟรีๆ ด้วยความแข็งแกร่งของผม จะกวาดล้างพวกดาราเกราะเหล็กไปเรื่อยๆ ถึงเวลานั้นน่าจะสะสมแต้มสงครามมากพอจนจ่ายคืนได้”

จ้าวเก๋อโกรธจนหายใจติดขัด

“ฉินเฟิง! อย่ามาเล่นลิ้น!”

เนื่องจากความคิดเห็นของฉินเฟิงกับจ้าวเก๋อไม่ลงตัว เสียงจึงเริ่มดังขึ้น คล้ายกำลังจะเกิดการต่อสู้กันในไม่ช้า คนอื่นๆพอเห็นแบบนั้น ก็เริ่มเกิดความกังวล ก้าวเข้ามาเกลี้ยกล่อม

“ท่านผู้ใหญ่จ้าว ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงมีส่วนช่วยพวกเราได้มากจริงๆ หลังจากอัพเกรดอาวุธเทวะแล้ว เขาต้องช่วยพวกเราได้มากกว่านี้แน่ๆ เช่นนั้นโอกาสในการกำจัดนางพญาก็จะยิ่งสูงขึ้น!”

“เรื่องกำจัดนางพญา ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น รออีกสักเดือนหนึ่ง รวบรวมผู้ใช้พลังให้มากกว่านี้จะดีกว่า”

“อีกอย่างระหว่างนั้น ยิ่งพวกเรากวาดล้างดาราเกราะเหล็กได้มากขึ้น ถึงเวลาตอนไปกำจัดนางพญา มันก็จะยิ่งสบาย!”

แม้เอ่ยไม่เหมือนกัน แต่ทุกประโยคมีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือรออีกหนึ่งเดือนจะดีกว่า

ฉินเฟิงลอบตกใจกับความร่วมมือจากคนอื่นๆในครั้งนี้ ตอนต่อสู้ในสนามรบฉินเฟิงไม่เคยรั้งอยู่เบื้องหลัง เขาสู้อยู่หน้าสุดไม่ยอมถอย ทุกคนจึงเกิดความประทับใจในตัวเขา

ชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมา เป็นผลให้ได้รับความเห็นชอบจากทุกคน

คนเหล่านี้พูดแทนฉินเฟิงโดยไม่รู้ตัว พวกเขาไม่คิดว่าคำขอของฉินเฟิงมากเกินไป ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่า สถานชุมชนแห่งนี้จะมีฉินเฟิงคอยปกป้องตลอดทั้งเดือน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรีบร้อนก็ได้

แม้ว่าพวกเขาจะช่วยพูดแทนฉินเฟิง แต่พวกเขาก็ไม่สงสัยว่านี่คือแผนของจ้าวเก๋อเช่นกัน ทั้งหมดไม่ทราบว่าที่จ้าวเก๋อโกรธมันเป็นเพราะฉินเฟิงกำลังเปลี่ยนแปลงแผนการของเขา

อย่างไรก็ตาม จ้าวเก๋อก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ เอาจริงๆแล้วลึกๆเขาเองก็รู้สึกผิดเล็กน้อย

“ความล่าช้ามักหมายถึงปัญหามากมายที่จะตามมา หนึ่งเดือนไม่ได้ ให้แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น!” จ้าวเก๋อยอมถอยให้ได้แค่เท่านี้ เขาไม่ต้องการรอถึงหนึ่งเดือน แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือ ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่รู้จะอธิบายอย่างไรกับจ้าวเหนือหัวอันผิง

“แค่นั้นก็ได้!”  โต้เถียงจนสามารถถ่วงเวลาได้เท่านี้ นับว่าเพียงพอแล้ว ที่นี้ปัญหาใหญ่ที่ต้องกังวลที่สุดคือตอนเข้าร่วมสมรภูมิกับจ้าวเก๋อ เพราะอีกฝ่ายไม่สามารถสังหารเขาอย่างโจ่งแจ้งได้

หลังจากบรรลุข้อตกลง ฉินเฟิงก็กลับมาที่พักชั่วคราวของเขาพร้อมแร่หายาก นำรูบิควิเศษออกมา

“หลังจากสามารถอัพเกรดมีดกษัตริย์ครามขึ้นเป็นเลเวล SS ได้แล้ว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันยังจะสามารถอัพเกรดไปได้อีกขั้นหรือไม่”

รูบิควิเศษนับเป็นอุปกรณ์ที่น่าทึ่งจริงๆ แต่มันก็มีขีดจำกัดเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ทราบ ว่าขีดจำกัดที่ว่ามันอยู่ตรงไหน

ฉินเฟิงโยนมีดกษัตริย์ครามลงไป จากนั้นนำแก่นสัตว์ร้ายของแม่แมลงตะขาบกระหายเลือด และวัสดุของแมลงหุ้มเกราะอีกจำนวนหนึ่งใส่ลงไป ตามด้วยแร่ที่ได้รับมา

วัสดุมากมายถูกผสมเข้าด้วยกัน ขจัดสิ่งเจือปนออกไปเป็นจำนวนมาก จากนั้นค่อยๆเกิดการหลอมรวม ด้วยความเร็วระดับนี้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาถึงสามเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์

แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ระหว่างช่วงเวลานี้ฉินเฟิงก็ไม่สามารถใช้งานมันได้น่ะสิ

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงย่อมมีวิธีการอื่นเตรียมไว้ เขาโยนรูบิควิเศษลงไปในมิติเร่งเวลาโดยตรง

จากภายนอก ยังคงสามารถมองเห็นถึงกระบวนการผสานหลอมของมีดกษัตริย์ครามในรูบิควิเศษ เขาพบว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน มีดที่มีรังสีแสงสีเลือด ก็ก่อรูปขึ้นในรูบิควิเศษ

“เสร็จสักที!”

ฉินเฟิงใช้พลังสมาธิเรียกมีดกษัตริย์ครามออกมา

หึ่ง!

มีดกษัตริย์ครามส่งเสียงฉวัดเฉวียน กลิ่นอายกระหายเลือดพวยพุ่งออกมา

มีดกษัตริย์คราม ณ ขณะนี้ ให้ความรู้สึกราวกับเป็นมีดวิเศษ นับแต่มันถูกอัพเกรดจนถึงปัจจุบัน มีดกษัตริย์ครามถูกเติมแต่งคุณสมบัติเข้าไปมากมาย และมาวันนี้ มันถูกเพิ่มคุณสมบัติกระหายเลือดเข้าไปอีกหนึ่ง

แต่เอาจริงๆเป็นเพราะมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ฉินเฟิงเลยใช้งานมันได้น้อยลง หลายคนจึงไม่ค่อยได้เห็นมัน แต่ถ้าได้ลองจับตาดูอย่างจริงจัง พวกเขาจะค้นพบถึงความน่าสะพรึงของมีดเล่มนี้

“ต่อให้เป็นนางพญาเลเวล SS แล้วยังไง? ภายใต้คมมีดเล่มนี้ ถ้าได้ลองลิ้มรสดูสักครั้ง น่ากลัวว่าคงไม่รอดเหมือนกัน!”

ฉินเฟิงกุมมีดกษัตริย์คราม  ก็เกิดความคิดเมื่อครู่ขึ้นมาทันที

เวลานี้สิ่งเดียวที่เขาต้องระวัง มีเพียงจ้าวเก๋อเท่านั้น

แม้มีดกษัตริย์ครามจะเลื่อนขั้นเป็นอาวุธเทวะเลเวล SS แล้ว แต่ฉินเฟิงยังคงลากถ่วงเวลาไปถึงครึ่งเดือน

ขณะเดียวกัน ก็คอยตรวจสอบคำกล่าวอ้างของจ้าวเก๋อ ว่ามีสถานการณ์ใดเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ระหว่างนี้มีคำสั่งเรียกกำลังพลเป็นระยะๆ และในจำนวนผู้มาเยือน ปรากฏผู้ใช้พลังระดับสูงขึ้นอีกคนหนึ่ง

ผู้เดินทางมามิใช่ผู้ใช้พลังทั่วๆไป แต่เป็นถึงผู้ใช้พลังเลเวล SSS

และผู้ใช้พลังคนนี้ ฉินเฟิงรู้จักเป็นอย่างดี

--เป็นเทพบุปผา!

“ฉินเฟิง ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง” เทพบุปผาเอื้อนเอ่ยอย่างอ่อนโยน ทักทายฉินเฟิง

เทพบุปผาในเวลานี้ แตกต่างจากในตอนอยู่ดาวทะเลดอกไม้

ในเวลานั้น รอบกายของเทพบุปผารายล้อมไปด้วยผู้ใช้พลังจากดาวทะเลดอกไม้ คนเหล่านั้น ทั้งหมดคล้ายกำลังพยายามคุ้มกันเธอ รายล้อมเธอให้ยืนหยัดอยู่ตรงกลาง เสมือนดั่งดารากำลังประจบสอพลอจันทรา

แต่เวลานี้ในสนามรบ เทพบุปผาก้าวนำหน้าผู้คน ความงดงามของเธอสะดุดสายตาทุกคนจนคล้ายเกิดอาการพร่ามัว แต่ความรู้สึกเช่นนั้นไม่นานก็หายไป ตอนนี้เธอให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนายทหารมากกว่า

ส่วนทัศนคติที่เธอมีต่อฉินเฟิง คือในฐานะพันธมิตรเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด