ตอนที่แล้วEp.1021 - การตัดสินใจของผู้รอดชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1023 - ทรัพย์ยากรด้อยคุณภาพ

Ep.1022 - นายยังไม่ตาย?


Ep.1022 - นายยังไม่ตาย?

ณ จุดนี้ สมาชิกองค์กรมืดที่เข้าปิดล้อมฉินเฟิง เมื่อเห็นสหายตนถูกโจมตีถึงแก่ความตายในคราเดียว ทั้งหมดพลันตกตะลึง

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตามปกติกลิ่นอายของฉินเฟิงจะถูกปิดซ่อนเอาไว้ ทว่าเมื่อต่อสู้มันจะถูกเปิดเผยออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล S1 เท่านั้น

ประเด็นก็คือในงานประลองนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างรวบรวมข้อมูลของกันและกันมาก่อนแล้ว ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงอยู่ที่ขั้นไหน รูปร่างหน้าตามีลักษณะพิเศษอย่างไร คนของทางพันธมิตรองค์กรมืดได้รับข่าวมานานแล้ว

ดังนั้น เมื่อฉินเฟิงปรากฏตัว ทั้งหมดจึงรู้สึกว่าฉินเฟิงกำลังแส่หาที่ตาย

แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นการโจมตีของฉินเฟิง มันกลับทำให้พวกเขาสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ

ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

อบิลิตี้ที่ปลดปล่อยออกมาจากผู้ใช้พลังเลเวล S1 เพียงเฝ้ามองจากข้างๆ กลับเปี่ยมล้นไปด้วยรัศมีแห่งความตาย มันคืออำนาจที่มิอาจหลบหนี ผู้ใดพบเห็นบังเกิดจิตขลาดเขลาในการต่อสู้

พวกเขาเกิดความเข้าใจขึ้นมา ว่าเทคนิคอบิลิตี้ที่ฉินเฟิงปลดปล่อยเมื่อครู่ สหายของตนยังไม่รอด แล้วพวกเขาจะรอดได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจก็ส่วนความเข้าใจ ซึ่งในความเป็นจริง ด้วยสถานะผู้ใช้พลังเลเวล S1 ของฉินเฟิง ไม่ควรที่จะมีเทคนิคอบิลิตี้ที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้

พวกเขาจะไปทราบได้อย่างไร ว่าฉินเฟิงจะครอบครองดาวเคราะห์ทมิฬที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้

สามารฆ่าคนในพริบตา ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้เข้าใส่พวกที่ยืนอึ้งอยู่ข้างนอก คนที่เหลือได้สติ กระโจนเข้าพยายามหยุดยั้งฉินเฟิง ทว่าเมื่อก้าวสู่ระยะประชิด ก็ถูกรับมือด้วยมีดกษัตริย์คราม

การต่อสู้นี้ ดำเนินไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันก็จบลง

เพียงแต่ว่า หมิงเทียนห่าวที่วิ่งหลบหนีไปไม่ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

ฝูงที่รับชมในเมืองเซ็นทรัลซิตี้ เวลานี้สาปแช่งการกระทำของเขาเป็นที่เรียบร้อย

การต่อสู้ในครั้งนี้ หากฉินเฟิงเสียชีวิตจริงๆ ผู้ชมคนอื่นๆคงไม่คิดอะไรมาก เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติของงานประลองเพื่อสันติภาพ แม้หลังความตาย ก็ยังอาจได้รับการพิจารณาความดีความชอบ และยกย่องความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในฐานะผู้ที่ทำคุณประโยชน์ต่อพันธมิตรมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง เขากลับสามารถเอาตัวรอดได้ ดังนั้นสิ่งที่หมิงเทียนห่าวกำลังทำอยู่ตอนนี้ เกรงว่าคงกลายเป็นจุดด่างพร้อย และตามมาซึ่งคำดูถูกนับไม่ถ้วน

หากหมิงเทียนห่าวไม่วิ่งหนี นี่คงเป็นการพลิกสถานการณ์สำหรับเขา สามารถตอบโต้การไล่ล่าสังหารได้อย่างงดงาม อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับกำไรเล็กๆน้อยๆติดตัว

แต่น่าเสียดาย ที่ยาแก้ความเสียใจมันไม่มีในโลก หมิงเทียนห่าวหลบหนีไปแล้ว เอาจริงๆเรียกได้ว่าวิ่งหางจุกตูด ละครฉากนี้ คนที่พวกเขาคิดว่าต้องตายแน่ๆ ดันคว้าผลงานชั้นเลิศไปครองแต่เพียงผู้เดียว

แบบนี้สิ่งที่รอหมิงเทียนห่าวอยู่ภายนอก คงมีเพียงความอัปยศ ชื่อเสียงเสื่อมเสียเท่านั้น

ฉินเฟิงไม่ได้สนใจว่าหลังจากนี้หมิงเทียนห่าวจะพบเจอสถานการณ์เยี่ยงไร อยากหนีก็หนีไป อีกฝ่ายไม่สำคัญสำหรับเขา ขอแค่อย่าย้อนกลับมาแล้วขอแบ่งปันสินสงครามก็พอ

หลังจากเก็บรวบรวมตรา ฉินเฟิงพบว่าเขาไม่ได้รับตราแค่ 5 ชิ้น แต่มากถึง 8 ชิ้น ชัดเจนว่าทีมนี้เคยสังหารคนจากสมาชิกพันธมิตรมนุษย์มาก่อน

การเก็บเกี่ยวในครั้งนี้ ฉินเฟิงเลยได้รางวัลพิเศษติดไม้ติดมือมาด้วย

ยังไงก็ตาม พันธมิตรองค์กรมืดซึ่งเดิมเหลือแค่ 12 คน เวลานี้เมื่อหักลบกับการตายของทั้ง 5 ปัจจุบันจึงเหลือเพียง 7 คนเท่านั้น

และทั้ง 7 คนเหล่านี้ สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศมันไม่ถูกต้อง

ระหว่างพวกเขาออกเดินสำรวจ หลายคนพบว่าทุกคนที่พวกเขาบังเอิญพบหน้าล้วนมาจากกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ทั้งสิ้น

มีกระทั่งกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ที่รวมตัวกันเป็นทีม และค่อยๆผนึกกำลังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทั้ง 7 คนฝั่งพันธมิตรองค์กรมืด กลับไม่อาจเสาะหาสหายของตนเอง

เมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็พอสรุปได้เพียงเหตุผลเดียว--

--จำนวนสมาชิกระหว่างทั้งสองฝ่ายมันเหลื่อมล้ำกันมากเกินไป!

สถานการณ์เช่นนี้ ในช่วงงานประลองเพื่อสันติภาพทั้ง 300 ครั้งที่ผ่านมา เคยเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง เมื่อตาชั่งเอนเอียงไปในทิศทางหนึ่งจนสังเกตเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่าสมาชิกร่วมทีมของพวกเขาถูกสังหารลงไปเยอะแล้ว ด้วยเหตุนี้เลยไม่สามารถตามหาเพื่อนร่วมทีมได้

ที่เหลืออีก 7 คน จึงตัดสินใจซ่อนตัวอย่างระแวดระวัง

แต่สมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ เมื่อรวมตัวกันได้มาก ก็เริ่มออกปูพรมค้นหา พยายามกำจัดตัวแทนจากองค์กรมืดเหล่านั้น เพื่อยึดตรามิติ

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ในที่สุดก็มีคนค้นพบที่ซ่อนขององค์กรมืด ฉินเฟิงสังหารพวกมันไปหนึ่ง แต่ไม่ค้นพบเป้าหมายอีกต่อไป

เผลอแปปเดียว เจ็ดวันก็ผ่านไป งานประลองสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ

พันธมิตรองค์กรมืด พ่ายแพ้อย่างย่อยยับในงานประลองเพื่อสันติภาพครั้งนี้ อีกฝ่ายเหลือผู้ใช้พลังเพียง 3 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ แต่หนึ่งในนั้นคือผู้ใช้พลังที่สามารถทำแต้มโจมตีได้อันดับต้นๆ เลยสามารถชิงตรามาได้ 3 ชิ้น

หากคิดคำนวณจากที่กล่าวมานี้ การจัดสรรแบ่งปันมิติในครั้งนี้ เท่ากับว่าในมิติทั้งหมดที่ได้รับการสำรวจ ทางฝั่งพันธมิตรองค์กรมืดได้ไปแค่ 500 มิติเท่านั้น แน่นอน และเป็นทางฝั่งพันธมิตรมนุษย์ที่ได้รับที่เหลืออีก 4,000 มิติมาครอง สามารถคว้ากำไรก้อนโต

บนสนามประลอง ตราในมือฉินเฟิงเปล่งแสงสีเงินออกมา จากนั้นประตูมิติก่อตัวขึ้น

ฉินเฟิงก้าวเข้าไปข้างใน เขาทราบว่านี่คือประตูแสงที่จะพาตนกลับไป

เมื่อผู้ประลองก้าวออกจากสนาม ผู้ชมนับไม่ถ้วนล้วนเบนสายตาเป็นทิศทางเดียว ณ ใจกลางสนามประลองของเซ็นทรัลซิตี้ ประตูแสงถูกกางออก ผู้คนก้าวออกมาจากข้างในทีละคน

ไม่นาน พวกเขาก็ค้นพบเป้าหมายที่กำลังมองหา

“ฉินเฟิง! นั่นเขา! เขาออกมาแล้ว!”

คนแรกร้องอุทาน แม้จะไม่ได้ใช้กำลังภายในหรือพลังสมาธิ แต่ผู้คนกว่าครึ่งจตุรัสล้วนได้ยินมัน

เวลานี้ คล้ายสวิตซ์ไฟถูกกดเปิด เสียงเชียร์กระหึ่มดังขึ้น

“ฉินเฟิง ทำได้ดีมาก!”

“ฉินเฟิง นายคือวีรบุรุษ สมควรได้รับฉายาอันดับหนึ่งของเลเวล S ไปครอง!”

คำชมเชยเหล่านี้ดังก้องเป็นระยะๆ จนสุดท้ายฟังไม่รู้เรื่อง เหลือแค่เสียงตะโกนเรียกชื่อ

“ฉินเฟิง! ฉินเฟิง! ฉินเฟิง!”

ฉินเฟิงก้าวออกมาจากประตูแสง ไม่คาดหวังเลยว่าเขาจะได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายขนาดนี้

แต่สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพราะในใจกำลังคิดถึงผลกำไรที่ตนจะได้รับ

สำหรับเสียงเชียร์ของคนเหล่านี้ ฉินเฟิงไม่ได้มีความสุขอะไรมากมาย ห้วงอารมณ์ยังคงสงบเยือกเย็น

มนุษย์ต้องการฮีโร่ ชมชอบบูชาวีรบุรุษ ส่วนเรื่องที่ว่าฮีโร่ต้องเผชิญกับอะไรมาบ้างไม่ใช่สิ่งที่คนพวกนี้สนใจ ดังนั้นกำลังใจเล็กๆน้อยเช่นนี้ ฉินเฟิงไม่ได้นึกจริงจังกับมัน

แต่ผลงานในครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ก่อประโยชน์ใดๆเลยซะทีเดียว

‘ดูเหมือนว่าการแสดงของฉันในงานประลองนี้ จะได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมาย บางทีมันอาจช่วยสร้างชื่อเสียงให้แก่ฉัน ถึงเวลานั้น พอได้เผชิญหน้ากับคนอย่างเส้าตงเฟิง มันอาจจะช่วยให้ง่ายขึ้น’

‘แต่การมีชื่อเสียงมากๆ เกรงว่าจะชักนำมาซึ่งปัญหา โด่งดังเกินไปก็ไม่ใช่อะไรที่ฉันชอบเหมือนกัน’

ระหว่างที่ฉินเฟิงกำลังคิดเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน มีอีกคนหนึ่งที่ต้องตกใจ

มิใช่ใครอื่น เป็นหมิงเทียนห่าว

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? ทำไมคนพวกนี้ถึงตะโกนเรียกชื่อฉินเฟิง?”

ต้องขอบอกว่า ในมิติประลองมีขนาดใหญ่มาก สิ่งนี้นำไปสู่ความจริงที่ว่าหลังจากการไล่ล่า หมิงเทียนห่าวไม่เพียงแทบไม่พบผู้ประลองคนอื่นๆ แต่ยังไม่พบฉินเฟิงอีกด้วย

ช่วงเวลานี้ เมื่อเขาได้ยินเสียงเชียร์รอบๆ หมิงเทียนห่าวก็กวาดตามองตามจิตใต้สำนึก ไม่นาน เขาก็พบกับร่างที่คุ้นเคย

“ฉินเฟิง!? นี่นาย … ไม่ได้ตายไปแล้วหรอกหรอ?” หมิงเทียนห่าวอุทานด้วยความประหลาดใจ

ฉินเฟิงเหลือบมองหมิงเทียนห่าว ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ อีกฝ่ายจะยังสับสนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“แน่นอน ผมยังไม่ตาย หรือคุณคาดหวังให้ผมตายล่ะ?”

“อ๊ะ แน่นอนว่าไม่ นายคิดบ้าอะไร ครั้งก่อนต้องขอบคุณนายจริงๆ ที่ช่วยดึงความสนใจคนของพวกองค์กรมืดไว้ ว่าแต่หลังจากนั้นนายหนีมาได้ยังไงอะสหาย ฮ่าฮ่าฮ่า คงใช้ไพ่ตายในมือล่ะสิใช่ไหม ไม่อย่างนั้น ตอนนั้นนายคงไม่กล้าเข้าไปช่วยพวกเรา!” หมิงเทียนห่าวเผยรอยยิ้มอบอุ่น ใช้วาจาไม่กี่คำ ก็สามารถเปลี่ยนให้เรื่องที่ต้องถูกแก้แค้นเป็นอันตกไป

“เหอ เหอ” ฉินเฟิงยิ้มเหน็บแนม “คุณไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมจะแก้แค้นหรือไม่ นั่นไม่สำคัญ ที่คุณต้องทำตอนนี้ คือเค้นสมองให้มากที่สุด แล้วไปแก้ตัวกับผู้ชมดีกว่า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด