ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 37 หมาป่าเดียวดายชั่วนิรันดร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 39 แมวแก่และผู้กำกับ กับแรงกระตุ้น

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 38 หมาป่าเดียวดายชั่วนิรันดร์


ตอนที่ 38 หมาป่าเดียวดายชั่วนิรันดร์

ในซอยหลักตึกกองกำกับการตำรวจ

ฉินหยู่กอดอก ขมวดคิ้วมองไปที่แมวแก่แล้วถามว่า “ฉีหลินอยู่ที่บ้านของนายเหรอ?”

“ใช่” แมวแก่พยักหน้า “เขาถูกยิง ฉันเพิ่งหาหมอมาตรวจดูเขา”

“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” ฉินหยู่ถาม

หลังจากคิดเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน แมวแก่ก็อธิบายสถานการณ์ที่เขารู้ให้ฉินหยู่ทราบอย่างละเอียด

หลังจากได้รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด ฉินหยู่ก้มลงครุ่นคิดขณะเดินวนไปมา ก่อนถามว่า

“เรื่องนี้มันใหญ่มาก นายคิดว่านายจะซ่อนเขาได้ไหม?”

แมวแก่สะดุ้งเมื่อได้ยินคำถาม

“ฉันไม่คิดว่านายจะซ่อนเขาได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หยวนเค่อคงรังควานเขาต่อไป” ฉินหยู่กล่าวเสริม

แมวแก่หยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมาสูบเข้าไปเฮือกใหญ่และทิ้งช่วง ก่อนพูดว่า “ฉันรีบมาหานายก็เพราะว่า ฉันอยากจะขอให้นายทำบางอย่างให้ฉีหลิน”

ฉินหยู่สะดุ้งเล็กน้อย “งั้น บอกมาสิ”

“ฉันต้องหาวิธีดูแลฉีหลิน และส่งเขากับแม่และน้องสาวออกไปจากซงเจียง นายช่วยฉันติดต่อกับเพื่อนข้างนอกที่อยู่พื้นที่โครงการพัฒนา และช่วยเตรียมที่ให้พวกเขาอยู่ได้ไหม?” แมวแก่ตรงไปตรงมาและพูดต่อ

“เขาจะออกไปได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของเขา แต่ฉันก็ยังต้องทำสิ่งที่ฉันต้องทำ”

ฉินหยู่จ้องไปที่แมวแก่ และตอบด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมาเช่นกัน

“ฉันไม่คิดว่าฉันกับฉีหลินรู้จักกันมากพอที่ฉันจะช่วยเขาอย่างงั้นได้”

แมวแก่ตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“...นี่ไม่ใช่กรณีง่ายๆ ของการฆ่าคนด้วยปืน นายต้องคิดด้วยว่ามีการขัดผลประโยชน์กัน และมีเหตุผลเบื้องหลังมากมาย ถ้าฉันช่วยเขาแล้วเดือดร้อน หากเกิดอะไรขึ้นกับฉัน แล้วใครจะช่วยฉันได้” ฉินหยู่ถามอย่างสุขมรอบคอบ

แมวแก่สูบบุหรี่เฮือกใหญ่อีกครั้ง

“แมวแก่ ฉันต้องใช้เวลาหลายปีในการทำงานหนักในพื้นที่โครงการพัฒนา กว่าจะสามารถมาที่ซงเจียงเพื่อซื้อสิทธิอยู่อาศัยและงานได้ นายมีผู้กำกับหลี่อยู่เหนือนาย แต่ฉันไม่มี” ฉินหยู่บอกแมวแก่อย่างตรงไปตรงมา

“ขอโทษที ฉันช่วยเรื่องนี้ไม่ได้”

แมวแก่เงยหน้าขึ้นมองดูฉินหยู่ แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มพร้อมพูดว่า

“ฉันรู้ว่านายมีความทะเยอทะยาน และมีความคิดมากมาย ฉันเข้าใจในสิ่งที่นายเลือกได้”

ฉินหยู่ไม่ได้พูดอะไร

“เสี่ยวหยู่ นายรู้ไหมว่าทำไมฉีหลินถึงมาถึงจุดนี้” แมวแก่ถามเบาๆ

ฉินหยู่นิ่งอึ้งฟัง

“จริงๆ แล้วนายค่อนข้างคล้ายกับเขาทีเดียว นายมักจะรู้ว่านายต้องการอะไร นายสงบและเด็ดเดี่ยวในทุกสิ่งที่นายทำ นายคิดว่านายสามารถแยกแยะข้อดีข้อเสียของสิ่งต่างๆ ในช่วงเวลาวิกฤติได้เสมอ เพียงแต่ คนหนึ่งแข็งแกร่งเกินไป อีกคนอ่อนแอเกินไป นายทั้งคู่ต่างกันคนละขั้ว”

แมวแก่สูบบุหรี่ไฟฟ้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ฉันอยากจะบอกนายว่า ถ้าเจ้านี่ใช้ชีวิตอย่างสงบเกินไป ไม่มีแรงผลักดัน เขาอาจไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาทำ ชีวิตฉีหลินเป็นตัวอย่างที่น่าคิด อีกอย่าง

ถ้าเขาไม่มีเพื่อนสนิทในชีวิตเลย ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะไปได้ไกลหรอก...ฉันมาหานายวันนี้

เพราะฉันคิดว่านายเป็นเหมือนคู่หู และคิดว่าเราเป็นเพื่อนแท้ เลยไม่ได้มองหาคนช่วยข้างนอก…แต่ขอโทษ

ฉันประมาทเกินไป”

ฉินหยู่ขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร

“ฉันจัดการเอง นายกลับไปเหอะ” แล้วแมวแก่ก็หันเดินจากไป

ฉินหยู่กอดอกมองตามหลังแมวแก่ไป แล้วตะโกน “นายรู้อยู่แก่ใจว่าผู้กำกับหลี่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องการค้ายา มันเลยง่ายสำหรับนายที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อนายต้องการ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแมวแก่ตอบกลับโดยไม่หันมามองเลยขณะเดินไปที่รถ “เสือส่วนมากแค่ขู่คำรามให้น่ากลัว แต่ในช่วงเวลาวิกฤติจริงๆ มันก็ยังคิดปกป้องเพื่อนพ้อง แล้วแมวแก่ๆ อย่างฉันล่ะ แย่กว่ามันเหรอ? จะแตกหักหรือไม่ฉันยังไม่รู้ แต่ฉันจะปกป้องฉีหลินอย่างแน่นอน”

หลังจากพูดจบ แมวแก่ก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป

……

ก่อนเกิดเหตุการณ์ของฉีหลิน แมวแก่มักจะดุด่าฉีหลินเป็นครั้งคราวราวกับว่าเขาเป็นลูกชาย หากคนนอกมองเข้ามา จะเห็นว่าฉีหลินไม่เท่าเทียมกับแมวแก่เลย เป็นแค่เพียงหมาเลียข้างแมวแก่ แต่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับฉีหลิน คนที่เขาคุ้นเคยทั้งหมดก็ปลีกตัวออกห่างด้วยความรังเกียจ ในที่สุด คนที่กัดฟันต้องการช่วยฉีหลินมีเพียงคนเดียวก็คือ แมวแก่ คนที่มักจะดูถูกฉีหลินเป็นอยู่เป็นปกติวิสัย

การดูแคลนของแมวแก่บางทีก็จริง

แต่มิตรแท้ ก็มีจริงเช่นกัน

แมวแก่เป็นคนแบบนี้ ต่อให้เก่งแค่ไหนฉันก็อาจเข้ากับนายไม่ได้ แต่ตราบใดที่ฉันปฏิบัติต่อนายในฐานะเพื่อน หากนายเดือดร้อนฉันจะไปช่วยแน่นอน

ระหว่างทางกลับหอพัก ฉินหยู่ก้มหน้าเดินกับความรู้สึกยุ่งยากใจ นึกถึงคำพูดของแมวแก่ มันทำให้เขารู้สึก…ประทับใจอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อตอนที่เขาอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนา โดยปกติแล้วฉินหยู่ไม่ไว้ใจใครเลย เพราะเขาได้เห็นด้านที่ไม่ดีและธรรมชาติของมนุษย์มากเกินไป มีสัตว์ร้ายมากมายที่ขายภรรยาและลูกๆ เพียงเพื่อให้ได้อาหารกินและมีงานทำ เมื่อเขาเห็นสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นมากขึ้น  หัวใจของเขาก็เย็นชาลงเรื่อยๆ นี่เป็นเพราะผู้คนมีความรู้สึกต้องปกป้องตนเองโดยธรรมชาติ ฉินหยู่อาจไม่ตระหนักด้วยซ้ำว่า แม้ว่าจิตใจเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้นแล้วตอนนี้ เขาดูเหมือนจะสูญเสียความโอบอ้อมอารีของมนุษย์ไปอย่างไม่รู้ตัว

คำพูดของแมวแก่ยังคงก้องอยู่ในใจของฉินหยู่ เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความสงสัยในตัวเอง ความรักสงบเกินเหตุและความหนักแน่นในเป้าหมายของเขาถูกต้องหรือไม่? วิธีการเอาตัวรอดในพื้นที่โครงการพัฒนา สามารถนำไปใช้กับเขตที่ 9 ได้ไหม?

เส้นทางชีวิตนั้นยาวไกลและโดดเดี่ยว และฉันจะเดินคนเดียวตลอดการเดินทางได้จริงหรือ?

สถานะและความสัมพันธ์ของแมวแก่ภายในกองกำกับการตำรวจนั้น แข็งแกร่งกว่าของเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นแมวแก่ก็กล้าปกป้องฉีหลิน ในขณะที่ฉินหยู่ ผีร้ายที่รอดมาจากพื้นที่โครงการพัฒนา กลับกังวลมากเกินไปในสถานะเล็กๆ ของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะสำคัญผิดว่าตนเองใหญ่เกินไปหรือเปล่า?

มิตรภาพระหว่างฉีหลินกับฉินหยู่ ยังไม่ถึงระดับตายแทนกันได้อย่างแน่นอน

แต่มิตรภาพขนาดตายแทนกันได้ของคนอื่นเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือ?

ฉินหยู่หยุดเดินในขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ และทันใดนั้นเงาของแมวแก่ก็แวบขึ้นมาในหัวของเขาอีก

แมวแก่สามารถดุด่าฉีหลินได้ทุกวัน หากมองผิวเผิน เขาชอบเหน็บแนมเสียดสีและไม่น่าเชื่อถือ แต่ในช่วงเวลาวิกฤติ เขากล้าที่จะทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อช่วยเพื่อน ดังนั้นคนแบบนี้ มีค่าคู่ควรเป็นเพื่อนแท้กับคุณไหม?

ฉินหยู่ลังเลแล้ว ลังเลเล่า แต่ในที่สุดเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

“ให้ตายเถอะ ไม่ว่าคนจะฉลาดแค่ไหน เขาก็สามารถติดเชื้อโง่จากคนอื่นได้เสมอ...” ฉินหยู่ถอนหายใจและกดหมายเลขทันที

สิบวินาทีต่อมาก็มีเสียงตามสายมา “สวัสดี?”

“มาคุยเรื่องขายยากันเถอะ” ฉินหยู่หันหลังกลับ และออกจากประตูหลังของตึกกองกำกับการ แล้วเร่งฝีเท้าไปอีกฟากหนึ่งของถนน

……

บนชั้นสองของบ้านเดี่ยวสามชั้นที่เซ็นจูรี่อเวนิว

หยวนเค่อล็อกประตู ยืนอยู่ที่หน้าต่างพร้อมกับพูดโทรศัพท์มือถือของเขา “ฉีหลินไม่มีเพื่อนมากนัก เขามีแค่แมวแก่”

“ความสัมพันธ์ระหว่างแมวแก่กับผู้กำกับหลี่…” ชายในสายพูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ “มันตรวจสอบได้ยากมาก”

“นายแค่รับผิดชอบในการค้นหาว่าฉีหลินอยู่ที่ไหน! ส่วนฉันจะจัดการอีกเรื่องเอง!” หยวนเค่อตะโกนด้วยแววตาแห่งความโกรธเกรี้ยว “ให้มันลอยนวลอยู่ไม่ได้! และเราต้องได้ช่องทางแหล่งค้าส่ง!”

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”

……

ภายในโกดังแห่งหนึ่งบนถนนฟู่หยวน

หลังจากที่หมอทำความสะอาดบาดแผลของฉีหลินเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะจากไป แมวแก่ก็จับเขามัดไว้พร้อมกับขู่ด้วยปืน “ตอนนี้หมอยังออกไปไม่ได้ เมื่อเพื่อนฉันออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว ฉันจะปล่อยคุณไปพร้อมกับเงินค่ารักษา”

“พวกคุณนี่เชื่อไม่ได้เลย!” หมอตะโกน “หยาบคาย คุณหยาบคายเกินไปแล้ว!”

“หยุดพูดซะที ประสาทจะกินแล้ว! คุณจะโดนกระทืบถ้ายังไม่เงียบอีก” แล้วแมวแก่ก็ลากหมอออกไปโดยไม่มีเหตุผล เอาไปขังไว้ในห้อง จากนั้นเขาก็กลับมาคุยกับเพื่อนของเขาที่ช่วยหาหมอมาให้ “นายช่วยหาวิธีส่งฉีหลินออกไปได้ไหม?”

“...เขาฆ่าพี่เขยของหยวนหัว...ตอนนี้ข้างนอกนั่นกำลังวุ่นวายน่าดู ยากเกินไปที่จะส่งเขาออกนอกเขต” เพื่อนแมวแก่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจมาก “พี่ก็รู้ว่าฉันทำได้แค่ไหน”

แมวแก่เกาหัว “นายเคยบอกว่า นายสามารถติดต่อคนจากกองทหารรักษาการณ์ได้ ทำได้หรือเปล่า?”

“มันพูดยาก” เพื่อนส่ายหัว

บนเตียงไม้โทรมๆ ฉีหลินไออย่างรุนแรงและตะโกนออกมา “ปล่อยฉันไว้คนเดียว...ส่งแม่และน้องสาวของฉันไปเถอะ…”

“หุบปาก!” แมวแก่ตวาดฉีหลินด้วยความหงุดหงิด

……

บนชั้นสองของบ้านเดี่ยวสามชั้นบนถนนเซ็นจูรี่อเวนิว

พี่สามเดินกะโผลกกะเผลกลงมาชั้นล่างตะโกนบอกลูกน้องที่ยืนอยู่ในห้องกว่า 20 คนว่า

“คำสั่งมาเรียบร้อยแล้ว พวกนายทุกคนขึ้นตรงกับฉัน กระจายกำลังทั้งหมดออกไป พวกนายต้องค้นหาว่า

ไอ้ฉีหลินมันอยู่ที่ไหนภายใน 12 ชั่วโมง!”

…………………………………………………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด